บทที่ 77 วังซิงจอมขี้ขลาด
เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของพ่อตา ลู่เฉินได้แต่ยิ้มเขาเดินตรงไปยังวังซิง
เขารู้ดีว่าการที่จะทำให้พ่อตาไม่หวาดกลัวและเชื่อใจเขา100%ได้นั้น จะต้องทำให้เขาเห็นว่าลู่เฉินไม่กลัววังซิง
เมื่อเห็นลู่เฉินเดินไปทางวังซิงด้วยตนเองเช่นนั้น ผู้คนทั้งหลายก็พากันตกตะลึง
เขากินยาไม่เขย่าขวดหรือไง? วังซิงอุตส่าห์ไม่ติดใจเอาความเขาแล้ว แต่เขากลับเดินเข้าไปหาเรื่องด้วยตัวเอง
“ผมพนันได้เลยว่าเจ้านั่นเดินเข้าไปขอโทษวังซิงแน่นอน” เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นจ่าวเทียนหยู่ก็พูดออกมา
“ใช่ๆต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ” คนอื่นๆก็พากันเห็นด้วย
หลินดาไห่เองก็คิดว่าลู่เฉินเดินเข้าไปขอโทษวังซิงอีกครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเขาจะเดินเข้าไปหาวังซิงเพื่ออะไร?
ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา ลู่เฉินก็เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าวังซิง
วังซิงมองดูลู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อสักครู่ลูกน้องของเขาได้ถูกลู่เฉินทำร้ายต่อยตีจนไม่มีชิ้นดี เรื่องนี้เขารู้ดี บอดี้การ์ดเหล่านั้นเขาได้คัดเลือกมาจากกองทหารเชียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพวกผู้บริหารชั้นสูงที่มีความสามารถในการต่อสู้และออกรบ
คาดไม่ถึงว่าผู้มีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งสี่คน จะไม่สามารถต่อสู้กับลู่เฉินแค่เพียงคนเดียวได้ ทำให้เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด
“ยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ” วังซิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
ลู่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเดินขึ้นเข้าไปและตบหน้าวังซิงเข้าสองที
หะ!!!
เมื่อได้เห็นภาพนี้ทุกคนที่อยู่ในห้องล้วนเงียบสนิท คล้ายกับไม่มีแม้กระทั่งวิญญาณ
ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่เฉินจะกล้าตบหน้าวังซิงต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้
พวกเขาเบิกตากว้างและแทบจะไม่กล้าแม้แต่หายใจ
แม้กระทั่งจั่วชิงเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นก็ยังตกตะลึง
เขาเพิ่งเคยพบเห็นคนที่กล้าตบหน้าวังซิงต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้เป็นคนแรก
ในเมื่อเขากล้าตบวังซิงต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาคงคิดมาก่อนแล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้วังซิงต้องอับอายขายหน้า แต่เป็นการตบหน้าตระกูลวังทั้งตระกูล
เขาผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เพียงแต่ว่าถึงแม้จะมีเทคโนโลยีอี้ฉีอยู่เบื้องหลัง แต่เทคโนโลยีอี้ฉียังไม่มั่นคง เกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับตระกูลวังที่ยิ่งใหญ่ได้
“ท่านจั่วครับ ลู่เฉินตายแน่ๆงานนี้” ตี๋ฟู่แอบกระซิบข้างหู
“อีกเดี๋ยวถ้าหากสถานการณ์บีบบังคับ ส่งกำลังคนมาช่วยลู่เฉินอย่างลับๆ” จั่วชิงเฉิงยิ้มออกมาที่มุมปากแล้วพูดเบาๆ
การที่เทคโนโลยีอี้ฉีและตระกูลวังต่อสู้กันเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น
ดังนั้นเขาจึงกำลังจัดเตรียมเชื้อเพลิงให้กองไฟ เขาต้องการให้ลู่เฉินและวังซิงเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
ทางด้านหลินดาไห่ขาอ่อนจนกระทั่งลงไปนั่งอยู่ที่พื้น
จบแล้ว……
จบเห่กัน! ตายแน่ๆ!
เขาเป็นถึงคุณชายผู้สืบทอดสกุลของบ้านตระกูลวังเชียว ลู่เฉินกลับกล้าตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
หาเรื่องใส่ตัวแล้วไง!
“พ่อคะ ทำยังไงกันดีล่ะทีนี้ พี่เขยหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่าหรือนี่”หลินอี้เจียพยุงหลินดาไห่ขึ้นมา ในใจเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากหลินดาไห่นัก
“ดาไห่ ทางที่ดีผมว่าคุณควรจะพาลูกสาวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้นพวกคุณก็คงจะต้องลำบากด้วย” หวงยาวจุนเอ่ยตักเตือนขึ้นมาด้วยท่าทีเคร่งเครียด
ลู่เฉินแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง เขาไม่อาจเข้าไปยุ่งได้ แต่กับหลินดาไห่ทั้งสองรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนพ่อลูกต้องเดือดร้อนไปด้วย
ภายในใจของหลินดาไห่สับสน ขัดแย้งกันมาก เขาไม่อยากจากไปเช่นนี้แต่เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลวัง เขาก็จำเป็นจะต้องจากไป
แต่หากเขาทำเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่!
ลู่เฉินเป็นลูกเขยของเขา
เมื่อสักครู่เพิ่งจะช่วยให้เขาได้เงินมาตั้งหลายสิบล้าน
“พ่อคะ?จะลังเลอะไรกันอีก พี่เขยเขาหาเรื่องใส่ตัวก็อย่าไปสนใจเขาเลย” หลินอี้เจียลากแขนหลินดาไห่แล้วเดินออกไปข้างนอก
ในขณะที่หลินดาไห่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็ถูกหลินอี้เจียลากออกไป
“แก แก!กล้าต่อยฉันได้ยังไง?” เมื่อวังซิงดึงสติกลับคืนมาได้เขาก็จ้องลู่เฉินตาเขม็ง
หากแววตาสามารถฆ่าคนได้คาดว่าบัดนี้ลู่เฉินคงตายไปแล้วไม่รู้กี่รอบ
“สองหมัดเมื่อสักครู่ ผมเพียงแค่คิดดอกเบี้ยให้กับเพื่อนรักของผม ต่อไปนี้คือสิ่งที่บ้านตระกูลวังควรจะได้รับกลับไป” ลู่เฉินพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“แกมันบ้าไปแล้วหรือไง!ฉันไปรู้จักเพื่อนแกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” วังซิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เขาไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้เลย ถ้าไม่มีบอดี้การ์ดอยู่รอบๆเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“คุณรู้จักดีแน่นอน อีกอย่างวันนี้อย่าได้มารบกวนผมอีกละ ไม่อย่างนั้นวังเหวินเสวี่ยก็คือตัวอย่างของคุณ” ลู่เฉินหัวเราะเบาๆและไม่สนใจวังซิงอีก
วังซิงตกใจมาก พี่ชายของเขาเมื่อตอนบ่ายเพิ่งถูกคนทำร้ายจนลูกอัณฑะแตก เรื่องนี้เขาเองยังเพิ่งรู้เมื่อสักครู่ แต่ทำไมเจ้านี่ถึงได้รู้?
เมื่อนึกถึงสภาพที่พี่ชายต้องพบเจอ วังซิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาและไม่กล้าทำให้ลู่เฉินโมโห
ชายที่ดีต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เรื่องนี้เขารู้เป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะมองเห็นลู่เฉินทำท่าทีโอ้อวดเพียงไร เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมาสักคำ
หากเจ้าบ้านี่มันเกิดคลั่งขึ้นมาอีกและเตะอัณฑะของเขาเหมือนพี่ชายจะทำยังไงกัน!
แต่เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่!
“ไอ้กระจอก ถ้าฉันไม่ให้บทเรียนกับแกฉันก็ไม่แซ่วังอีกต่อไป!” วังซิงพูดออกมาอย่างโกรธแค้น
เมื่อได้ยินลู่เฉินขู่เขาเช่นนั้น เขาคับแค้นใจแต่ไม่กล้าลงมือ จึงได้แต่พูดจาหาเรื่อง ผู้คนทั้งหลายมองเขาด้วยสายตาเปลี่ยนไปในทันที
เก่งแต่ปาก?
เขาเป็นทายาทเศรษฐีบ้านตระกูลวังคนนั้นจริงๆหรือ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ่าวเทียนหยู่และหลี่เหวินกวง ตอนนี้ทั้งสองคนดูถูกวังซิงอย่างมาก
จากเดิมพวกเขายังหวังว่าจะให้วังซิงจัดการลู่เฉินเสียหน่อย
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะทำให้วังซิงอ่อนน้อมได้เพียงนี้
“โธ่เอ๊ย!ที่แท้เขาก็เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว”
“นั่นน่ะสิ เจอคู่แข่งที่แข็งกว่าก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว!”
จั่วชิงเฉิงเองก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง ในใจเขาก็รู้สึกดูถูกวังซิงขึ้นมาเช่นกัน
เมื่อครู่เขายังหวังว่าจะให้ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดแท้ๆ แต่หากลู่เฉินสู้ไม่ได้เขาเองก็พร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วย
ใครจะรู้กันล่ะว่าวังซิงจะขี้ขลาดขนาดนี้
เมื่อลู่เฉินกลับมา มองไม่เห็นหลินดาไห่และหลินอี้เจียเขาได้แต่ส่ายหัว
จากเดิมเขาต้องการจะสั่งสอนวังซิงเพื่อให้ทั้งสองไม่กลัววังซิงอีกต่อไป
ใครจะรู้ว่าตนเองเล่นแรงจนเกินไปถึงขนาดทำให้หลินดาไห่และหลินอี้เจียกลัวจนหนี
“โอเค พอแล้วงานกำลังจะเริ่มแล้วทุกคน มาเล่นกันอย่างสนุกสนานดีกว่า” เมื่อจั่วชิงเฉิงเห็นผู้คนทั้งหลายตกอยู่ในความตื่นตระหนกก็ได้หยิบไมโครโฟนออกมาแล้วพูด
ผู้คนทั้งหลายได้สติกลับคืนมาและพวกเขาไม่กล้าไปหาเรื่องลู่เฉินแม้แต่น้อย สายตาทุกคนจับจ้องไปยังของบนเวที
พนักงานมากมายถือหีบกล่องเล็กกล่องน้อยเดินเข้ามา
อัญมณีขนาดมหึมาถูกพวกเขาล้อมไว้ บรรดาพ่อค้าและผู้ที่มีความสนใจต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์
“สวัสดีครับทุกท่าน เรามาเล่นเกมเพื่อความสนุกสนานกันก่อนไหม?”
ในขณะนั้นเองจั่วชิงเฉิงได้เอ่ยออกมา
ผู้คนทั้งหลายหันมองไปยังจั่วชิงเฉิง
จั่วชิงเฉิงเองยิ้มหัวเราะและพูดว่า “การที่จะเดาหินอัญมณีที่อยู่ด้านในนั้นไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ เกมของเราก็คือ ผมจะให้พวกจับคู่แล้วพนันน้ำหนักของอัญมณีที่อยู่ด้านใน ทางด้านของผมจะมีเจ้าหน้าที่สำหรับตรวจสอบให้ ฝ่ายใดแพ้ก็จำเป็นจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับอีกฝ่ายหนึ่งเป็น จำนวนสองเท่าคิดว่ายังไงบ้าง?”
“อืม ดีมาก! น่าตื่นเต้นจริงๆ ว่าแต่กฎกติกาเป็นยังไง?”บุคคลหนึ่งให้ความสนใจและเอ่ยถามขึ้น