บทที่ 86 ตระกูลวังเกิดเรื่อง
งานของสะสมโบราณของยวี่โจวจัดขึ้นห้าปีครั้ง ลู่เฉินใช้โอกาสนี้ซื้อรูปภาพโบราณJเจียงถิงมาได้ อีกทั้งชนะการพนันอัญมณีกับปรมาจารย์ด้านอัญมณีอันดับ3ของประเทศ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดัง
ภายในชั่วข้ามคืน ผู้คนในวงการของสะสมโบราณก็ได้รู้จักชื่อของเขา
บรรดาพ่อค้าเพชรพลอยทั้งหลายพยายามจะสืบหาตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉิน
รวมทั้งตระกูลจั่วและตระกูลวังก็เช่นกัน
“คุณจั่วครับ เราหาพบแล้ว เขาผู้นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับ เทคโนโลยีอี้ฉีเลยแม้แต่น้อย เขาแค่มีร้านค้าเป็นของตัวเอง” ตี๋ฟู่พูดขึ้นกับจั่วชิงเฉิงในห้องทำงาน
“เปิดร้านค้างั้นหรือ?” จั่วชิงเฉิงขมวดคิ้ว เขาจำได้ขึ้นใจว่าลู่เฉินมีความเกี่ยวข้องกับวังเหว่ยผู้จัดการ เทคโนโลยีอี้ฉี ครั้งนั้นเขายังติดตามไปดูพื้นที่จัดตั้งบริษัท หรือเขาจะไม่ใช่คนของ เทคโนโลยีอี้ฉีจริงๆ?
“ขอให้เขาไม่ใช่คนของ เทคโนโลยีอี้ฉีก็เพียงพอแล้ว” จั่วชิงเฉิงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
ตี๋ฟู่ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจั่วชิงเฉิงจะสงสัยว่าลู่เฉินมีความสัมพันธ์กับคนใน เทคโนโลยีอี้ฉี
“คุณจั่วครับ เขาไม่ใช่คนของ เทคโนโลยีอี้ฉีแน่นอน หากเขาเป็นคนของ เทคโนโลยีอี้ฉี พ่อตาเขาจะมีสภาพแย่เช่นนั้นหรือ” ตี๋ฟู่เอ่ยอย่างมั่นใจ
จั่วชิงเฉิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้เองเขาคิดมาโดยตลอดว่าลู่เฉินเป็นคนของ เทคโนโลยีอี้ฉี จึงไม่กล้าแข็งข้อต่อหน้าลู่เฉินแต่บัดนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว
“ร้านค้าของเขามีชื่อว่าอะไร คุณจงไปก่อกวนสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาเสียหน่อยนะ ที่สำคัญอย่าให้เขารู้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา” จั่วชิงเฉิงพูดออกมา
“ร้านค้าชื่อว่าเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ตี๋ฟู่พยักหน้าแล้วเดินออกไป
อีกฝั่งหนึ่ง
ณ คฤหาสน์ตระกูลวัง
“หาเจอหรือไม่?” วังชิจูมองดูชายชราวัยกลางคนที่เดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ท่านประธานวังครับ หาเจอแล้วเขาเป็นเถ้าแก่ของร้านค้าชื่อเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ต” ชายผู้นั้นกล่าวออกมา
“ก็แค่เถ้าแก่ร้านค้าธรรมดาๆคนหนึ่งจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาพนันอัญมณีได้อย่างไร?เขามีธุรกิจอย่างอื่นอีกหรือไม่?”วังชิจูขมวดคิ้วถาม
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมครับ” ชายวัยกลางคนตอบ
“OK สืบหาต่อไป อ้อ!อีกอย่างอย่าลืมส่งคนไปรังควานร้านค้าเขาเสียหน่อย” วังชิจูพูดออกมาเบาๆ
“ได้ครับท่านประธานวัง ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้” ชายวัยกลางคนผู้นั้นพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป
เทคโนโลยีอี้ฉียืนอยู่ที่หน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็นใคร แต่แกทำกับลูกชายคนโตฉันแบบนี้แล้วยังมีลูกชายคนเล็กของฉันอีก ถ้าฉันไม่กำจัดแกออกไปจากยวี่โจวซะ ตระกูลวังจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” วังชิจูพูดกับตัวเอง
และในขณะนั้นเองวังซิงก็รีบวิ่งเข้ามา
ลูกชายของเขาคนนี้หากมีความหนักแน่นมั่นคงได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของพี่ชายเขาก็คงสบายใจมากกว่านี้
แต่เขากลับเป็นพวกจอมล้างผลาญตระกูล ทำให้ปวดหัวยิ่งนัก
“พ่อครับ!แย่แล้ว!พวกเราถูกคนจับตาเล่นงานอยู่” วังซิงพูดออกมาด้วยความตกใจ
“พูดไร้สาระอะไร ในยวี่โจวจะมีใครกล้าเล่นงานตระกูลวังของเรา?” วังชิจูบ่นออกมาอย่างรำคาญ
“จริงๆครับผมไม่ได้พูดเล่น วันนี้ตอนเช้าตรู่สินค้าที่พวกเราขนส่งมาจากเซียงเจียงถูกตรวจสอบ” วังซิงพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ถูกตรวจก็ตรวจไปสิจะมาโวยวายทำไม โทรศัพท์หาคุณหลิวก็เสร็จเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ?” วังชิจูพูดออกมาอย่างไม่สนใจ
เขาใช้อำนาจที่เข้มแข็งเหล่านี้ในการจัดการเรื่องราวต่างๆ บ้านตระกูลวังของเขาขนส่งสินค้าลักลอบเข้ามาจากเซียงเจียงจำนวนมาก ต่อให้วันนี้ถูกตรวจสอบและยึดไป คาดว่าอีก 2-3 วันก็ต้องคืนให้แก่พวกเขาอยู่ดี
“เมื่อเช้านี้ผมไปหาท่านหลิวด้วยตัวเอง แต่ท่านหลิวกลับไม่ยอมพบหน้าผม เมื่อผมได้เจอเข้ากับท่านวังทำให้ได้รู้ถึงความจริง”
“อะไร ความจริงอะไร?” วังชิจูขมวดคิ้วถาม ในใจเขารู้สึกถึงลางที่ไม่ดีนัก
การที่บ้านตระกูลวังของเขาเติบโตมาได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการลักลอบสินค้าเข้ามาทั้งสิ้น หากพวกเขาถูกตรวจสอบขึ้นมาก็คงจะลำบากมากทีเดียว
“คุณวังบอกว่ามีเถ้าแก่ใหญ่จับตามองตระกูลพวกเราอยู่ สินค้าของพวกเราในครั้งนี้ ถูกออกคำสั่งให้ค้นหาและยึดโดยเขาผู้นั้น ท่านหลิวจึงไม่ต้องการพบผม” วังซิงพูดออกมา
“เขาพูดนั้น!?”วังชิจูตกใจมาก เขาผู้นั้นที่พูดถึงเพิ่งจะมาทำงานได้แค่ไม่ถึงปี บ้านตระกูลวังของเขายังไม่ทันได้ทำความสนิทสนมด้วย ทีนี้จะทำอย่างไรกันดี!
“พ่อครับ เราจะทำยังไงกันดี?”วังซิงมองดูวังชิจูแล้วรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ
วังชิจูเองก็เงียบสนิทไม่พูดอะไรออกมา เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่งเขาจึงได้ออกมาอย่างเด็ดขาดว่า “ปิดการค้าของวังซะ ไม่สิ! สลายตัวบริษัทได้เลย”
การค้าของวังนั้นเป็นการค้าหนีภาษีของบ้านตระกูลวัง หากสินค้าถูกตรวจสอบและยึดไป คาดว่าขั้นตอนต่อไปคงต้องตรวจสอบมาถึงการค้าของวังอย่างแน่นอน
การสลายตัวของบริษัทตอนนี้ยังทันเวลาอยู่ บ้านตระกูลวังยังมีทางรักษาเอาไว้ได้ หากเบื้องบนต้องการจะตรวจสอบมาจริงๆแล้วละก็ บ้านตระกูลหวังก็จบสิ้นกัน
บ้านตระกูลวังถึงแม้จะหากินกับการค้าของวังก็ตาม แต่พวกเขายังมีธุรกิจอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการค้าของวังแม้แต่น้อยอีก หากสามารถปกป้องบริษัทเหล่านั้นไว้ได้ บ้านตระกูลวังก็ยังมีโอกาสลืมหน้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ต้องยอมรับว่าการที่วังชิจูได้พัฒนาบ้านตระกูลวางของตนให้เติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่บ้านตระกูลใหญ่ของยวี่โจวนั้น ก็เป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นการตัดสินใจสลายตัวบริษัทแบบนี้ คนธรรมดาคงทำไม่ได้
การที่การค้าของวังสลายตัวนั้นทำให้ความสามารถและอำนาจของบ้านตระกูลวังลดลงไปกว่าครึ่ง คนธรรมดาทั่วไปใครจะตัดสินใจทำได้เช่นนี้
แต่เรื่องของการหนีภาษีนั้นคือเรื่องใหญ่ หากถูกจับได้ขึ้นมาแล้วจริงๆแล้วก็ บ้านตระกูลวังทั้งหมดก็คงจบสิ้นกัน ชีวิตต่อจากนี้ของเขาอีกครึ่งชีวิตคงต้องไปนอนอยู่ในคุก เขาจะไม่ตัดสินใจทำอย่างนี้ได้อย่างไร!
“พ่อครับ หากพวกเราตัดสินใจหลายตัวบริษัทแล้ว ต่อไปพวกเราก็คงจบสิ้นเหมือนกัน” วังซิงพูดออกมาด้วยความเป็นกังวล
“แกจะไปเข้าใจอะไร ทำตามที่บอกก็พอแล้ว” วังชิจูพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเดินออกไปข้างนอก
แม้จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพียงนี้แต่เขาก็ยังเรียกประชุมบริษัทด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
ณ ซากุระคลับ ลู่เฉินและตู้เฟยกำลังปรึกษาหารือกันถึงบางเรื่อง
“เอกสารสัญญา 2 ฉบับนี้ ผมมอบให้คุณก็แล้วกันรอให้บ้านตระกูลวังจัดการเรียบร้อยแล้วคุณก็สามารถก่อตั้งบริษัทเพชรพลอยขึ้นมาได้” ลู่เฉินเอ่ย
“ก่อตั้งบริษัทอัญมณีต้องใช้เงินเยอะทีเดียวเลย” ตู้เฟยรับหนังสือสัญญานั้นไปแล้วพูดออกมา
“200ล้านพอไหม?” ลู่เฉินหัวเราะ
“มองดูแล้วคุณคงมีโชคใหญ่จริงๆสินะ” ตู้เฟยสายตาเป็นประกาย ครั้งที่แล้วที่เขาให้เงินมาจำนวน 10 ล้านก็นับว่ามากโข ครั้งนี้จะลงทุนให้เขาถึง 200 ล้าน เขามีตังค์มากขนาดนี้เชียว?
ลู่เฉินหัวเราะไม่พูดอะไรออกมา คำว่าเงินสำหรับเขาเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
“อ้อจริงสิ สินค้าหนีภาษีของบ้านตระกูลวังวันนี้ถูกตรวจสอบแล้ว คาดว่าขั้นตอนต่อไปคงจะสืบสาวราวเรื่องไปเชื่อมต่อกับการค้าของวังก็ได้ ถ้าการค้าของวังถูกตรวจสอบ บ้านตระกูลวางก็คงจบสิ้นกันแล้ว” ตู้เฟยพูดออกมา
“ถูกต้อง ก็ต้องรอดูกันว่าวังชิจูจะใจกล้าพอหรือเปล่า” ลู่เฉินหัวเราะออกมาเนื่องจากว่าหากวังชิจูใจไม่กล้าพอในขั้นต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องจัดการอะไรอีกเนื่องจากบ้านตระกูลวังต้องจบสิ้นแน่ๆ
เรื่องราวที่บ้านตระกูลวังลักลอบสินค้าหนีภาษี ตู้เฟยใช้ทุกวิถีทางและผู้คนจำนวนมากในการตรวจสอบสิ่งนี้ จากนั้นลู่เฉินได้นำข้อมูลไปบอกยังผู้ใหญ่ในเมือง ทำให้สินค้าการหนีภาษีถูกตรวจสอบขึ้น
ในขณะนั้น ซงไห่ก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“คุณชายลู่ครับ เมื่อสักครู่ได้รับรายงานว่าบ้านตระกูลวังสลายตัวการค้าของวังเรียบร้อยแล้ว”
“มองดูแล้ววังชิจูก็ไม่ใช่พวกขี้ขลาดเท่าไหร่นะ งั้นต่อไปส่งไปก่อกวนวังซื่อกรุ๊ปให้วุ่นวาย” ซงไห่พยักหน้า เรื่องเหล่านี้ลู่เฉินได้คาดเดาไว้อยู่แล้ว
หากแม้แต่ความกล้าเพียงนี้วังชิจูยังไม่มีพอ บ้านตระกูลวังก็คงไม่ดำเนินมาอย่างรุ่งโรจน์ ณ ปัจจุบัน