ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1836 : เผ่าสวรรค์กับเผ่าชีวิต

ตอนที่ 1836 : เผ่าสวรรค์กับเผ่าชีวิต
  ทุกคนพากันมองไปที่กวน แม้ว่าตอนนี้จะมีแค่ต้นไม้โกลาหลที่ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ แต่อีกไม่นานคนที่เหลือก็ต้องขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลอยู่ดี ดังนั้นการเข้าใจกฎทะเลโกลาหลไว้ล่วงหน้าก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาได้อย่างมาก
กวนไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนและพูดขึ้น “ กฎข้อแรกหากไม่ได้รับอนุญาตห้ามออกจากแดนสวรรค์ซื่อเซียว ”
“ ห้ามออกจากแดนสวรรค์ซื่อเซียวรึ ?”
“ สิ่งที่เรียกว่าแดนสวรรค์ซื่อเซียว คืออาณาเขตปกครองของจักรพรรดิชื่อเซียว” กวนมองไปรอบๆ “ จักรพรรดิทั้งเก้าของทะเลโกลาหล ต่างก็มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง แดนสวรรค์ซื่อเซียวก็คือหนึ่งในนั้น” เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ กฎข้อที่สอง ห้ามติดต่อกับเผ่าสวรรค์ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม”
“ เผ่าสวรรค์คืออะไร ?” ต้นไม้โกลาหลถามขึ้นมา
กวนตอบกลับ “ ในทะเลโกลาหลอันกว้างใหญ่มีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แต่โดยรวมแล้วแบ่งเป็นสองพวก พวกแรกคือสิ่งมีชีวิตแบบเรา ซึ่งเรียกว่าเผ่าชีวิต จุดเด่นของเผ่าชีวิตก็คือเมื่อพลังชีวิตหมดลงแล้วเราก็จะตาย ส่วนอีกอันคือเผ่าสวรรค์ เผ่าสวรรค์ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการรวมร่างของสิ่งพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นจิตปฐมบทโกลาหล,บาปแห่งความว่างเปล่าเป็นต้น แม้ว่าพวกนี้จะไม่ใช่เผ่าสวรรค์ที่แท้จริง แต่เมื่อทะลวงผ่านมาได้และขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล งั้นก็ต้องเป็นคนของเผ่าสวรรค์”
“ ข้าไม่อาจจะติดต่อกับคนของเผ่าสวรรค์ได้รึ ?” ต้นไม้โกลาหลถามขึ้นมา
“ เพราะเราเป็นศัตรูคู่แค้นกัน” เสียงของกวนจริงจังขึ้นมา “ วิธีการเติบโตของเผ่าสวรรค์กับเผ่าชีวิตแตกต่างกัน เผ่าชีวิตอย่างพวกเราต้องใช้ความพยายามมากมายกว่าจะขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหลได้ แต่พวกนั้นแค่กลืนกินเผ่าชีวิตก็เติบโตขึ้นมาได้…เราไม่อาจจะอยู่ร่วมกับพวกนั้นได้ !”
ทุกคนต่างก็อึ้ง
เผ่าสวรรค์น่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ ?
มันทำให้พวกเขานึกถึงเสี่ยวเสียและไห่อู่เซิงที่พยายามจะกลืนกินโกลาหลหิน
“ ความแค้นระหว่างพวกเขากับเรานั้นมีมานานจนไม่อาจจะลบล้างได้” กวนพูดขึ้น “ สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมาช้านานแล้ว…” เขามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น “ หากพวกเจ้ากล้าร่วมมือกับพวกมัน จะต้องทนทุกข์กับคำสาปแช่งจากเผ่าชีวิตนับล้านล้าน!”
“ ร่วมมือกับเผ่าสวรรค์?” ต้นไม้โกลาหลเอ่ยถามอย่างตกใจ “ใครกันที่จะโง่พอร่วมมือกับพวกนั้น ?”
กวนพูดขึ้น “ แต่ความจริงมันมีคนโง่เช่นนั้นอยู่ แต่มีแค่ไม่กี่คน”
ซุนเหยียนคิ้วขมวด “ ทำไมจักรพรรดิทั้งเก้าถึงไม่ทำลายพวกนั้นทิ้ง ?”
“ ทำลายรึ ?” กวนราวกับได้ยินเรื่องตลก “ ในหมู่จักรพรรดิทั้งเก้า มีห้าคนที่เป็นคนของเผ่าสวรรค์แล้วจะกำจัดได้ยังไง ?”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันอึ้งและมองไปที่กวนด้วยสีหน้าตกตะลึง
กวนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพึมพำออกมา “ กองกำลังสวรรค์นั้นแกร่งกว่าเรา ภายใต้แรงกดดันจากพวกนั้นแล้ว เรายากจะปกป้องตัวเองได้ นี่ไม่ต้องนับการทำลายพวกนั้นเลย ที่เราทำได้คือพยายามเอาตัวรอดให้ได้นานที่สุด นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ใจสั่นราวกับโดนภูเขากดทับ
แต่เดิมแล้วพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนของเผ่าชีวิตถึงไปร่วมมือกับเผ่าสวรรค์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ได้โง่ พวกนั้นแค่กลัวตายหรือไม่ก็โหยหาพลัง
ยิ่งสภาพแวดล้อมย่ำแย่เท่าไหร่ ความโลภและความกลัวตายของผู้คนก็จะมากขึ้นเท่านั้น
“ สรุปคือหากพวกเจ้าพบคนของเผ่าสวรรค์ พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไร ให้ฆ่าพวกนั้นได้ทันที ” กวนกวาดตามองไปที่ต้นไม้โกลาหล
ทุกคนพากันมองไปที่เสี่ยวเสีย เสี่ยวเสียยังแสดงท่าทีเฉยเมย มันคิดในใจ “ เขาพูดถึงคนของเผ่าสวรรค์ ข้าเกี่ยวข้องอะไรด้วยรึ ?”
มันไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนของเผ่าสวรรค์ ยังไงซะมันก็มีร่างกายแล้ว ยกเว้นแค่จิตที่เหมือนกัน เรื่องอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันเลย
ตอนนั้นกวนก็ได้พูดขึ้น “นอกจากพวกนั้นแล้วก็ยังมีพวกทรยศอยู่อีก พวกเจ้าต้องระวังคนพวกนี้เอาไว้”
ทุกคนต่างก็พากันมองไปที่กวนด้วยความสงสัย
“ วิธีการของพวกสวรรค์นั้นแปลกและยากจะป้องกันได้ ในหมู่พวกนั้นมีคนที่เจ้าเล่ห์ พวกมันใช้วิธีการพิเศษในการปลิดชีวิตพวกเรา โดยที่เราไม่อาจจะมองเห็นได้เลยว่าพวกนั้นทำได้ยังไง” กวนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ ในหมู่เผ่าชีวิต มีหลายคนที่ร่วมมือกับพวกนั้น คนทรยศนั่นดูไม่ต่างอะไรจากเรา พวกนั้นถึงกับเข้าร่วมกองทัพรับใช้จักรพรรดิเพื่อหาข้อมูล ยิ่งกว่านั้นแหวนแห่งความตายที่พวกนั้นมีก็สามารถเป็นภัยต่อชีวิตเราได้ …. “
ทุกคนต่างก็อึ้ง
“ สามวันสามคืนก็ไม่อาจจะพูดเรื่องนี้ได้จบ” กวนถอนหายใจออกมา “ วิธีการของพวกสวรรค์นั้นทำให้เผ่าชีวิตยากที่จะป้องกันได้ ดังนั้นพวกเจ้าจงจำไว้ว่าห้ามลดการระวังตัวลง !”
เสี่ยวเสียกลืนน้ำลายพร้อมกับตัวสั่น
มันรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่
“ แล้วกฎข้อที่สามล่ะ ?” ต้นไม้โกลาหลถามขึ้นมา
พวกเผ่าสวรรค์กับพวกเขาเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว มันจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก
กวนพูดขึ้นมาช้าๆ “ กฎข้อที่สามคือจ้าวโกลาหลทุกคนจะต้องจ่ายลูกปัดดั้งเดิมยุคละ 3 เม็ด”
“ อะไรคือลูกปัดดั้งเดิม ?” ต้นไม้โกลาหลสับสน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แล้วเขาจะจ่ายยังไง ?
“ ลูกปัดดั้งเดิมคือพลังดั้งเดิมที่อัดแน่นเป็นลูกปัด ตราบใดที่ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ เจ้าก็สามารถใช้พลังดั้งเดิมส่วนหนึ่งในโกลาหล สร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมา” กวนพูดขึ้น “ พูดโดยทั่วไปแล้วคนที่เพิ่งก้าวเป็นจ้าวโกลาหลนั้นจะสร้างมันขึ้นมาได้ทีละ 10 เม็ด หากมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้พลังดั้งเดิมเสียหายจนสร้างความเสียหายให้กับโกลาหล…”
ต้นไม้โกลาหลคิ้วขมวด “ การอัดแน่นพลังดั้งเดิมในโกลาหลเพื่อสร้างลูกปัดดั้งเดิม ไม่ใช่ว่าจะลดการเติบโตของโกลาหลลงไปรึไง ?”
อัตราการเติบโตของโกลาหลนั้นมีจำกัด ส่งผลให้ความแข็งแกร่งจำกัดไปด้วย
ต้นไม้โกลาหลได้รับสืบทอดโกลาหลมาจากซุนกวน ภูมิหลังเขาไม่ธรรมดา เขาแกร่งกว่าจ้าวโกลาหลหน้าใหม่ สำหรับเขาแล้วการจ่ายลูกปัดดั้งเดิม 3 เม็ดต่อยุคนั้นส่งผลกระทบเล็นน้อย แต่สำหรับจ้าวโกลาหลหน้าใหม่แล้ว มันถือว่าลำบากอย่างมาก
“ มันต้องส่งผลกระทบแน่” กวนพยักหน้าและพูดขึ้น “ แต่หากไม่ทำแล้วเผ่าชีวิตจะสู้กับเผ่าสวรรค์ได้ยังไง พลังของเผ่าสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ เรายากจะตามพวกนั้นทัน เราได้แต่หาทางอื่น ด้วยลูกปัดดั้งเดิมจำนวนมาก เราจึงสร้างกลุ่มยอดฝีมือเพื่อต้านทานพวกนั้นเอาไว้ได้”
หลังจากนั้นสักพักกวนก็พูดต่อ “ จักรพรรดิชื่อเซียวนั้นใจกว้างมากแล้ว ในอาณาเขตอื่นๆนั้นต้องจ่ายถึง 5 เม็ดรึ 6 เม็ด ที่เห็นสูงสุดมีถึง 8 เม็ด”
ทุกคนพากันเงียบ
พวกเขาค้นพบว่าการก้าวขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลนั้นคือการเป็นคนอ่อนแอที่กำเนิดใหม่ที่มีแต่โดนเอาเปรียบ
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท