บทที่ 44 เงื่อนไขของลู่เฉิน
“เธอมีวิธีแก้ไขวิกฤตนี้?”โมเสี่ยวซานหัวเราะ ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาล้อเล่น ช่างตลกจริงๆ
ไม่เพียงแต่โมเสี่ยวซานจะไม่เชื่อ แม้แต่พ่อของเธอเองก็ยังไม่เชื่อ
เงินจำนวนหนึ่งพันล้าน ไม่ใช่หนึ่งล้าน
“ช่วยบอกหน่อยว่าเธอสามารถไปหาเงินมาได้หนึ่งพันล้านหรือเกลี้ยกล่อมธนาคารให้อิงเวลาชำระเงินตามสัญญาเดิมกัน?” โมเสี่ยวหยุนพูดเยาะเย้ย
“หยู่ฮันส์ อย่าทำเป็นเล่นไป” พ่อของเธอดุขึ้น เขารู้ดีว่าลูกสาวตนนั้นมีความสามารถ แต่เขาก็รู้ดีว่าคนที่เธอรู้จักนั้นไม่มีใครสามารถให้หยิบยืมได้
“คุณพ่อคะ หนูไม่ได้ล้อเล่นนะคะ” โมหยู่ฮันส์พูดแล้วหันไปทางหญิงชรา
“คุณย่าคะ หนูมีวิธีจัดการวิกฤตครั้งนี้ได้จริงๆ มีคนยินดีซื้อหุ้นของตระกูลเราและช่วยเราให้พ้นจากวิกฤตครั้งนี้”
หญิงชราครุ่นคิด ตอนนี้พวกเขามีวิธีจัดการอยู่เพียงสามอย่าง
หนึ่งคือเกลี้ยกล่อมให้ธนาคารยินยอมทำตามสัญญาเดิม สองคือหาหยิบยืมเงินจำนวนหนึ่งพันล้าน สามคือขายหุ้นส่วนบริษัท
แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือวิธีที่หนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ในตระกูลทุกคนเธอก็ลองมาหมดแล้วไม่เป็นประโยชน์
ก่อนหน้านี้ตระกูลโมไม่ลงรอยกับผู้คนจำนวนไม่น้อย อย่าพูดถึงหนึ่งพันล้าน เพียงแค่หนึ่งร้อยล้านก็ไม่สามารถหยิบยืมได้ในตอนนี้
ถ้าอย่างนั้นการขายหุ้นส่วนคงเป็นช่องทางสุดท้าย
“บริษัทอะไร?”หญิงชราถามโมหยู่ฮันส์ หากเป็นคนที่ความสัมพันธ์ไม่ดีนัก เธอคงไม่ยินยอมขายให้เพราะหากฝ่ายตรข้ามฉวยโอกาสควบคุมตระกูลโมคงไม่ใช่เรื่องดี สองนั้นหากถือหุ้นมากเกินไปก็อาจค่อยๆกลืนกินทุกอย่างไปได้
“เอ่อ เป็นบริษัทนอกท้องถิ่นแห่งหนึ่งค่ะ”โมหยู่ฮันส์ตอบ
“นอกท้องถิ่น? งั้นลองมาคุยกันดูสิ” หญิงชราพยักหน้าตอบรับ คาดว่าพวกเขาคงต้องการใช้ตระกูลเป็นสะพานเข้าไปในวงการธุรกิจนี้
“ได้ค่ะ หนูจะโทรนัดให้ตอนนี้เลย” โมหยู่ฮันส์ดีใจ รีบหยิบมือถือโทรหาลู่เฉิน
“คุณลู่คะ ก่อนหน้านี้ที่เราคุยกันเรื่องซื้อหุ้นส่วนบริษัทตระกูลโม ไม่ทราบว่าคุณสะดวกวันไหน พวกเราลองมาคุยกันดูไหมคะ?”โมหยู่ฮันส์เปิดลำโพงคุย
“ผมสะดวกทุกเวลา แต่ต้องรอทีมเจรจาของผมมาถึงจึงจะดำเนินการได้” ลู่เฉินตอบ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ได้ไหมคะ?” โมหยู่ฮันส์ลองถาม
“ตอนกลางคืนจะสะดวกกว่า เพราะทีมเจรจาผมเดินทางมาถึงที่นี่ตอนบ่าย อ้อแล้วก็รบกวนบอกการประเมินมูลค่าโดยประมาณของบริษัทของคุณให้ผมที”
“บอกเขาไปว่าสองพันห้าร้อยล้าน” หญิงชราพูดขึ้น ที่จริงแล้วมีมูลค่าเพียงสองพันล้านเท่านั้น แต่ที่พวกเขาสามารถกู้เงินได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านเพราะลู่เทียนซิงพ่อของลู่เฉินนั่นเอง
“คุณย่าบอกว่าสองพันล้านค่ะ” เนื่องจากเปิดลำโพงคุย โมหยู่ฮันส์จึงคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงได้ยินก่อนแล้ว
“โอเค รบกวนบอกคุณหญิงหน่อยนะว่า ผมจะใช้เงินสองพันล้านซื้อหุ้นส่วนของตระกูลโมสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
อะไรนะ?
สองพันล้าน ซื้อหุ้นส่วนของตระกูลโมเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์
สมาชิกครอบครัวโมตกใจมากและปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือลู่เฉินโกหกแน่นอน
เงินจำนวนสองพันล้านสามารถซื้อหุ้นส่วนทั้งหมดของตระกูลโมเลยด้วยซ้ำ
โมหยู่ฮันส์เองก็งงเช่นกัน
เธอเชื่อว่าลู่เฉินต้องช่วยเหลือตระกูลโมแน่นอน แต่คาดไม่ถึงว่าจะใช้เงินสองพันล้านซื้อหุ้นส่วนของตระกูลโมเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์
“คุณย่าครับ ไอ้นี่มันเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ๆ” โมเสี่ยวซานพูดกับหญิงชรา
“ใช่ๆ ก็บอกไปอยู่ว่าทัรพย์สินตระกูลโมทั้งหมดสองพันห้าร้อยล้าน แต่นี่อะไรกลับใช้เงินสองพันล้านซื้อหุ้นส่วนของตระกูลโมเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่พวกต้มตุ๋นก็คงบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“หยู่ฮันส์ วางสายไปซะไม่ต้องใส่ใจในคำพูดเขาแล้ว คิดว่าตระกูลโมของเราหลอกง่ายหรือไงกัน?”
เมื่อเห็นท่าทางของลูกหลานเช่นนั้น ถึงแม้ตัวเธอจะไม่ได้แสดงออก แต่ลึกๆก็เห็นด้วยเช่นกัน
“เอ่อ…คุณลู่คะ คุณพูดจริงหรือเปล่า ตระกูลโมเรามีทรัพย์สินเพียงสองพันห้าร้อยล้านเท่านั้น” โมหยู่ฮันส์พูดย้ำ
“แน่นอนสิครับ แต่ผมมีเงื่อนไข……”
เมื่ได้ยินลู่เฉินเอ่ยถึงเงื่อนไข ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบรอฟัง
“คะ เงื่อนไขอะไร?” โมหยู่ฮันส์เก็บอารมณ์ดีใจไว้ เพราะเธอรู้ว่าเงื่อนไขที่ลู่เฉินกำลังจะพูดนั้นคืออะไร
“รบกวนบอกกับคุณหญิงว่า หากให้คุณดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ คืนนี้สามารถมาคุยกันได้ เงินจำนวน 2,000 ล้านผมจะโอนให้ทันทีหลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย ทางคุณลองตัดสินใจให้ดีแล้วกัน” พูดจบลู่เฉินก็วางสายไป
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน สายตาของโมยูซานก็มองมาที่โมหยู่ฮันส์
“ น้องโมหยู่ฮันส์ ช่างใจกว้างเสียจริงนะ” โมยูซานพูดด้วยความโมโห
บรรดาคนอื่นๆก็มองมายังโมหยู่ฮันส์ สีหน้าของพวกเขาไม่ดีนัก
มีเพียงพ่อของโมหยู่ฮันส์เท่านั้นที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขแอบแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
“ โมหยู่ฮันส์เธอรู้จักคนคนนี้ใช่ไหม และยังมีความสัมพันธ์อันดีงามกับเขาด้วย” หญิงชราพยายามคิดในแง่ดี ที่จริงแล้วเธอเองก็ยังแอบสงสัยว่าหลานสาวจะร่วมมือกับชาวนอกท้องถิ่น มาเล่นงานตระกูลโมของเธอ
หากเป็นเช่นนั้นเธอคงผิดหวังมาก
เมื่อโมหยู่ฮันส์ได้ยินดังนั้น เธอก็เป็นกังวลเนื่องจากฟังออกจากเสียงของคุณย่าว่ากำลังสงสัยเธอ
“ คุณย่าคะคนๆนี้ฉันรู้จักและคุณย่าเองก็รู้จักด้วย เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์บีบบังคับเขาไม่สามารถมาพบคุณย่าได้ด้วยตนเอง หากคุณย่าไม่เชื่อสามารถถามเขาได้ด้วยตนเอง” โมหยู่ฮันส์รู้ดีว่าคุณย่าของเธอนั้นมีความขี้สงสัย หากไม่เอ่ยถึงตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉินบ้างเล็กน้อย เธอมั่นใจ ว่าคุณย่าไม่เชื่อเธอแน่นอน
“ฉันก็รู้จักงั้นหรือ?” หญิงชราขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“แน่นอนค่ะและอีกอย่าง ที่เขายินดีเข้ามาช่วยซื้อหุ้นส่วนของบริษัทเรา วัตถุประสงค์แท้จริงแล้วเพียงเพื่อต้องการช่วยเหลือให้ตระกูลเรารอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ไม่ได้มีความต้องการจะยึดสมบัติทุกอย่างของตระกูลไว้ในครอบครอง” โมหยู่ฮันส์ ขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ แซ่ลู่ เป็นคนจากบ้านลุงเขยงั้นหรือ?” หญิงชราเอ่ยถาม
คนอื่นๆก็มองไปที่ โมหยู่ฮันส์ หากเป็นคนที่ลู่เทียนสิง ส่งมาแล้วล่ะก็ทุกอย่างจะต้องจัดการได้อย่างเรียบร้อยแน่นอน
“คุณย่าคะ คืนนี้ลองไปเจรจาด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะเขาไม่ต้องการให้หนูพูด” โมหยู่ฮันส์ส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนนัดเขาคืนนี้เราจะไปคุยกัน” หญิงชราแม้จะมีความสงสัยแต่เธอก็สบายใจไปไม่น้อย
โมหยู่ฮันส์พยักหน้าตอบรับแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาลู่เฉิน
“คุณลู่คะ คุณย่าอยากไปเจรจากับคุณด้วยตนเอง รบกวนบอกเวลาและที่อยู่ด้วยค่ะ” โมหยู่ฮันส์พูด
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนมาที่โรงแรมที่ผมพักอยู่แล้วกันนะครับ”
“อ้ออีกอย่าง คุณย่าต้องการเดินทางไปเจรจากับคุณด้วยตนเอง” โมหยู่ฮันส์เน้นย้ำ
ลู่เฉินตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ ทุกคนตั้งตารอฟังคำตอบจากเขา
” ตกลงครับเจอหนึ่งทุ่มตรง” สุดท้ายแล้วเขาก็ตอบตกลง
โมหยู่ฮันส์เก็บโทรศัพท์มือถือ หญิงชราพูดขึ้นว่า” เอาล่ะวันนี้ประชุมถึงแค่นี้ หยู่ฮันส์กับเสี่ยวซาน พวกเธอสองคนไปเป็นเพื่อนฉันเพื่อพบบุคคลลึกลับนี้ด้วย”
“ค่ะ ครับคุณย่า” ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ เมื่อหญิงชราเดินออกไปจากที่ประชุม โมเสี่ยวซานก็หาพบ
โมเสี่ยวซานมองดูโมหยู่ฮันส์ด้วยความไม่พอใจ “คิดไม่ถึงว่าเธอจะร้ายขนาดนี้เหอะๆ คอยดูแล้วกันแม้ว่าเธอจะมีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่คุณย่าจะไม่ยกตำแหน่งประธานกรรมการให้กับเธออย่างแน่นอน เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง ธุรกิจของตระกูลโมจะไม่ให้ผู้หญิงมาเป็นคนจัดการแน่นอน”
โมหยู่ฮันส์มองดูโมเสี่ยวซานแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินหันหลังกลับไป
เมื่อมองเห็น โมหยู่ฮันส์เดินจากไป โมเสี่ยวซานก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“ พี่คิดว่าคนนั้นจะเป็นใครกัน เป็นคนจากบ้านลุงเขยส่งมาช่วยพวกเราจริงๆหรอ?”โมเสี่ยวหยุนถามด้วยความแปลกใจ
“ ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรเล่าเธอไม่ไปถามด้วยตัวเองดูล่ะ” โมเสี่ยวซานพูดอย่างไม่พอใจแล้วเดินจากไปเช่นกัน
“ อย่าไปถามเลย ถ้าหากว่าคุณย่าตกลงเงื่อนไขกับคนๆนั้นแล้ว ก็ต้องยกตำแหน่งประธานกรรมการกับโมหยู่ฮันส์อย่างแน่นอน พี่ชายเธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนั้นไง” คนอื่นๆพูด
“ อ๋อเข้าใจ แล้วแต่จากนิสัยของคุณย่ารับรองว่าจะไม่มอบตำแหน่งประธานกรรมการกับผู้หญิงอย่างแน่นอน” โมเสี่ยวหยุนพยักหน้าเห็นด้วย
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลโมต้องการความช่วยเหลือ แต่คุณย่าคงไม่ยกตำแหน่งประธานกรรมการใก้แก่ โมหยู่ฮันส์แน่นอน