บทที่ 79-80 หยูโจวพ่ายแพ้
เมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามท้าดวลเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นจั่วชิงเฉิงหรือบรรดาพ่อค้าแห่งเมืองหยูโจวคนไหนล้วนมีสีหน้าไม่ดีนัก
แต่ผู้มาร่วมงานในวันนี้มีเพียงตระกูลจั่วเท่านั้นที่พอมีความสามารถสู้กับพวกเขาได้ นอกจากนั้นก็คงเป็นบ้านตระกูลวัง ส่วนอีกสามตระกูลใหญ่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน
ถ้าพวกเขาตอบตกลง อาจเสียเปรียบเพราะเห็นชัดว่าฝ่ายตรงข้ามเตรียมพร้อมมาอย่างดี จึงได้เชิญปรมาจารย์มีชื่อเสียงมาด้วย หากไม่รับคำท้าคงจะอับอายขายหน้า บรรดาชาวหยูโจวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ในเมื่อเถ้าแก่โจวมีความสนใจจะเล่นกับพวกเรา ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะเล่นกับท่านด้วย” จั่วชิงเฉิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะรับคำท้า เนื่องจากคิดว่าการปฏิเสธไม่ใช่วิธีที่ดีนัก อาจกลับทำให้งานในวันนี้ดูน่าขันยิ่งขึ้น
“ฮ่าๆๆข้าชื่นชอบท่านจั่วจริงๆ เอาอย่างนี้แล้วกันเรามาแข่งขันกัน3ครั้ง หากชนะ2ใน3 ก็จะเป็นผู้ชนะไป ในแต่ละรอบวางเงินเดิมพันไม่ต่ำกว่า5พันล้าน อีกทั้งผู้แพ้พนันจะต้องนำเข้าอัญมณีจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น คุณกล้ารับคำท้าหรือไม่?” โจวซุนเฟยรู้สึกว่าข้อกำหนดของจั่วชิงเฉิงนั้นยังไม่ถึงใจพอ เขาจึงตัดสินใจถามออกไปโดยตรงว่ามีความกล้าพอหรือไม่ ทำให้จั่วชิงเฉิงกลัวเกิดความกลัวขึ้นมา
เมื่อสีหน้าของจั่วชิงเฉิงเปลี่ยนไป บรรดาคนอื่นๆก็เริ่มตื่นตระหนก
ซึ่งหากพวกเขาแพ้พนันในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สูญเสียห้าพันล้านเท่านั้น ปัญหาก็คือหยูโจวจะถูกตัดแหล่งการนำเข้าวัตถุดิบทุกช่องทาง
ส่วนผู้ชนะนั้นจะสามารถตัดขาดการนำเข้าวัตถุดิบก็เป็นได้
จั่วชิงเฉิงกัดฟันแล้วมองไปยังผู้คนทั้งหลายเลยถามว่า “พวกคุณคิดว่าอย่างไร?”
ตระกูลจั่วถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในหยูโจว แต่เรื่องของอัญมณีนั้นบรรดาพ่อค้าทั้งหลายล้วนรู้ดีว่าบ้านตระกูลจั่วมีอำนาจในการควบคุมด้านของอัญมณี
บรรดาพ่อค้าอัญมณีทั้งหลายล้วนต้องพึ่งพาอาศัยบ้านตระกูลจั่วทั้งนั้น การที่จั่วชิงเฉิงถามออกมาเช่นนั้นก็หมายความว่าหากพวกเขาเห็นด้วยแล้วแพ้พนันขึ้นมาทุกคนจะต้องร่วมรับผิดชอบกัน
“คุณจั่ว พวกเราฟังคุณ การตัดสินใจนี้พวกเราจะร่วมเข้าด้วย” ชายหัวโล้นและบรรดาพ่อค้าอัญมณีทั้งหลายถูกกดดันจนแทบจะกระอักเลือด
แม่งเอ๊ย! มาเหยียบที่ของเราแล้วยังกล้าดูถูกเจ้าถิ่นขนาดนี้
“ครับ ตกลงตามนั้น” จั่วชิงเฉิงพยักหน้าและมองไปยังโจวซุนเฟย
“เถ้าแก่โจวพวกเรามาเริ่มกันดีกว่า” จั่วชิงเฉิงเอ่ยออกมา
โจวซุนเฟยหัวเราะแล้วเดินไปแลกเงิน
“ศาสตราจารย์หวง ถึงตอนที่คุณจะต้องโชว์ฝีมือแล้วล่ะ” จั่วชิงเฉิงเดินมาหยุดต่อหน้าหวงยาวจุน
หวงยาวจุน หยูเจิ้งเทาและเล่ยหมิงเฉาเป็นศาสตราจารย์ด้านของสะสมโบราณที่มีชื่อเสียงในหยูโจว แต่ทุกคนนั้นก็มีสิ่งที่ถนัดไม่เหมือนกัน
บังเอิญที่หวงยาวจุนมีความสามารถเรื่องของอัญมณี
“ผมเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ 100% หากจะเปรียบเทียบในประเทศแล้ว ผมก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง” หวงยาวจุนพูดอย่างเปิดเผย
“ศาสตราจารย์หวง คุณเป็นคนที่มีความรู้เรื่องอัญมณีมากที่สุดในหยูโจวของพวกเราแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่ออกหน้าให้ เกรงว่าคนอื่นยิ่งไม่มีโอกาสเข้าไปใหญ่นะครับ” จั่วชิงเฉิงพูดออกมา
บรรดาผู้คนทั้งหลายก็ทยอยกันเข้ามาขอร้องให้หวงยาวจุนช่วยเหลือ สุดท้ายแล้วหวงยาวจุนจึงได้แต่ออกหน้าเดินขึ้นไปบนเวที ภายในใจเขานั้นไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย
เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตัวมาอย่างดีดังที่กล่าวไว้ อาจารย์ที่เชิญมาวิเคราะห์ให้ก็ไม่ใช่มือสมัครเล่น
“เรื่องราวครั้งนี้มีผลกระทบต่อหยูโจวของพวกเราโดยตรง อาจารย์ต้องทำให้พวกเราชนะให้ได้นะครับ” ชายหัวโล้นพูดขึ้นอย่างเคารพ
“ครับ ผมจะพยายาม” หวงยาวจุนพูดออกมา
“พวกเราอย่าสร้างแรงกดดันให้กับศาสตราจารย์หวงเลย ท่านทำดีที่สุดก็พอแล้ว” จั่วชิงเฉิงหันไปบอกกับบรรดาผู้ที่อยู่ด้านล่าง
พวกเขาล้วนพยักหน้าเห็นด้วย เนื่องจากการพนันอัญมณีในครั้งนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ทางด้านอัญมณีของหยูโจว แน่นอนพวกเขาหวังว่าศาสตราจารย์หวงจะชนะ
“อาจารย์ครับผมฝากด้วยนะครับ” โจวซุนเฟยพูดกับชายผู้หนึ่ง
“ครับ ผมเองก็อยากรู้จริงๆว่าที่อยู่โจนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องอัญมณีอยู่จริงหรือเปล่า” ชายผู้นั้นพูดพร้อมกับชายตามองหวงยาวจุน
“สวัสดีครับผมหวงยาวจุน เคยศึกษาเรื่องพนันอัญมณีมาบ้างเล็กน้อย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” หวงยาวจุนยื่นมือออกไปและทำท่าจะจับมือกับอาจารย์อีกฝ่ายหนึ่ง
ชายชราเสื้อสีเขียวผู้นั้นใช้สายตาดูถูกมองไปที่หวงยาวจุน เขาไม่ได้ยื่นมือออกมาเพื่อที่จะทักทาย “หวงยาวจุนงั้นเหรอ?ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน มองดูแล้วคุณน่าจะเป็นพวกอ่อนหัดจริงๆ”
หวงยาวจุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกอึดอัดใจมาก บรรดาพ่อค้าอัญมณีของหยูโจวล้วนจ้องมองไปที่เขาด้วยใบหน้าดุเดือด คนๆนี้อวดดีเกินไปแล้ว เขาไม่เห็นชาวหยูโจวในสายตาแม้แต่น้อย
“เอาล่ะครับ เริ่มได้” จั่วชิงเฉิงเองก็รู้สึกไม่พอใจจึงตัดบทพูดออกมา
หวงยาวจุนหัวเราะเหอะๆ จากนั้นเดินไปยังหีบที่วางอยู่แล้วเลือกอัญมณีออกมาก้อนหนึ่ง
ชายชราเสื้อเขียวนั้นได้แต่ขำ เขารอให้หวงยาวจุนเลือกเสร็จก่อนจึงค่อยเข้าไปเลือกอย่างช้าๆ
ไม่ว่าคุณภาพภายในจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแค่หยิบมันมาก้อนหนึ่งเท่านั้น
ท่าทางของชายชราเสื้อเขียวนั่นดูแล้วน่าหมั่นไส้ ทำให้บรรดาพ่อค้าเพชรพลอยในหยูโจวรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นักแต่ ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงกล้าทำเช่นนั้น
การแข่งขันในรอบแรก พวกเขาทั้งสองคนได้เดาประเภทของอัญมณีได้ถูกต้อง เรื่องของน้ำหนักนั้นหวงยาวจุนมีความคลาดเคลื่อนไป 30 กรัม ส่วนชายชราเสื้อเขียวคลาดเคลื่อนไปเพียง 15 กรัม มีความแตกต่างที่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
จั่วชิงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ภายในใจของเขาเริ่มสั่นคลอน
ทางด้านของหวงยาวจุนเม็ดเหงื่อเริ่มซึมออกมาจากหน้าผาก
บัดนี้เขาจำเป็นต้องยอมรับว่าฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถมากกว่าเขาเหลือเกิน
“จำไว้ว่าผมชื่อเจิ้งซีเหอ การแข่งขันรอบสุดท้ายจำเป็นต้องแข่งต่อไหม?” เจิ้งซีเหอเอ่ยเยาะเย้ยถากถาง
“อะไรนะ!เขาคือผู้ชำนาญด้านการพนันอัญมณีอันดับ 3 ของประเทศ อาจารย์เจิ้งงั้นเหรอ?”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีบัดนี้ใจเต้นรัว มิน่าเล่าอาจารย์หวงถึงได้พ่ายแพ้แก่เขาตั้งแต่รอบแรก และยังห่างกันมากเหลือเกิน
พูดได้ว่าความสามารถคนละชั้นเลยก็ได้
จั่วชิงเฉิงเองก็ตกใจเช่นกัน ฝ่ายตรงข้ามเชิญศาสตราจารย์ผู้ได้รับขนานนามว่าเป็นมือวางอันดับ 3 ของประเทศมา พวกเขาจะมีความหวังอะไรกันเล่า
“ศาสตราจารย์เจิ้งนี่เอง ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท” หวงยาวจุนถอนหายใจออกมา ในใจเขานั้นให้ความเคารพเจิ้งซีเหอจากใจจริง
เจิ้งซีเหอเพียงแต่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรมากมายกับหวงยาวจุน
แม้หวงยาวจุนบัดนี้จะทำอะไรไม่ถูก แต่ภายในใจของเขาไม่ยอมแพ้
“คุณจั่วครับ ผมแนะนำให้คุณเชิญท่านอื่นขึ้นมาเถิด ผมไม่มีความสามารถพอจริงๆ” หวงยาวจุนกำมือขึ้นประกบกันหันไปพูดกับจั่วชิงเฉิงจากนั้นเดินลงไปจากเวที
“อาจารย์หวงผมขออีกสักสนามนึงเถอะ” จั่วชิงเฉิงอยากให้เขาช่วยพนันอีกสักหนึ่งสนาม เนื่องจากในที่นี้นอกจากหวงยาวจุนแล้วอาจารย์คนอื่นก็ไม่สามารถเทียบกับเจิ้งซีเหอได้เลยแม้แต่น้อย
หวงยาวจุนส่ายหัวเมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร เขาเองไม่มีความมั่นใจที่จะพนันในรอบต่อไปอีกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงมือวางอันดับ 3 ของประเทศ หากเขายังดันทุรังต่อไปก็มีแต่ทำให้อับอายขายหน้า
เมื่อบรรดาพ่อค้าเพชรพลอยในเมืองหยูโจวเห็นหวงยาวจุนเดินลงมาจากเวทีอย่างนั้น ใจพวกเขาก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
จำนวนเงิน 5,000ล้านไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พวกเขาร่วมมือกันคนละนิดคนละหน่อยก็สามารถจัดการได้แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าหลังจากนี้พวกเขาจำเป็นจะต้องนำเข้าวัตถุดิบจากบ้านตระกูลโจวเท่านั้น นี่ทำให้พวกเขาสูญเสียผลประโยชน์ไม่น้อยเลย
อีกทั้งเสียหน้าโดยไม่รู้จะกู้คืนกลับมาอย่างไร
“คุณจั่วครับ ไม่ทราบว่าสนามที่สองยังประลองอยู่หรือไม่?” โจวซุนเฟยหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บรรดาพ่อค้าอัญมณีที่มากับเขาทั้งหลายก็มองไปยังผู้เข้าร่วมงานด้วยความเยาะเย้ย
สีหน้าของจั่วชิงเฉิงแย่มากในตอนนี้และภายในใจเขาช่างร้อนรน
หากพูดถึงบ้านตระกูลจั่วแล้วนั้นการสูญเสียเงินแค่ไม่กี่พันล้านไม่ใช่ปัญหา
แต่หากแพ้พนันจะทำให้หมดหนทางในการนำวัตถุดิบเข้ามา แน่นอนว่าเขาต้องถูกผู้คนในตระกูลตำหนิติเตียนเป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีผลกระทบต่อการสืบทอดบัลลังก์ทายาทแน่นอน
“หยูโจวไม่มีผู้มีความสามารถในการพนันอัญมณี ต่อให้แข่งอีกสัก 100 รอบก็แพ้ทุกรอบ” เจิ้งซีเหอพูดอย่างอวดเก่ง
“หยูโจวก็มีดีเพียงเท่านี้งั้นหรือ มีปัญญาจัดงานใหญ่ขนาดนี้ผมคิดว่าพวกคุณจะมีผู้มีความสามารถเสียอีก น่าผิดหวังจริงๆ” โจวซุนเฟยหัวเราะออกมา
บรรดาพรรคพวกของเขาก็หัวเราะตามไปด้วยพร้อมกับสายตาอันเหยียดหยามดูถูก
พ่อค้าเพชรพลอยในเมืองหยูโจวโมโหเสียจนทำอะไรไม่ถูก แต่ขนาดศาสตราจารย์หวงยังพ่ายแพ้แก่พวกเขา จะให้ทำอย่างไรได้ นอกจากอดกลั้นไว้ในใจ
“สนามที่สองพวกเราขอ……” ในที่สุดจั่วชิงเฉิงก็กัดฟันแล้วกำลังจะพูดว่าพวกเราขอสละสิทธิ์ให้คนอื่นขึ้นมาพนันแทน หากจะต้องขายหน้าอีกทั้งเสียเงินให้กับฝ่ายตรงข้ามห้าพันล้าน พวกเขายอมแพ้เสียดีกว่า
“สนามที่สองผมจะเป็นคนพนันเอง”
ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดขึ้นสู่เวที และขัดขวางจั่วชิงเฉิงที่กำลังจะสละสิทธิ์ยอมแพ้
เขาก็คือลู่เฉินที่ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไปนั่นเอง