บทที่ 198 ไปเมืองฉีเจียง
“โอเค รอให้มีโอกาสงานที่เหมาะสม ฉันค่อยให้คุณไป”ลู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
วังเสวี่ยจงใจรังแกเขาอยู่ตลอด แถมวันนี้ยังพาผู้ชายคนอื่นหาพบกับภรรยาของเขาด้วย เขาไม่อยากไปสนใจวังเสวี่ยแล้วด้วยซ้ำ จะหางานให้เธอได้ยังไงล่ะ?
วังเสวี่ยโกรธจนสีหน้าบูดเบี้ยว ลู่เฉินจงใจทำแบบนี้แน่ๆ
ทุกคนล้วนรู้ว่าลู่เฉินจงใจทำแบบนี้แน่ๆ
แต่ไม่มีใครช่วยพูดให้วังเสวี่ย
เพราะการที่วังเสวี่ยปฏิบัติต่อลู่เฉินยังไง พวกเขาล้วนเห็นอยู่กับตา ลู่เฉินไม่ได้โกรธมันก็ดีมากแล้วนะ
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ คนทั้งครอบครัวก็ไปที่เมืองฉีเจียง ไปทำพิธีทำความสะอาดสุสานให้พ่อตาของหลินดาไห่
“ว้าว พี่เขย รถคันนี้ของคุณสวยมากเลย ซื้อมาเท่าไหร่คะ?”พอลงตึกมา หลินอี้เจียสังเกตBMW 7-Series Steinwayของลู่เฉิน รู้สึกอิจฉามาก
“ประมาณสามล้านกว่าหยวน รถคันก่อนของฉันถูกคนอื่นชนจนเสีย คันนี้เป็นคนอื่นซื้อมาชดใช้ให้ฉัน”ลู่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบ สาเหตุที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อไม่อยากให้หลินอี้จุนเข้าใจผิด เพราะหลินอี้จุนรู้ว่ารถคันนี้เป็นรถที่เฉินจือหรานชดใช้ให้เขา
หลินอี้จุนมองไปดูตาหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร เธอก็รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินไม่น่ามีความสัมพันธ์อะไรกับลู่เฉิน
ครอบครัวหนึ่ง รถสองคัน หลินดาไห่และหลินอี้เจียพาฉี๋ฉี๋นั่งอยู่รถของลู่เฉิน ขณะนี้ในสายตาของพวกเขา ลู่เฉินเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยเฉพาะหลินดาไห่ ในใจยิ่งชื่นชมและนับถือลู่เฉินเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นลูกเขยที่ดีของเขา ยิ่งเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆของเขาด้วย และแม้เป็นลูกชายแท้ๆเขาก็รู้สึกว่าคงไม่ดีต่อเขาขนาดนี้
“พี่เขยคะ ถ้าฉันทำได้ดีจะมีเงินโบนัสหรือเปล่าคะ?”หลินอี้เจียยังไม่ตายใจ เมื่อนึกถึงว่าลู่เฉินได้ให้เงินเดือนๆละหนึ่งล้านให้คุณพ่อ ใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดมาก และยิ่งรู้สึกเสียใจภายหลังด้วย
ลู่เฉินยิ้มออกมา เขารู้ความคิดของหลินอี้เจียอยู่แล้ว จึงพูดว่า”ถ้าทำได้ดีก็จะมีเงินโบนัสอยู่แล้ว แต่ถ้าทำได้ไม่ดีก็จะต้องหักเงินเดือนนะ ดังนั้นจะได้รับเงินเดือนที่สูงและจะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการได้หรือเปล่านั้น ล้วนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพงานของคุณ”
หลินอี้เจียไม่ได้บรรลุเป้าหมาย รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เลยเล่นกับฉี๋ฉี๋และไม่ไปสนใจลู่เฉินอีก
ส่วนในรถอีกคันหนึ่ง
“อี้จุน ลู่เฉินปฏิบัติต่อแม่แย่มากเลย และไม่ดีต่อคุณด้วยเช่นกัน คุณดูสิ เขาเองได้ขับรถที่ราคาหลายล้าน แต่แค่ซื้อรถหลายสิบแสนให้คุณเอง คุณทำไมไม่ว่าเขาล่ะ”วังเสวี่ยมีความเห็นต่อลู่เฉินอย่างมาก เลยอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่าตำหนิเขาอีก
หลินอี้จุนค่อนข้างจะรู้สึกจนคำพูด พูดว่า”แม่ เป็นฉันเองที่ไม่อยากเปลี่ยนรถ”
สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ตอนนี้ในบัญชีของเธอยังมีเงินอยู่ร้อยล้านกว่า ถ้าเธออยากจะเปลี่ยนรถ คงเปลี่ยนไปนานแล้ว
“แล้วแม่คะ ลู่เฉินไม่ได้แย่อย่างที่พวกคุณคิดนะคะ คุณอย่าพูดเขาอีกได้ไหมคะ คุณดูสิพ่อไม่เคยได้ว่าเขาตำหนิเขา ครั้งก่อนเขาเลยช่วยหากำไรให้พ่อตั้งสี่สิบล้าน แล้วครั้งนี้ยังจัดงานที่ดีขนาดให้เขาอีก ถ้าคุณดีต่อเขาหน่อยนึง เขาจะไม่จัดงานให้คุณได้ยังไงล่ะ?เขาจะไม่ดีต่อคุณเหรอ?”หลินอี้จุนพูดต่อ
ถ้าพูดความจริงนะ วังเสวี่ยปฏิบัติต่อลู่เฉินได้แย่มากจริงๆ ตั้งแต่พวกเขาแต่งงานมาจนถึงตอนนี้ หลายปีมากแล้ว วังเสวี่ยไม่เคยได้ดีต่อลู่เฉินเลย ยังคิดอยากจะให้เธอหย่ากับลู่เฉินอยู่ตลอด
ถ้าพูดความจริงนะ ครั้งนี้ถ้าหากไม่ใช่ในใจเธอเองยังรู้สึกปล่อยวางไม่ได้ เธอก็เกือบจะซวยเพราะแม่เธอนี่แหละ
เธอรู้สึกว่าลู่เฉินน่าจะไม่ไปมั่วสุมที่Bathsหรอก
แม้ว่าเธอไม่ได้เห็นกับตาเอง แต่เธอรู้สึกว่าไม่ควรไปสงสัยลู่เฉิน
เมืองฉีเจียงเป็นเขตที่อยู่ใต้การปกครองของเมืองยวี่โจว ใช้เวลาการเดินทางจากยวี่โจวไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เนื่องจากรถติดอยู่ในเมืองยี่สิบกว่านาทีถึงจะออกเมืองได้ เวลาที่ถึงเมืองฉีเจียง ก็ตั้งบ่ายโมงกว่าๆแล้ว
บ้านวังเป็นเพียงแค่ครอบครัวที่กินเงินเดือนเฉยๆ ไม่มีอำนาจอะไรเลย
บ้านของบ้านวังยังคงเป็นบ้านเก่าแบบโบราณ แต่มีตั้งสองชั้น พื้นที่ค่อนข้างมาก
แต่ทางลัดที่ไปบ้านวังถูกปิดกั้นไว้
“เดินเข้าไปละกัน รถจอดที่นี่ก็พอ”หลินดาไห่พูด
“โอเค”ลู่เฉินพยักหน้า ล้วนจอดรถอยู่ข้างถนน
ถ้าพูดตามจริงแล้ว เมืองเล็กๆอย่างเมืองฉีเจียง รถหรูหลายล้านแบบนี้ยังค่อนข้างน้อย ดังนั้นไม่นานรถของลู่เฉินก็ดึงดูดความสนใจของหลายๆคน
หลินอี้จุนก็จอดรถอยู่ข้างหลังของลู่เฉิน วังเสวี่ยและหลินดาไห่นำทางอยู่ข้างหน้า คนที่อยู่รอบข้างล้วนรู้จักวังเสวี่ย พอเห็นรถสองคันที่ขับมา ล้วนรู้สึกอิจฉามาก บางคนที่รู้จักกับวังเสงี่ยมยังได้มาทักทายกับเธออย่างเร่าร้อน
เมื่อเห็นสายตาที่อิจฉาของทุกคน วังเสวี่ยรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เวลาเดินยังเดินอย่างสง่าผ่าเผย
“คุณอาคะ คุณลุงคะ พวกคุณมาแล้วหรอคะ พี่อี้จูน พี่อี้เจีย พี่ลู่เฉิน”
พอถึงด้านนอกบ้านวังก็เห็นเด็กสาวที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดเดินมาต้อนรับ
“เสี่ยวเฉียง คุณจะไปไหน?”วังเสงี่ยมถาม
หญิงสาวคนนี้ชื่อว่าวังเฉียง เป็นลูกสาวของน้องคนที่สามของวังเสวี่ย เป็นหลานสาวของเธอ
“ฉันออกไปซื้อหน่อยนึง”วังเฉียงพูดเสร็จก็อยากจะไปอุ้มฉี๋ฉี๋ แต่ฉี๋ฉี๋เห็นว่าเป็นคนแปลกหน้า เลยไม่ให้เธออุ้ม
“คุณอาคะ พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันไปซื้อของแล้ว”พอวังเฉียงพูดกับหลายคนเสร็จ ก็เดินออกไปแล้ว
วังเสวี่ยพาพวกเขามาถึงลานหลักของบ้านวัง ได้พบหน้ากับหญิงชรา
พอหญิงชราเห็นว่าครอบครัววังเสวี่ยได้มากันทั้งครอบครัว รู้สึกดีใจมาก
เธออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว ยังไม่รู้ว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี เมื่อเห็นลูกสาวที่แต่งออกไปได้กลับมา หญิงชรามีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หญิงชราได้เห็นฉี๋ฉี๋ เธออุ้มฉี๋ฉี๋ขึ้นมา ตอนแรกฉี๋ฉี๋ยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่พอค่อยๆคุ้นเคยไปเธอก็ได้ก็เรียกทวด ทวดอย่างดีใจ
พวกวังเสวี่ยได้อยู่ช่วยที่บ้าน ส่วนหลินดาไห่ก็พาลู่เฉินไปเดินเที่ยวชมรอบภูเขา
ภูเขาฝังศพห่างจากบ้านวังแค่ไม่กี่ไมล์เอง ขณะนี้วังจิงและวังไกซึ่งเป็นน้องฝ่ายภรรยาของหลินดาไห่กำลังพาหลายคนขนหินอยู่
“น้าสามครับ ให้ผมมาเถอะ”ลู่เฉินเห็นว่าวังจิงขนหินก้อนใหญ่คนเดียวค่อนข้างจะไม่ไหว เลยขึ้นไปช่วยเขาขนมา
หินก้อนนี้มีประมาณหนึ่งร้อยหกสิบกว่ากิโลกรัม วังจินเป็นคนค่อนข้างผอม จึงขนไม่ค่อยไหว
เมื่อเห็นลู่เฉินขนหินหนึ่งร้อยหกสิบกว่ากิโลกรัมไปได้อย่างง่ายดาย วังจิงพูดด้วยรอยยิ้ม”อิจฉาคนที่ยังหนุ่มๆอยู่จังเลย”
ระหว่างที่เขาพูดก็หันไปที่หลินดาไห่”พวกคุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เพิ่งถึงบ้านคุณ ก็มาแล้ว”ระหว่างที่หลินดาไห่พูด ก็ได้โยนบุหรี่หลอดหนึ่งให้วังจิง
“พี่สาวสองของฉันไม่ใช่มาเหรอ?”วังจิงรับบุหรี่มาแล้วถามต่อ
“ล้วนมากันหมดแล้ว”ระหว่างที่หลินดาไห่พูดก็ได้ถือบุหนี่เดินไปทางวังไกและอีกหลายคน
“พี่ใหญ่ สูบบุหรี่หลอดหนึ่งก่อนละกัน”หลินดาไห่พูด
วังไกพยักหน้า เช็คเหนื่อยเสร็จ จากนั้นก็รับบุหรี่มาสูบ
คนอื่นอีกหลายคนก็ล้วนเป็นเพื่อนบ้านของบ้านวัง ล้วนรู้จักหลินดาไห่ เมื่อเห็นว่าหลินดาไห่แจกบุหรี่ ก็ล้วนรับมาอย่างไม่เกรงใจ
“คนนี้คือ?”หลายคนเห็นว่าแรงของลู่เฉินใหญ่ขนาดนั้น เลยถามหลินดาไห่ด้วยความประหลาดใจ
“ลู่เฉิน ลูกเขยของฉัน”หลินดาไห่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ลู่เฉิน คนนี้เป็นน้าสามของคุณ คนนี้เป็นน้าใหญ่ ส่วนคนนี้เป็นน้าห้าของคุณ”หลินดาไห่แนะนำหลายคนนี้ให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินทักทายกับพวกเขาทีละคน ท่าทางเคารพมาก