บทที่ 217 พี่น้องบ้านตาลที่หยิ่งผยอง
ลู่เฉินรู้อยู่แก่ใจว่าเสี่ยวจิงเป็นคนยังไง แม้ว่าบางทีจะใจร้อนไปหน่อย แต่เขายังเป็นคนที่มีความกล้าหาญ
เพราะยังไงก็เป็นผู้ชายที่เคยฝึกฝนในกองทหารมาหลายปี ถ้าไม่ได้ถึงขั้นที่ทนไม่ไหวจริงๆ เขาจะไม่ลงมือต่อยคนก่อนหรอก
และหลังจากได้ฟังคำพูดของพ่อแม่เสี่ยวจิง เขาก็ได้ยืนหยัดว่าเรื่องนี้เป็นพี่น้องบ้านตาลมาวางกับดักใส่ร้ายเสี่ยวจิง
“เจ้านายลู่ เรื่องที่จะช่วยเสี่ยวจิงนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน พวกคุณมาจากไกล ต้องหิวแล้วแน่นอน มากินข้าวก่อนเถอะ”ระหว่างที่เสี่ยวเจิ้งยี่พูดก็ลุกตัวขึ้นมาเตรียมจะไปจับไก่ตัวหนึ่งมาฆ่ากิน
คนชนบทไม่มีอะไรที่ดีในการเลี้ยงแข่ง การฆ่าไก่ถือว่าเป็นระดับสูงสุด
“คุณลุง พวกคุณทำอาหารก่อนเลย พวกเราจะไปช่วยคุณออกมาจากสถานีตำรวจแล้วค่อยกลับมากิน”ได้ข่าวว่าเสี่ยวจิงถูกคนต่อยตีในสถานีตำรวจ ลู่เฉินเลยอยากจะไปช่วยเขาออกมาทันที
“เป็นไปได้ยังไงล่ะ พวกคุณเดินทางมาจากที่ไกล อย่างน้อยก็ต้องกินหน่อยนึงค่อยไปนะ”เสี่ยวเจิ้งยี่พูด
“คุณลุงครับ ที่นี่ก็ไกลจากสถานีตำรวจสักเท่าไหร่รอให้พวกคุณทำอาหารเสร็จ พวกเราก็คงกลับมาถึงแล้ว”ซ่งไห่ก็พูดตามขึ้นมา
เสี่ยวเจิ้งยี่คิดและพูดว่า”นั้นฉันให้หลิวผิงอันพาพวกคุณไปละกัน เขารู้ว่าเสี่ยวจิงถูกขังอยู่ที่ไหน”
หลิวผิงอันเป็นลูกเขยคนที่สามของเสี่ยวเจิ้งยี่ เป็นสามีของเสี่ยวหรง สอนหนังสืออยู่ในชนบทเช่นกัน เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา
ครั้งก่อนเขาไปโต้เถียงที่บ้านตาล แต่ถูกพี่น้องบ้านตาลต่อยตีไปรอบหนึ่ง
แต่รูปร่างของเขาค่อนข้างอ่อนแอ แถมยังเป็นคุณครู พี่น้องบ้านตาลจึงไม่กล้าลงมือหนัก
หลิวผิงอันกลับมาอย่างรวดเร็ว เพิ่งทักทายและทำความรู้จักกับลู่เฉินทั้งสี่คนเสร็จ ก็มีชายร่างใหญ่สี่คนวิ่งเข้ามาในลานหน้าบ้านของบ้านเสี่ยว และตวาดเสียงดัง”ไอ้แก่เอ๋ย ได้ข่าวว่าบ้านแกยังได้หาผู้ช่วยมาเหรอ?”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งชี้ไปที่เสี่ยวเจิ้งยี่และตวาดใส่
ส่วนชายร่างใหญ่อีกสามคนกลับได้สังเกตลู่เฉินทั้งสี่คนด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย
พอคนพวกเสี่ยวเจิ้งยี่เห็นทั้งสี่คน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที คาดไม่ถึงว่าพี่น้องบ้านตาลยังกล้ามาหาเรื่องอีก
“ไอ้น้อง กูจะเตือนพวกแกนะเว้ย ถ้าพวกแกไม่อยากซวยก็รีบขับรถของแกแล้วออกไปให้พ้น ไม่นั้นพวกกูสี่พี่น้องก็จะทุบรถของแกแตก”ชายร่างใหญ่ในนั้นคนหนึ่งพูดคุกคามลู่เฉินสี่คน
สีหน้าของซ่งไห่เปลี่ยนไป และคิดจะลงมือทันที เขาเป็นตั้งหัวหน้าของกลุ่มอำนาจใต้ดินนะเว้ย จะสามารถทนไอ้พวกนักเลงเล็กๆหลายคนนี้มาชี้ไม้ชี้มือต่อพวกเขาได้ยังไงล่ะ โดยเฉพาะลู่เฉินก็อยู่ด้วย
ลู่เฉินส่งสายตาสะกิดซ่งไห่ ให้พวกเขาอย่าเพิ่งรีบร้อน เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือช่วยเสี่ยวจิงออกมาให้ได้ก่อน
ส่วนไอ้พี่น้องสี่คนนี้ของบ้านตาล ในสายตาของพวกเขาก็ไม่แตกต่างไปจากมดหรอก รอจัดการเรื่องหลักให้เสร็จก่อน ค่อยว่างสั่งสอนไอ้พวกนี้ทีหลัง
“ไอ้แก่เอ๋ย เสี่ยวจิงเข้าไปแล้วแต่พวกแกยังไม่รู้ผิดชอบชั่วอีก ยังคิดจะทำเรื่องให้มันใหญ่หรือ?อย่ามาโทษว่ากูไม่ได้เตือนพวกแกไว้ก่อนนะ ถ้าแกยังคิดจะก่อเรื่องอีก พวกกูจะให้แกต้องเข้าไปด้วย แกดชื่อหรือไม่”เมื่อเห็นว่าลู่เฉินทั้งสี่คนไม่ได้พูดอะไร สายตาของพี่น้องสี่คนบ้านตาลก็เต็มไปด้วยความดูถูก
ในนั้นคนหนึ่งสายตายังมองไปยังคอกหมูของบ้านเสี่ยว เดินไปแล้วพูดว่า”เอาหมูของบ้านเขาไปตัวหนึ่ง ถือเป็นบทลงโทษให้บ้านเขาต้องจำไว้ขึ้นใจ”
“เป็นความคิดที่ดีเยี่ยม ไป อุ้มไปโดยตรงเลย”เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของอีกสามคนล้วนปรากฏความดีใจขึ้นมา และล้วนเดินไปที่คอกหมู
คนพวกเสี่ยวเจิ้งยี่โกรธมาก คิดจะด่าว่าพวกเขา แต่ถูกลู่เฉินห้ามไว้
“คุณลุง ถ้าคุณเชื่อใจผมได้ คุณก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา รอให้ผมไปช่วยเสี่ยวจิงออกมาก่อน จากนั้นผมจะให้พี่น้องสี่คนนี้นำสิ่งที่ติดค้างบ้านเสี่ยวอยู่นั้นคืนกลับมาเป็นสิบเท่าเลย”ลู่เฉินพูดอย่างมั่นใจ
เมื่อได้เห็นความมั่นใจในสายตาของลู่เฉิน และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ของเขา คนพวกเสี่ยวเจิ้งล้วนเลือกที่จะเชื่อถือลู่เฉิน
ยังไงเสี่ยวจิงไม่อยู่ พวกเขาก็สู้ไม่ชนะพี่น้องสี่คนของบ้านตาล คนเขาอยากจะอุ้มหมูของบ้านเขาไป พวกเขาก็ไม่มีปัญญา
ก็แค่ความโกรธในใจไม่มีที่ระบายแค่นั้นเอง
“โอเค พวกเราเชื่อคุณ”เสี่ยวเจิ้งยี่พยักหน้า ให้คนในบ้านเสี่ยวล้วนอย่าพูดอะไร ปล่อยให้สี่พี่น้องของบ้านตาลอุ้มหมูตัวหนึ่งไปอย่างหยิ่งผยอง
“พี่หลิว ไปกัน พาพวกเราไปสถานีตำรวจท้องที่”หลังจาดพี่น้องสี่คนของบ้านตาลอุ้มหมูไปแล้ว ลู่เฉินก็พูดกับหลิวผิงอัน
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินทั้งสี่คนถูกพี่น้องบ้านตาลยั่วยุแต่ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ ทันใดนั้นหลิวผิงอันก็หมดหวังกับลู่เฉินสี่คน
แม้กระทั่งสี่พี่น้องบ้านตาลยังเอาไม่อยู่เลย เขาไม่เชื่อว่าลู่เฉินทั้งสี่คนจะสามารถเอาผู้อำนวยการของสถานีตำรวจท้องที่ได้อยู่
ต้องรู้ว่าผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของพี่น้องบ้านตาลด้วย
แต่แม้ว่าในใจของเขาไม่เชื่อ แต่ยังคงพาลู่เฉินออกไป
พอขึ้นรถเสร็จ ภายใต้การนำทางของหลิวผิงอัน ไม่นานพวกเขาก็มาถึงสถานีตำรวจหมู่บ้านชิหลง
สถานีตำรวจท้องที่นี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเสี่ยว เป็นอาคารสไตล์โบราณ บนกระเบื้องที่เคลือบสีทองมีไฟเตือนสีแดงและสีน้ำเงินสองสีนี้สลับกัน
ข้างๆประตูเหล็ก มีรถตำรวจจอดอยู่คันนึง ยังมีมอเตอร์ไซค์เฉพาะตำรวจอยู่สองคัน
หลินตงนำรถจอดอยู่ข้างรถตำรวจ หลายคนได้ลงจากรถ และพบว่าที่นี่ไม่มีคนเฝ้าอยู่
พอเดินไปดูที่ทางเดิน ประตูของห้องทำการก็ปิดอยู่ นอกจากประตูห้องน้ำยังคงเปิดอยู่ ทั้งสถานีตำรวจราวกับว่าไม่มีใครทำงานอยู่
“ไปดูที่ชั้นสอง”ลู่เฉินพูด
หลายคนขึ้นไปชั้นสอง ชั้นสองก็ปิดอยู่ แต่ขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้องทำงานของผู้อำนวยการ กลับพบว่ามีเสียงกรนส่งออกมาจากข้างใน
ซ่งไห่เพิางคิดจะเคาะประตู ก็ได้ยินหลิวผิงอันพูดว่า”เสี่ยวจิงถูกขังอยู่ตรงนั้น ถูกขังมาห้าหกวันแล้ว”
ลู่เฉินมองไปทิศทางที่เขาชี้ เห็นแต่ทางสิ้นสุดของทางเดินก็คือตะราง ซึ่งล็อคด้วยประตูนิรภัยบานหนึ่ง
ลู่เฉินเดินไปก่อน เคาะประตูนิรภัย และตะโกนใส่ข้างใน”เสี่ยวจิง คนที่ถูกขังอยู่ข้างในเป็นคุณหรือเปล่า?”
เสี่ยวจิงที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงของลู่เฉิน ตอบอย่างประหลาดใจว่า”พี่เฉิน เป็นคุณหรือเปล่า?ทำไมคุณถึงได้มาล่ะ?”
“ไอ้แกนี่นะ ที่บ้านเกิดเรื่องที่จัดการไม่ได้ทำไมถึงไม่โทรมาหาฉันล่ะ?”ลู่เฉินได้ยินเสียงของเสี่ยวจิง ก็โล่งใจลงได้ ขอให้คนไม่เป็นไรก็พอ วันนี้เขาก็จะสามารถช่วยเขาออกมาได้เลย
“พี่เฉิน เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉันจะรบกวนคุณได้ยังไงล่ะ แถมโทรศัพท์ของฉันก็ถูกพวกเขายึดไป โทรหาคุณไม่ได้ครับ”เสี่ยวจิงพูด
“เออ ทีหลังไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ล้วนโทรมาหาฉันก่อนนะ ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันต่อ ฉันจะช่วยคุณออกมาก่อน”ลู่เฉินพูด
ลู่เฉินพูดเสร็จก็จะหันไปหาผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ พอดีในเวลานี้ประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถูกเปิดออก ชายร่างใหญ่ที่หน้าแดงคนหนึ่งเดินออกมา ในมือยังถือแก้วน้ำชาสีดำอันหนึ่ง ท่าทางเหมือนยังไม่ได้ตื่น
เห็นได้ชัดว่าชายร่างใหญ่ที่หน้าแดงคนนี้เหมาเหล้า สีกน้ายังเป็นสีแดงอยู่เลย พอเขาได้เห็นกลุ่มคนพวกลู่เฉิน ก็ตวาดใส่ทันที”มาทำอะไร?”
ลู่เฉินสังเกตชายร่างใหญ่คนนี้อย่างละเอียด เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของตำรวจถูกดึงออกจากกางเกงตำรวจ อินทรธนูก็ไม่ได้แขวนไว้ด้วย และได้ใส่รองเท้าหนังสีดำคู่หนึ่ง
อาจจะเป็นเพราะว่าเหมาเหล้าแล้วถูกเสียงวุ่นวายข้างนอกนี้ปลุกขึ้นมา สายตาที่เขามองไปที่พวกลู่เฉินจึงเต็มไปด้วยความโกรธ เหมือนกับว่าถ้าลู่เฉินหลายคนไม่ได้ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่เขา เขาก็จะจับพวกเขาขึ้นมาหมด