บทที่ 164 อันดับที่ 1 เป็นใครกันแน่
ก่อนที่จะบริจาค หลี่ชิงเฉิงและผู้ช่วยของเธอก็ได้ทำการวิเคราะห์แจกแจงมาก่อน โดยทั่วไปแล้วการบริจาคเพื่อการกุศลแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ก็จะบริจาคเงินประมาณ5,6สิบล้าน
เหตุที่เธอบริจาค 50 ล้าน ก็คืออยากจะดูว่าสามารถเทียบกับตระกูลใหญ่ทั้งสี่ได้ไหม ถึงแม้จะน้อยกว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ลำดับที่ถัดจากตระกูลใหญ่ทั้งสี่
ก็คาดไม่ถึงว่าก็อยู่อันดับที่ 7 เอง แม้กระทั่งลำดับที่ห้ายังไม่ได้เลย
ทำไมเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆคนหนึ่งยังรวยขนาดนี้ล่ะ?
หลี่ชิงเฉิงมองไปทางลู่เฉินด้วยรอยยิ้ม ในใจเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีต่อลู่เฉิน
“คุณลู่ ตกลงคุณได้บริจาคเท่าไหร่?”เฉินจือจรานก็อดไม่ได้ที่จะถามลู่เฉิน
เดิมทีเธอนึกว่าลู่เฉินน่าจะได้บริจาคสักล้านสองล้านหรอก
แต่จนกว่าถึงลำดับที่เจ็ด ยังไม่ถึงลู่เฉินอีก นี่จะทำให้เธอไม่ประหลาดใจได้ยังไง?
นอกจากว่าซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินเป็นแบบแฟรนไชส์
แต่เธอได้สอบค้นข้อมูลของซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อมาก่อน ก็แค่ธรรมดาเอง ถ้าเทียบลำดับกับซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองยวี่โจว แม้กระทั่งลำดับที่ห้าก็คงจะไม่ได้
เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแบบนี้ จะบริจาคเงินหลายสิบล้านได้ยังไง?
เธอรู้สึกเหลือเชื่อ
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก อันดับต่อไปก็ถึงฉันแล้ว”ลู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาได้บริจาค 100 ล้าน ส่วนตระกูลทั้งสี่ล้วนได้บริจาค 120 ล้าน เขาเลยให้วังเหว่ยบริจาคอีก 200 ล้านในนามของเทคโนโลยีอี้ฉี
ถ้านับแบบนี้ลงมา นั้นซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อ ของเขาก็อยู่อันดับที่ 6 พอดี
“คุณลู่ คุณมีน้ำใจหรือเกิน ตั้งบริจาคมากกว่าห้าสิบล้าน”หลานหลินก็พูดอย่างประหลาดใจ
ลู่เฉินยิ้มเบาๆ เรื่องบริจาคแบบนี้ บริจาคมากหรือน้อยล้วนต้องตามใจแต่ละคน เขาไม่ชอบคนอื่นมีพฤติกรรมที่บังคับคนอื่นให้บริจาค
เขาร่ำรวย ในมือมีเงินมากพอ ก็อยากจะบริจาคเยอะๆให้พื้นที่เกิดภัย ในขณะเดียวกันยังสามารถโฆษณาให้บริษัทได้ด้วย มันก็เป็นเรื่องดี
เขาไม่ได้มาอวด ดังนั้น สำหรับคำพูดที่ประหลาดใจของเฉินจือหรานและหลานหลิน เขาจึงไม่อยากตอบกลับ
คนข้างๆได้ยินว่าลู่เฉินบริจาคตั้งห้าสิบกว่าล้าน ล้วนมองมาทางนี้ เพราะสิบลำดับแรกเป็นลำดับที่ทุกคนสนใจมากที่สุดอยู่แล้ว ชิงเฉิงกรุ๊ปที่อยู่อันดับที่ 7 ก็ได้บริจาคแล้วตั้ง 50 ล้าน ทุกคนล้วนตั้งตารอคอยว่าอันดับที่ 1 จะมากกว่า 100 ล้านหรือเปล่า และอันดับที่ 1 จะเป็นตะกูลใดของสี่ตระกูลล่ะ
“อันดับต่อมาขอเชิญตัวแทนของซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อ ครับ บริจาคเงิน 100 ล้าน ทุกคนโปรดปรบมือต้อนรับซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อครับ”หลี่ชิงเฉิงเพิ่งลงจากเวที ประธานสมาคมธุรกิจก็พูดออกมา เวลาที่พูดถึงคำว่า100 ล้าน เสียงของเขาก็ได้ดังขึ้นหลายเดซิเบลโดยไม่รู้ตัว
100 ล้าน!
พอทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ล้วนเบิกตากว้าง ซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อนี่แรงจริงๆ บริจาคตั้ง 100 ล้าน ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยได้ชื่อธุรกิจยินมาก่อนล่ะ?
คนที่นั่งอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนร่ำรวยที่ไม่เคยได้เข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อของลู่เฉินก็เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ดังนั้นแน่นอนว่าหลายๆคนยังไม่รู้จัก
หลี่ชิงเฉิงที่เพิ่งลงเวทีนั้นตัวสั่นขึ้นมา แทบจะล้มลงไป
ลู่เฉินได้บริจาคตั้ง100 ล้านบาท ที่เขาเปิดนั้นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตจริงหรือ?
หลี่ชิงเฉิงเบิกตากว้า ไม่กล้าจะเชื่อว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งได้บริจาคตั้ง 100 ล้าน
เดิมทีลู่เฉินอยู่ลำดับก่อนเธอก็ทำให้เธอรู้สึกมหัศจรรย์แล้ว คาดไม่ถึงว่าจำนวนเงินที่ลู่เฉินบริจาคยังเป็นสองเท่าของเธอด้วย
ชิงเฉิงกรุ๊ปของเธอนั้นเป็นธุรกิจที่ติดหนึ่งในสิบอันดับของเมืองยวี่โจวนะเนี่ย
เมื่อเห็นลู่เฉินขึ้นบนเวที ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่า นี่แค่เป็นอันดับที่6เอง อันดับที่6ก็บริจาคตั้ง 100 ล้านแล้ว นั้นอันดับที่1-5จะมากไปถึงไหนล่ะ?
ห้าอันดับที่เหลือ ตระกูลทั้งสี่จะต้องครอบครองไปแล้วสี่ที่แน่นอน
นั้นยังมีอีกที่หนึ่งเป็นของใครกันแน่?
เทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้บริจาค ตัวแทนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทต่างๆที่อยู่ในนี้เหมือนล้วนได้ขึ้นเวทีกันหมดแล้ว ตระกูลวังก็แค่บริจาค 10 ล้าน นั้นยังมีอีกที่หนึ่งเป็นของใคร?
ทุกคนล้วนนึกไม่ออก นอกจากตระกูลทั้งสี่แล้วยังมีบริษัทแห่งไหนที่สามารถบริจาคเงินตั้ง 100 ล้านล่ะ
หรือจะเป็นม้ามืดอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อ อีกหรือ?
ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาอยู่ ลู่เฉืนก็ได้ขึ้นบนเวทีแล้ว
ประธานแห่งสมาคมธุรกิจมองดูลู่เฉินอย่างตะลึง ดูยังไงลู่เฉินก็เหมือนมีอายุแค่ยี่สิบสี่,ห้าเอง เหลือเชื่อจริงๆคนนี้ ได้บริจาคในกิจกรรมการกุศลครั้งนี้เป็นเงิน 100 ล้าน!
“คุณลู่ ขอถามคำถามส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ คุณเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อหรือเปล่า?”ประธานแห่งสมาคมธุรกิจถามอย่างสงสัย
ทุกคนที่อยู่ใต้เวทีล้วนมองไปทางลู่เฉิน แม้ว่าก็มีคนจำนวนมากที่รู้จักลู่เฉิน แต่ในใจทุกคนล้วนรู้สึกสงสัย ซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งได้บริจาคเงินตั้ง 100 ล้าน ไม่ว่าลู่เฉินเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเปล่า นี่ก็เป็นพาดหัวข่าวที่น่าดึงดูดคนแล้ว
โดยเฉพาะนักข่าวต่างๆ ล้วนเปล่งประกายจากดวงตาออกมา หัวข้อนี้ต้องเป็นหัวข้อยอดนิยมที่สุดในคืนนี้แน่นอน
พอคิดไปแบบนี้ พวกนักข่าวก็ต่างคิดเนื้อหาของข่าวอยู่ในใจก่อน
“ใช่ครับ ฉันก็คือเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อครับ”ลู่เฉินพยักหน้า นี่เป็นฐานะที่เขาเตรียมไว้ก่อนแล้ว
ทีหลังเขาคิดจะใช้ฐานะนี้ในการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อและกลุ่มอำหน้าต่างๆ
พอดีประธานได้ถามถึงเขา เขาเลยยินดีที่จะบอกด้วย
“ประธานลู่ คุณทำให้พวกเรารู้สึกมหัศจรรย์จริงๆ คุณเป็นคนมีน้ำใจ ฉันจะชอบใจคุณแทนผู้คนที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ ขอบคุณน้ำใจของคุณเป็นอย่างยิ่งครับ”ประธานแห่งสมาคมธุรกิจพูด และหยิบสายรัดการกุศลจากถาดขึ้นมาใส่ให้ลู่เฉิน
“ประธานลู่ มาพูดกับทุกคนหน่อย”ประธานแห่งสมาคมธุรกิจพูดและนำไมโครโฟนให้ลู่เฉิน
“ครับ”ลู่เฉินรับไมโครโฟนมา คิดสักพักจึงอ้าปาก
“จุดประสงค์ในการบริจาคของฉัน ก็เพื่อที่จะช่วยพี่น้องในพื้นที่เกิดภัยของพวกเรา ขอให้สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ เป้าหมายของฉันก็จะประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะบริจาคมากหรือบริจาคน้อย ล้วนเป็นน้ำใจของแต่ละคน ขอให้คนที่ล้วนมีน้ำใจอยากจะช่วยก็พอแล้ว
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆอย่างฉัน จะมีเงินมากขนาดนี้มาบริจาคได้ยังไง?
100 ล้านสำหรับฉัน ยังอยู่ในเขตที่ฉันรับได้ ดังนั้นฉันเลยบริจาค100 ล้านโดยตรง
ในที่สุดฉันอยากจะพูดว่า แต่ละคนควรที่จะบริจาคให้สมกับฐานะของตน เพราะเราแค่เพื่อที่จะช่วยให้พี่น้องในพื้นที่เกิดภัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง ขอบคุณครับ”
พอพูดเสร็จลู่เฉินก็เดินลงมาโดยตรง
“ดีมากครับ พูดได้ดีมากครับ”ประธานรับไมโครโฟนมา และปรบมือขึ้นมาก่อน
ทุกคนใต้เวทีล้วนซาบซึ้งใจเพราะคำพูดของลู่เฉิน ต่างก็ปรบมือขึ้นมา
พวกนักข่าวต่างได้เขียนหัวข้อข่าวกัน:เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆบริจาคเงิน 100 ล้าน คำพูดที่พูดนั้นซาบซึ้งใจมาก……
“ลำดับต่อไปขอเชิญอันดับที่5 ตัวแทนของตระกูลจางขึ้นมาบนเวทีครับ……”พอลู่เฉินนั่งลงเสร็จ ประธานแห่งสมาคมธุรกิจก็ได้เรียกถึงตระกูลจาง
“อันดับที่ 5 ก็ถึง120 ล้านแล้ว แล้วอันดับที่ 1 จะเป็นเงินเท่าไหร่เนี่ย?”
“อย่างน้อยก็ต้อง 150 ล้านขึ้นไปป่ะ”
“ใช่ไง แต่ไม่แน่อาจมีโอกาสเป็น 200 ล้านด้วยนะ ก็แค่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันหน่า”
คนของตระกูลจางขึ้นบนเวที ทุกคนต่างซุบซิบกันขึ้นมา
“คุณลู่ คุณคิดว่าที่ 1 จะเป็นตระกูลไหน และเขาจะบริจาคเงินเท่าไหร่?”เฉินจือหรานถามลู่เฉิน
“ฉันรู้สึกว่าเป็นตระกูลเฉิน เพราะชื่อเสียงของตระกูลเฉินดีมาตลอด”หลี่ชิงเฉิงก็มองไปที่ลู่เฉินและเดาออกมา
“ฉันรู้สึกว่าอาจจะเป็นม้ามืดตัวหนึ่ง”ลู่เฉินพูดเล่นๆ
ม้ามืด?
มันก็มีโอกาสอยู่นะ แต่ตกลงจะเป็นบริษัทแห่งไหนล่ะ?
สายตาของคนพวกหลี่ชิงเฉิงล้วนเต็มไปด้วยความคาดหวัง