วิกฤตของโกลาหลได้ผ่านพ้นไปแล้ว ดังนั้นทั้งโกลาหลจึงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง การตายของกุยหยวนและผู้ควบคุมจำนวนมากรวมถึงปราณสุสานที่หายไป ทำให้สุสานเหล่านั้นกลายเป็นขุมสมบัติที่ปราศจากปราณสุสานคุกคาม มันดึงดูดผู้คนได้จำนวนมาก
มันเกิดการสำรวจสุสานขึ้นมา ผู้คนมากมายเริ่มสนใจในการสำรวจสุสาน
ตอนที่โลกภายนอกพากันสนใจเรื่องการสำรวจสุสาน สำนักคังเฉียงก็ยังเงียบสงบดังเดิม
ศิษย์และอาจารย์ราวกับหายตัวไป พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก ทุกคนต่างก็เพ่งสมาธิไปกับการบ่มเพาะ พวกเขาอยากจะทะลวงผ่านให้ได้
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่าหมื่นปี
มันเหมือนจะยาวนาน พวกศิษย์และอาจารย์ต่างก็เข้าใจการสร้างมากขึ้นกว่าเก่า พวกเขาถึงกับรู้สึกได้ถึงกำแพงตรงหน้า เมื่อผ่านกำแพงนี้ไปได้ พวกเขาก็จะทะลวงขอบเขตไปได้เช่นกัน
โลกตันเถียนของจางหยูมีโลกกว่า 4 ล้านใบ จำนวนบรรพกาลมีกว่าแปดแสนแห่ง จำนวนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การเพิ่มจำนวนของบรรพกาและการกำเนิดจ้าวบรรพกาลทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แม้แต่ผู้สร้างโกลาหลแห่งนี้ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้
การพัฒนาโลกตันเถียนราวกับลูกบอลหิมะที่กลิ้งลงจากภูเขา มันค่อยๆสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูพุ่งทะยานขึ้นมา ยิ่งนานเท่าไหร่ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นราวกับไม่มีวันหยุด
ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา พลังของทักษะหลอกลวงเหมือนจะยกระดับตามไปด้วย แม้แต่ตอนที่จางหยูบรรยายเองก็ยังส่งผลได้มากกว่าเดิม
สำนักคังเฉียงในปี 10,832 จางหยู, ซุนเหยียน, ต้นไม้โกลาหล, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียได้รับรู้ถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนใหม่ที่กำเนิดขึ้นมา จางหยูทั้งยินดีและแปลกใจเพราะชายคนนี้ไม่ใช่หนึ่งในพวกราชา เขาไม่ใช่หยวนเทียนจี, เย่ฟานหรือศิษย์คนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนในโลกสาขา แต่เป็นโอวเสินเฟิง
โอวเสินเฟิงที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในร่างวิญญาณ
สำนักคังเฉียงในปี 10,863 ได้มีขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนที่สองก็กำเนิดขึ้นมา ตัวตนของชายคนนี้คือคนที่จางหยูคาดไม่ถึง เพราะนี่คือนาจาจากโลกเด็กอสูร!
โอวเสินเฟิงและนาจามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือได้ร่างดั้งเดิมของจางหยูไป
นอกจากนี้แล้วก็อ้าวปิ่งรัชทายาทมังกรจากโลกเด็กอสูรก็ทะลวงผ่านเป็นคนที่สาม เป็นไปตามที่จางหยูคาดเดาเอาไว้
โอวเสินเฟิงที่ทะลวงผ่านมาได้ทำให้เกิดการกระตุ้นต่อศิษย์และอาจารย์ในสำนัก พวกเขาอยากจะขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด โดยเฉพาะเหล่าอาจาราย์ พวกเขาต่างก็เป็นคนมีพรสวรรค์ พวกเขาไม่อยากตามหลังคนอื่นๆ หากเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ผานกู่ , หงจวินและเหล่าเทพคนอื่นๆยังดูสงบกว่า
สำนักคังเฉียงในปี 11,000 ด้วยการที่มีโอวเสินเฟิง,นาจาและอ้าวปิ่งเป็นตัวอย่าง สำนักคังเฉียงก็ให้กำเนิดยอดฝีมือขอบเขตการสร้างไร้จำกัดขึ้นมาอีกหลายสิบคน ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีศิษย์สายตรงของจางหยู,ศิษย์กับอาจารย์จากโลกสาขา รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโส
สำนักคังเฉียงในปี 12,000 จำนวนของขอบเขตการสร้างไร้จำกัดก็เพิ่มขึ้นมาหลายพันคน
สำนักคังเฉียงในปี 13,000 ทุกคนต่างก็ขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดกันได้ แม้แต่จ้านเทียนเกอ, เกลดันและคนอื่นๆ หรือแม้แต่คนอย่างเหล่าเหอก็ยังเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้
ตั้งแต่นั้นมาสำนักคังเฉียงก็ไม่มีใครที่ระดับต่ำกว่าขอบเขตการสร้างไร้จำกัดเลย ด้วยความช่วยเหลือของจางหยู ทุกคนในสำนักต่างก็เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลกันได้ พวกเขาได้กลายเป็นจ้าวบรรพกาลของโลกตันเถียน
หงอีไม่คิดไม่ฝันว่าการอยากที่จะเข้าใกล้จางหยู การที่อยากจะไล่ตามคนที่เหมือนกับพระเจ้า ผลลัพธ์คือนางกลับได้ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล อนาคตของนางสามารถสร้างโกลาหลขึ้นมาได้
มันราวกับความฝัน !
ฝันที่แทบไม่อาจจะเป็นจริงได้ !
บางทีด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เพิ่มขึ้น บางทีเพราะการที่จางหยูเมินใส่นางมาหลายครั้ง หงอีจึงเริ่มสงสัยในเสน่ห์ของตน นางไม่คิดดื้อด้านแบบเดิม นางมีแต่อยากจะยกระดับตัวเองขึ้น
และคนที่ตกใจมากที่สุดก็คือต้นไม้โกลาหล เนื่องจากร่างแยกของมันเนี่ยเวิ่น ที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการติดต่อกับจางหยูและทิ้งไว้กตัญญูกับเนี่ยอู่ซวง จะขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองร่างจะทัดเทียมกัน แต่ในอนาคตเนี่ยเวิ่นจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ จากนั้นเนี่ยเวิ่นจะเหนือกว่าร่างหลักได้จริงๆ
มันดูน่ากระอักกระอ่วนที่ร่างแยกแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ แต่เมื่อเนี่ยเวิ่นเป็นร่างแยกของมัน มันก็สามารถรวมร่างตอนไหนก็ได้
“สำนักคังเฉียงได้พัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม ตอนนี้ได้เริ่มต้นขั้นตอนแรกจริงๆแล้ว” เป้าหมายของจางหยูคือให้ศิษย์และอาจารย์ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล เมื่อทุกคนขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลกันแล้วแต่ก็ยังห่างจากเป้าหมายของเขาอย่างมาก “ ขั้นต่อไปคือให้ทุกคนพัฒนาขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันให้ได้ ”
เป้าหมายยังไม่สำเร็จ จางหยูไม่อาจจะวางใจได้แต่ส่วนที่ยากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอเวลาปรับตัว จากนั้นไม่นานทุกคนจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันได้จริงๆ
นอกจากนี้จางหยูก็ยังหันไปสนใจโลกตันเถียน ตอนนี้จำนวนโลกมีกว่าห้าล้านใบ จำนวนบรรพกาลมีแค่สามแสนแห่ง แต่ยังมีร่างแยกบรรพกาลอีกห้าแสนร่างที่ยังไม่ได้กลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล
ดังนั้นนอกจากจะทำให้ศิษย์และอาจารย์เป็นจ้าวโกลาหลแล้ว หน้าที่อีกอย่างของเขาคือบ่มเพาะโลกถันเถียนให้กำเนิดบรรพกาลมากขึ้น เมื่อมีบรรพกาลมากพอ เขาก็สามารถให้ร่างแยกทั้งหมดเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลและพัฒนาต่อเป็นจ้าวโกลาหลได้
มันเกิดการสำรวจสุสานขึ้นมา ผู้คนมากมายเริ่มสนใจในการสำรวจสุสาน
ตอนที่โลกภายนอกพากันสนใจเรื่องการสำรวจสุสาน สำนักคังเฉียงก็ยังเงียบสงบดังเดิม
ศิษย์และอาจารย์ราวกับหายตัวไป พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก ทุกคนต่างก็เพ่งสมาธิไปกับการบ่มเพาะ พวกเขาอยากจะทะลวงผ่านให้ได้
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่าหมื่นปี
มันเหมือนจะยาวนาน พวกศิษย์และอาจารย์ต่างก็เข้าใจการสร้างมากขึ้นกว่าเก่า พวกเขาถึงกับรู้สึกได้ถึงกำแพงตรงหน้า เมื่อผ่านกำแพงนี้ไปได้ พวกเขาก็จะทะลวงขอบเขตไปได้เช่นกัน
โลกตันเถียนของจางหยูมีโลกกว่า 4 ล้านใบ จำนวนบรรพกาลมีกว่าแปดแสนแห่ง จำนวนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การเพิ่มจำนวนของบรรพกาและการกำเนิดจ้าวบรรพกาลทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แม้แต่ผู้สร้างโกลาหลแห่งนี้ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้
การพัฒนาโลกตันเถียนราวกับลูกบอลหิมะที่กลิ้งลงจากภูเขา มันค่อยๆสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูพุ่งทะยานขึ้นมา ยิ่งนานเท่าไหร่ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นราวกับไม่มีวันหยุด
ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา พลังของทักษะหลอกลวงเหมือนจะยกระดับตามไปด้วย แม้แต่ตอนที่จางหยูบรรยายเองก็ยังส่งผลได้มากกว่าเดิม
สำนักคังเฉียงในปี 10,832 จางหยู, ซุนเหยียน, ต้นไม้โกลาหล, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียได้รับรู้ถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนใหม่ที่กำเนิดขึ้นมา จางหยูทั้งยินดีและแปลกใจเพราะชายคนนี้ไม่ใช่หนึ่งในพวกราชา เขาไม่ใช่หยวนเทียนจี, เย่ฟานหรือศิษย์คนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนในโลกสาขา แต่เป็นโอวเสินเฟิง
โอวเสินเฟิงที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในร่างวิญญาณ
สำนักคังเฉียงในปี 10,863 ได้มีขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนที่สองก็กำเนิดขึ้นมา ตัวตนของชายคนนี้คือคนที่จางหยูคาดไม่ถึง เพราะนี่คือนาจาจากโลกเด็กอสูร!
โอวเสินเฟิงและนาจามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือได้ร่างดั้งเดิมของจางหยูไป
นอกจากนี้แล้วก็อ้าวปิ่งรัชทายาทมังกรจากโลกเด็กอสูรก็ทะลวงผ่านเป็นคนที่สาม เป็นไปตามที่จางหยูคาดเดาเอาไว้
โอวเสินเฟิงที่ทะลวงผ่านมาได้ทำให้เกิดการกระตุ้นต่อศิษย์และอาจารย์ในสำนัก พวกเขาอยากจะขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด โดยเฉพาะเหล่าอาจาราย์ พวกเขาต่างก็เป็นคนมีพรสวรรค์ พวกเขาไม่อยากตามหลังคนอื่นๆ หากเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ผานกู่ , หงจวินและเหล่าเทพคนอื่นๆยังดูสงบกว่า
สำนักคังเฉียงในปี 11,000 ด้วยการที่มีโอวเสินเฟิง,นาจาและอ้าวปิ่งเป็นตัวอย่าง สำนักคังเฉียงก็ให้กำเนิดยอดฝีมือขอบเขตการสร้างไร้จำกัดขึ้นมาอีกหลายสิบคน ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีศิษย์สายตรงของจางหยู,ศิษย์กับอาจารย์จากโลกสาขา รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโส
สำนักคังเฉียงในปี 12,000 จำนวนของขอบเขตการสร้างไร้จำกัดก็เพิ่มขึ้นมาหลายพันคน
สำนักคังเฉียงในปี 13,000 ทุกคนต่างก็ขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดกันได้ แม้แต่จ้านเทียนเกอ, เกลดันและคนอื่นๆ หรือแม้แต่คนอย่างเหล่าเหอก็ยังเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้
ตั้งแต่นั้นมาสำนักคังเฉียงก็ไม่มีใครที่ระดับต่ำกว่าขอบเขตการสร้างไร้จำกัดเลย ด้วยความช่วยเหลือของจางหยู ทุกคนในสำนักต่างก็เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลกันได้ พวกเขาได้กลายเป็นจ้าวบรรพกาลของโลกตันเถียน
หงอีไม่คิดไม่ฝันว่าการอยากที่จะเข้าใกล้จางหยู การที่อยากจะไล่ตามคนที่เหมือนกับพระเจ้า ผลลัพธ์คือนางกลับได้ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล อนาคตของนางสามารถสร้างโกลาหลขึ้นมาได้
มันราวกับความฝัน !
ฝันที่แทบไม่อาจจะเป็นจริงได้ !
บางทีด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เพิ่มขึ้น บางทีเพราะการที่จางหยูเมินใส่นางมาหลายครั้ง หงอีจึงเริ่มสงสัยในเสน่ห์ของตน นางไม่คิดดื้อด้านแบบเดิม นางมีแต่อยากจะยกระดับตัวเองขึ้น
และคนที่ตกใจมากที่สุดก็คือต้นไม้โกลาหล เนื่องจากร่างแยกของมันเนี่ยเวิ่น ที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการติดต่อกับจางหยูและทิ้งไว้กตัญญูกับเนี่ยอู่ซวง จะขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองร่างจะทัดเทียมกัน แต่ในอนาคตเนี่ยเวิ่นจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ จากนั้นเนี่ยเวิ่นจะเหนือกว่าร่างหลักได้จริงๆ
มันดูน่ากระอักกระอ่วนที่ร่างแยกแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ แต่เมื่อเนี่ยเวิ่นเป็นร่างแยกของมัน มันก็สามารถรวมร่างตอนไหนก็ได้
“สำนักคังเฉียงได้พัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม ตอนนี้ได้เริ่มต้นขั้นตอนแรกจริงๆแล้ว” เป้าหมายของจางหยูคือให้ศิษย์และอาจารย์ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล เมื่อทุกคนขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลกันแล้วแต่ก็ยังห่างจากเป้าหมายของเขาอย่างมาก “ ขั้นต่อไปคือให้ทุกคนพัฒนาขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันให้ได้ ”
เป้าหมายยังไม่สำเร็จ จางหยูไม่อาจจะวางใจได้แต่ส่วนที่ยากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอเวลาปรับตัว จากนั้นไม่นานทุกคนจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันได้จริงๆ
นอกจากนี้จางหยูก็ยังหันไปสนใจโลกตันเถียน ตอนนี้จำนวนโลกมีกว่าห้าล้านใบ จำนวนบรรพกาลมีแค่สามแสนแห่ง แต่ยังมีร่างแยกบรรพกาลอีกห้าแสนร่างที่ยังไม่ได้กลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล
ดังนั้นนอกจากจะทำให้ศิษย์และอาจารย์เป็นจ้าวโกลาหลแล้ว หน้าที่อีกอย่างของเขาคือบ่มเพาะโลกถันเถียนให้กำเนิดบรรพกาลมากขึ้น เมื่อมีบรรพกาลมากพอ เขาก็สามารถให้ร่างแยกทั้งหมดเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลและพัฒนาต่อเป็นจ้าวโกลาหลได้