ตอนที่ 25 จู่โจมอย่างหนัก
นารายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินขาเรียกหล่อนว่าที่รัก หล่อนแข็งทื่อไปทั้งตัว มองดูเขา
เขาเม้นปาก ราวกับรู้ว่าตอนนี้หล่อนนั้นกลัวมากขนาดไหน
คณพศมองดูหล่อนอยู่แบบนั้น เด็กน้อยจะคอยดูว่าจะโกหกไปได้อีกสักกี่น้ำกัน หากหล่อนยอมพูดออกมาว่าหล่อนไม่ใช่พิมมี่เขาอาจจะยอมยกโทษให้ ยังไงเสียเขาเองก็ยังไม่อยากให้คุณปู่รู้ว่าหล่อนไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลวรชัยลภัส
ถ้าเขาเดาไม่ผิดหากคุณปู่รู้เรื่องนี้เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ ถึงแม้จะโกรธวิษณุส์จนทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งประธาน แต่เขาก็ยังคงต้องกลับไปแต่งกับพิมมี่ใหม่
และในตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากแต่งงานกับพิมมี่แล้วเขาอยากได้แค่หล่อนไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครก็ตาม เขารู้แค่ว่าหล่อนคือผู้หญิงของเขาแล้ว ของของเขาห้ามคนอื่นมาทำตำหนิ และยิ่งไม่อยากให้คุณปู่มาทำอะไรหล่อน เขาแค่อยากให้หล่อนอยู่กับเขาแล้วค่อยๆแกล้งหล่อนเล่นไป
เขามองดูหญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้า เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไมเธอไม่อยากกลับบ้าน ไหนลองพูดมาสิถ้าหากเหตุผลฟังขึ้นก็จะไม่กลับไปกับเธอ”
เขามองดูหล่อนที่กำลังกังวล เขายื่นมือออกมา
นารายังไม่ทันได้คิดว่าจะพูดยังไงเพื่อไม่ให้เขากลับไป จึงได้แต่ยอมให้เขาจับมือ เขาดึงหล่อนเข้ามาในอ้อมอกเอาเบาๆ นารามองใบหน้าของเขาที่คลายความโกรธไปแล้วบ้างนั้น ในตาของเขามีรอยยิ้ม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไป เหมือนเขาจะดูอบอุ่บขึ้น ไม่เย็นชากับหล่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ที่สำคัญคือผู้ชายคนนี้ชอบให้หล่อนนั่งที่ขาของเขา และทุกครั้งที่นั่งหล่อนยังรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อที่ขาของเขา
ถ้าหากหล่อนไม่เห็นว่าเขานั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา หล่อนอาจจะสงสัยแน่ว่าเขาแกล้งพิการอยู่ แต่ทุกครั้งที่ทำกายภาพให้เขา ขาของเขาดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น คนแบบเขาถ้าหากไม่ได้พิการจริงๆเขาจะยอมให้คนมาทรมานตัวเองหรอ
หล่อนมองดูเขาอย่างใจลอย คิดจะทำอย่างไรให้เขาไม่พาหล่อนกลับบ้าน แต่ก็คงโกหกไปไม่ได้ทั้งชีวิต
“มองพอยัง” คณพศ มองดูหล่อนที่กำลังทำหน้าสงสัย เห็นหล่อนแบบนี้ เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนขึ้นมาทันที
เขาฉวยโอกาสที่หล่อนหมดสติไป ปลุกปล้ำทรมานหล่อน จนหล่อนพูดความจริงออกมา
“อืม คุณคณพศคะ พวกเราไม่กลับบ้านได้ไหม” หล่อนนั่งอยู่บนตักเขา
“ทำไม” เขารู้ว่าหล่อนไม่กล้ากลับบ้าน
“อันนั้น ฉันกับคนที่บ้านเข้ากันไม่ค่อยได้ อีกอย่างพ่อกับแม่ของฉันให้ฉันมาที่นี่ก็เพื่อดูแลคุณ สำหรับเรื่องกลับบ้านนั้น รอให้ขาของคุณหายดีแล้วพวกเราค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย” หล่อนรู้สึกราวกับว่าเดินเข้ามาใกล้ความตายมาก ใบหน้าเล็กๆนั่นเดี๋ยวซีดขาวเดี๋ยวแดงก่ำ
เข้ากับพ่อแม่ไม่ได้ คำพูดนี้กล้าพูดออกมาได้นะ
คณพศเองก็ไม่อยากทำให้หล่อนลำบาก มองดูหน้าที่กำลังตื่นเต้น ในใจกลับมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ดีมาก ให้โอกาสพูดความจริง หล่อนยังไม่พูดอีก
เขายื่นมือมาแล้วลูบไปที่หน้าของหล่อน หล่อนปัดมือของเขาแล้วลุกขึ้นมา มือของเขาอีกข้างรีบคว้าตัวหล่อนที่คิดจะลุกหนี
เขาเอามือไปจับที่คางของหล่นให้ก้มลงมาต่ำแล้วเขาก็จูบไปที่ปากของหล่อน
นาราเบิกตากว้างมอง หล่อนรีบดันตัวออกจากเขายืนขึ้นแล้วเดินวิ่งไปทางบ้าน
แต่ “ที่รัก” เขาเรียกหล่อน
นาราสะดุ้งในหัวขาวโพลน นี่เขาเรียกหล่อนแบบนี้อีกแล้ว
ใจของนาราเริ่มเต้นแรงขึ้น หล่อนหยุดเดิน หมุนตัวกลับมาเห็นเขากำลังยิ้ม
เขายิ้ม โอ้พระเจ้า หล่อนมาอยู่ที่นี่นานแล้ว นี่คือครั้งแรกที่เห็นเขายิ้มออกมาจากใจจริง เขายิ้ม ริมฝีปากหนาๆฉีดกว้าง สายตาที่น่าหลงใหล นารายืนอึ้งมองดูเขา
“เธอจะไปแบบนี้เลยหรอ ไม่สนใจฉันเลย” เขามองดูหล่อนที่ยืนอึ้งอยู่ ทำท่าดูน่าสงสาร นี่พึ่งจะกี่วันเอง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสนใจผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นอย่างที่ เด่นภูมิบอกว่าเขาโสดมานานเกินไปแล้ว
ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องรับแขก นาราเข็นเขาไปหยุดอยู่ข้างโซฟา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
คณพศมองดูหญิงสาวที่เดินเข้าลิฟต์ไปอย่างลุกลี้ลุกลน เขาเม้นปากขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากอาหารเย็นลุงบีมก็ขับรถพาคณพศออกไป กลางคืนของเกาะมันเงียบสงบจนน่ากลัว บ้านบนเกาะนี้มีพื้นที่ราวๆพันกว่าตารางเมตร คนใช้ล้วนพักอยู่เรือนหลัง เรือนหน้ามีสามชั้น มีเพียงลุงบีมกับป้าอ้ายที่อยู่ชั้นหนึ่งส่วนชั้นสองเป็นที่พักของคณพศกับนารา
สองทุ่ม ท้องฟ้ามีฟ้าผ่าลงมาอีกแล้ว นารานั่งมองโคมไฟอยู่บนเตียง หล่อนไม่กล้านอน หล่อนกลัวว่าจะเหมือนคืนนั้นอีก ที่หล่อนถูกคนแปลกหน้าขโมยความบริสุทธิ์ไป วันนี้ก็ดันฝนตกเหมือนวันนั้นอีก หล่อนได้แต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง รอคณพศกลับมา
ณ เวลานี้หล่อนอยากให้เขากลับมาจริงๆ หลังจากคืนนั้นหล่อนก็กลัวคืนที่ฝนตกฟ้าผ่า
หล่อนมองออกไปทางชายหาด ขอแค่มีรถกลับมานั่นต้องเป็นรถของคณพศแน่นอน ขอแค่เขากลับมา ถึงจะนอนอยู่ห้องข้างๆหล่อนก็วางใจแล้ว
ห้าทุ่มแล้วฝนก็ยังคงตกไม่หยุด นาราเริ่มจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว บนชายหาดมีแสงรถแล่นเข้ามา
มองเห็นแสงรถ นารารีบปิดไฟทันที เขากลับมาแล้วงั้นหล่อนก็สามารถนอนอย่างสบายใจได้แล้ว
หล่อนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม หลับตาลง ในขณะที่หล่อนกำลังสะลึมสะลือก็ได้ยินเสียงล้อรถเข็นผ่านถึงจะเสียงเบา เขากลับมาแล้ว ในที่สุดหล่อนก็สามารถนอนอย่างสบายใจได้แล้ว นาราหลับไปแล้ว เขากลับมาถึงห้อง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาว มองเห็นหล่อน ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาเปิดผ้าห่มออกเบาๆ แล้วกอดหล่อนเอาไว้ในอ้อมอก
หอมกลิ่นตัวของหล่อน เขาหลับตาลง และครั้งนี้หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ความสวย ความไร้เดียงสาความระมัดระวังของหล่อนค่อยๆดึงความสนใจของเขา เป็นเพราะว่าเวลานั้นเขาคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงของวิษณุส์
แต่พอรู้ว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงของวิษณุส์ เขาอดไม่ได้ที่จะบดขยี้หล่อน