บทที่ 182 มาโดยมีการเตรียมตัวมาก่อน
ลู่เฉินมิได้มาคนเดียว
เขาพาพวกพี่น้องไปกินดื่มกันจนอิ่มหมีพีมัน จากนั้นก็กลับไปที่คลับเฮาส์นอนหลับสักครู่ ถือว่าได้สะสมกำลังอย่างเกรียงไกรแล้ว
พี่น้องเกือบสามร้อยคนขึ้นฝั่งอย่างคึกคัก ในมือทุกคนล้วนได้ถืออาวุธไว้ มองจนคนบน รีสอร์ท รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวมาก
“ซูเจี๋ย ลู่เฉินพาคนเยอะขนาดนี้มา จะไปต่อสู้เป็นกลุ่มเหรอ?”เลขาที่อยู่ข้างๆเซ่ซูเจี๋ยเบิกตากว้างและพูด
เซ่ซูเจี๋ยก็เบิกตากว้างเช่นกัน จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเหมือนเหนือการควบคุมของเขาเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าเป็นลู่เฉินหรือเป็นตระกูลจาง เขาล้วนยากที่จะควบคุมให้อยู่
แต่หากไม่มีเหตุการณ์ทั้งสามเหตุการณ์มี่เกิดขึ้นในตอนเช้า เขายังสามารถไกล่เกลี่ยได้ แต่ไม่ว่าเป็นเรื่องที่ตระกูลจางไปทุบทำลายซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉิน หรือเรื่องที่ลู่เฉินไปเผาอาคารจางเจีย ล้วนทำให้กลุ่มอำนาจสองกลุ่มนี้ถึงขั้นที่เข้ากันไม่ได้และไม่สามารถคืนดีได้อีกแล้ว
“ซูเจี๋ย จะให้ผู้อำนวยการเสี่ยวส่งคนมาควบคุมสถานการณ์ไหม?”เลขาพูดด้วยความห่วงใย
ถ้าหากกลุ่มคนสองกลุ่มนี้ต่อสู้กันขึ้นมา กลัวว่าคงต้องมีหลายๆคนได้บาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิต
แถมขณะนี้บนเกาะยังมีคนเยอะขนาดนี้ แถมยังล้วนเป็นคนรํ่ารวยและคนมีชื่อเสียงด้านต่างๆในเมืองยวี่โจว
ถ้าหากพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บ นั้นเรื่องนี้ก็ไม่สามารถจบลงได้อย่างง่ายๆแล้ว
เซ่ซูเจี๋ยขมวดคิ้วขึ้นมา เขาเพิ่งมาดำรงตำแหน่งเอง ถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมา นั้นการเดินทางมาที่เมืองยวี่โจวในครั้งนี้ของเขาก็ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เขามาเพื่อมาทำผลงานดีๆ เพื่อกลับไปที่เมืองหลวงจะได้เลื่อนตำแหน่งไง
ไอ้ลู่เฉินคนนี้ ทำให้คนเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย
เซ่ซูเจี๋ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปให้ลู่เฉินเอง
ไม่นานเขาก็ได้รับสายเซ่ซูเจี๋ยพูดอย่างจริงจัง”น้องลู่ พี่เพิ่งมาดำรงตำแหน่งเอง ไม่อยากเห็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้เกิดขึ้น”
“เหล่าเซ่ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงอยู่แล้ว แถมฉันพากลุ่มคนมาก็เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ตระกูลจางมาวางกรอบดักฉัน ฉันสามารถสัญญากับคุณว่า คนของฉันมีไว้เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัว จะไม่ลงมือกระทำใดๆหรอกครับ”ลู่เฉินตอบกลับ
“โอเค ครั้งนี้ฉันเลือกที่จะเชื่อคุณอีดครั้ง”พอเซ่ซูเจี๋ยพูดเสร็จก็วางสายโทรศัพท์
ความหมายของเขาชัดเจนมาก ครั้งนี้คนของลู่เฉินล้วนมาหมด เขาก็ยากที่จะยับยั้ง ถ้าหากครั้งนี้ลู่เฉินทำให้เขาต้องผิดหวัง นั้นนี่ก็คือครั้งสุดท้ายที่เชื่อถือเขาแล้ว
“ท่านซูเจี๋ยครับ เขาได้พูดยังไงครับ?”เลขาถาม
“เขาบอกว่าจะไม่ลงมือ”เซ่ซูเจี๋ยพูด
“แล้วถ้าหากคนของตระกูลจางลงมือก่อนล่ะ เขาสามารถยับยั้งกลุ่มคนอำนาจใต้ดินได้หรือเปล่าล่ะ?”เลขาพูดอย่างเป็นห่วง
เซ่ซูเจี๋ยลังเลสักครู่ ในที่สุดก็ยังคงพูดว่า”ฉันเชื่อเขา”
เลขาแอบถอนหายใจอยู่ในใจ รู้สึกว่าครั้งนี้ซูเจี๋ย คงต้องซวยเพราะลู่เฉินนี่แหละ
แต่เซ่ซูเจี๋ยเลือกที่จะเชื่อถือลู่เฉิน เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“ไม่นั้นฉันโทรไปให้ตระกูลจาง เตือนพวกเขาหน่อยก็ดีนะ”เลขาพูด
“เออ”เซ่ซูเจี๋ยพยักหน้า ฝั่งของตระกูลจางเขาก็ไม่โทรไปหาเองแล้ว
ขณะที่เลขาโทรไปให้ตระกูลจาง ลู่เฉินก็ได้พาหลายร้อยคนมาถึงข้างนอกGreen Island รีสอร์ท และหลายร้อยคนนี้ก็ได้ล้อมรอบรีสอร์ท รีสอร์ททั้งหลังนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นลู่เฉินก็พาตู้เหย Three Heroes of the Water Margin และหลิวจื่อซิ่วแหงนหน้าเดินเข้าไปในรีสอร์ท
พอผู้คนในรีสอร์ทเห็นว่ารีสอร์ททั้งหลังล้วมถูกกลุ่มคนอำนาจใต้ดินล้อมรอบ สายตาที่พวกเขามองไปที่ลู่เฉินก็ล้วนเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าค่อนข้างจะหวาดกลัว
แม้ว่าปกติพวกเขาล้วนดูถูกลู่เฉิน
แต่นับป่านนี้ ในใจของพวกเขาได้มีความคิดที่น่าขบขันเกิดขึ้น
คืนนี้ชีวิตของพวกเขาล้วนถูกควบคุมอยู่ในมือของลู่เฉินแล้ว
จางดาวเรนและคนในตระกูลจางพอได้เห็นว่ารีสอร์ทถูกหลายร้อยคนล้อมรอบ สีหน้าก็ล้วนแย่จนสุดๆ
การวางแผนของพวกเขาในวันนี้ถือได้ว่าลึกลับมาก แต่สุดท้ายก็ถูกลู่เฉินรับรู้
ในช่วงเวลานี้ พวกเขายังสงสัยว่าตระกูลจางได้เกิดหนอนบ่อนไส้หรือเปล่า
“คุณปู่ครับ ทำยังไงดี ไอ้เหี้ยนี้ได้มีการเตรียมตัวก่อนมาด้วย!”จางดาวเรนพูดอย่างไม่สบายใจ
สีหน้าของจางเซิงเฉียวแย่สุดๆ เขามองไปดูตงฟางหลงที่ยังคงหลับตาบำรุงจิตอยู่บนที่สูง ไม่ได้ถูกรบกวนโดยการเคลื่อนไหวของข้างนอกแม้แต่นิด จู่ๆในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อย่าไปสนใจเขาเลย รอให้ปรมาจารย์ทำจนเขาพิการค่อยมาว่ากันอีกที”จางเซิงเฉียวพูด
จางซิงฉวนที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้า และพูดด้วยความโกรธขรึม”เมื่อกี้นี้เลขาของผู้ว่าการเมืองก็โทรมาให้ฉัน รอจนพวกเขาแข่งกันเสร็จค่อยมาว่ากัน”
เขาจะไม่โกรธขรึมได้ยังไงล่ะ วันนี้เซ่ซูเจี๋ยปล่อยให้ลู่เฉินมากระทำอย่างเหิมเกริมต่อจระกูลจางของเขา แต่พอถึงเวลาที่เขาจะลงมือจัดการลู่เฉินเซ่ซูเจี๋ยก็มาเตือนพวกเขา นี่มันไม่ได้เห็นตระกูลจางของพวกเขาในสายตาเลยใช่ไหม
“โบราณเล่าต่อกันมาว่าพลังมังกรก็ไม่อาจสยบคนพาล แม้ว่าไอ้เซ่ซูเจี๋ยเป็นมังกรอันมีอำนาจพลังมาก แต่ก็เปล่าประโยชน์หรอก นึกว่าตระกูลจางเราจะถูกรังแกได้ง่ายๆเหรอ?”จางซิงฉวนกัดฟันไว้ ในใจโดรธขรึมเป็นอย่างยิ่ง
“คุณปู่ ตามที่คุณคาดการณ์ไว้ ลู่เฉินเขาได้เตรียมพร้อมก่อนมาจริงด้วย”เฉินจือหรานพูดอย่างประหลาดใจ
ท่านปู่ตระกูลเฉินยิ้มออกมา รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อย
เขารู้อยู่แล้วว่าลู่เฉินไม่ใช่คนธรรมดา
แน่นอนว่าถ้าลู่เฉินไม่ได้เตรียมมาก่อน หรือถ้าลู่เฉินแพ้ตระกูลจางจริงๆ เขาก็จะลงมือช่วยลู่เฉินเช่นกัน
แต่ในใจของเขาก็จะไม่นับถือลู่เฉินอีกแล้ว
และต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉิน หรือเป็นเทคโนโลยีอี้ฉี ของลู่เฉิน ล้วนเข้าตาของเขาไม่ได้อีก
“พี่ คุณดูสิ พี่เขยเรียกคนมาเยอะขนาดนี้ นี่เยอะกว่าคนของตระกูลจางหลายเท่าเลยนะ!”หลินอี้เจียเบิกตากว้าง หัวใจยังคงเต้นอย่างแรงอยู่
ในเวลานี้ ลู่เฉินในสายตาของเธอ ก็คือวีรบุรุษ คือคนใหญ่คนโต คือมังกรที่มีอำนาจพลังมหาศาล
หลิวลี่ลี่ก็ใช้มือไปปิดปากด้วยความประหลาดใจ รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
ลู่เฉินเป็นแค่ยามไม่ใช่เหรอ?
เขาจะสามารถเรียกคนมาเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?
หรือเขาเป็นพี่ใหญ่ของอำนาจใต้ดิน?
หลินอี้จุนก็ตะลึงเช่นกัน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ การแสดงออกของลู่เฉินในวันนี้ ทำให้เธอรู้ความสามารถของเขามากขึ้นอีก
แต่ในขณะที่รู้สึกโล่งใจ เธอก็ต้องยอมรับว่า เธอรู้จักลู่เฉินได้น้อยมากทีเดียว
เธอรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
นี่เป็นสามีของตัวเองไง!
ทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่ายิ่งไม่คุ้นเคยกับเขามาเรื่อยๆแล้วล่ะ?
ขณะนี้คนพวกลู่เฉินเดินเข้ามาในลานบ้าน พอเห็นว่าสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็หัวเราะออกมา และตะโกนพูดว่า”ทุกท่านไม่ต้องตกใจครับ พวกเขาแค่มาดูฉันต่อสู้และเป็นกำลังใจในให้ฉัน ส่วนของเล่นในมือของพวกเขา ก็แค่ถือไว้เพื่อโชว์ความหล่อในขณะที่ถ่ายรูปเฉยๆ”
ในใจของทุกคนล้วนเกิดความดูถูกขึ้นมา แม่งแกนึกว่าพวกเราเป็นเด็กอายุสามขวบเหรอ
มาดูการต่อสู้ของแก?
เกรงว่าเดี๋ยวคงต้องต่อสู้เป็นกลุ่ม
และตกลงแกตาบอดหรือว่าพวกเราตาบอด อาวุธที่แหลมคมในมือของพวกเขาจะเป็นของเล่นได้ยังไงวะ?
ของเล่นบ้านแกเป็นอาวุธที่แหลมคมเช่นนี้เหรอ?
“เอ๊ะ ดูจากสายตาของของพวกคุณ ไม่เชื่อฉันเหรอ?โอเค นั้นฉันก็พูดความจริงละกัน ตามจริงพวกเขาก็แค่มายังยั้งพวกคนเลวร้าย พวกคุณเป็นตั้งคนมีชื่อเสียง คนร่ำรวยในเมืองยวี่โจว ไม่มีใครกล้าไปจับต้องพวกคุณหรอก ในทางตรงข้าม ถ้ามีคนกล้าไปจับต้องพวกคุณ พวกเขาก็จะไปปกป้องคนในเวลาแรกด้วย”ลู่เฉินยิ้มและพูดอีก
แม้ว่าคำพูดของลู่เฉินค่อนข้างจะไร้สาระ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ทุกคนล้วนโล่งใจลงมาได้ ขอให้ลู่เฉินไม่มาทำร้ายพวกเขาก็พอ
แต่เมื่อคนตระกูลจางได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ล้วนรู้สึกโกรธจนพ่นเลือดออกมา
พาหลายร้อยคนมาในเขตควบคุมของตระกูลจางของพวกเขา เพื่อมายับยั้งคนเลวร้าย
นี่เป็นการด่าต่อหน้าสาธารณชนว่าคนในตระกูลจางของพวกเขาเป็นคนเลวร้าย
“คุณก็คือลู่เฉินคนที่ใช้หมัดเดียวเอาชนะศิษย์น้องของฉันเหรอ?”
ในขณะนี้ ตงฟางหลงที่หลับตาบำรุงจิตอยู่บนเวทีกว่าจะได้ลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องไปที่ลู่เฉินอย่างโกรธขรึม