บทที่56 ให้ฉันมองเธอหน่อยนะ
มือใหญ่ของเขาจับเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าสวยขึ้นทัดหู พร้อมบรรจงจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหลงใหล
“…..” เธอไม่เหมือนผู้หญิงของเขา แต่กลับดูเหมือนเป็นลูกสาวของเขามากกว่า
“เล่ามาสิคุณภรรยา ไม่ได้ไปเรียนตั้งหลายเดือนจะเรียนทันคนอื่นรึเปล่า” คณพศอยากจูบเธอ แต่ดูเหมือนหญิงสาวมีอะไรจะพูดเขาจึงเอ่ยถาม
“แน่นอนสิคะ ฉันฉลาดขนาดนี้จะเรียนไม่ทันได้ยังไง” ใบหน้าสวยหวานของนารายิ้มจนตาหยี ดวงตาสดใสเป็นประกายชัดแจ๋ว
คณพศชอบที่เธอยิ้มสดใสแบบนี้ เขายกเธอขึ้นมานั่งบนตัก “จริงหรือเปล่าเธอฉลาดขนาดนั้นเลย?” เอ่ยจบพร้อมกดจูบลงไป
วันนี้เขาคิดถึงเธอทั้งวัน ไม่รู้ว่าหญิงสาวเมื่ออยู่มหาวิทยาลัยจะเป็นยังไงบ้าง
ยังไม่ถึงห้าโมงเย็นเขาก็รีบกลับบ้าน เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงสาวที่คฤหาสน์ เขาจึงรีบให้ลุงบีมไปรอรับเธอที่มหาวิทยาลัย
ตอนนี้หญิงสาวกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เขาจะทนได้ยังไงกัน ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบกดจูบลงไปทันที
กลิ่นหอมหวานจากตัวเธอลอยเข้ามาปะทะจมูกทำให้เลือดร้อนในกายเขาเดือดพล่าน
หน้าท้องหดเกร็งอย่างรุนแรง เขาต้องการผู้หญิงตรงหน้ามากเหลือเกิน กายแกร่งเริ่มมีการตอบสนอง เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนก่อนๆที่เคยคบ
เมื่อจูบหยุดลงตัวของนาราก็อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าเธอแดงซ่านราวกับแอปเปิ้ล
เธอดันอีกคนออกเบาๆ “คุณคณพศ…ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ คุณอย่า…ทำแบบนี้สิคะ”
ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากไปยังลำคอสวยแล้วสูดดมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ เขาหลับตาลงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ “ว่ามาสิ เรื่องอะไรล่ะ”
“ครั้งหน้าหลังเลิกเรียนฉันขอกลับเองนะคะ ไม่ต้องไปรับแล้ว เพราะเดี๋ยวคนอื่นเห็นเข้าแล้วจะคิดว่า…” เธอผละออกจากอ้อมกอดแล้วนั่งลงบนโซฟา
“คิดว่าอะไร”
“คิดว่าฉันเป็นเด็กคุณไงคะ!” นาราพูดจบเขาก็ก้มหน้าหัวเราะออกมาทันที “งั้นเธอก็บอกพวกเขาไปสิว่าเธอเป็นภรรยาฉัน”
“ยังไงฉันก็ไม่ต้องการให้ไปรับไปส่ง” เธอคว่ำปากลงอย่างน่ารัก คณพศมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู
“โอเคๆงั้นก็ไปเรียนเอง” เขาลูบผมเธอเบาๆ
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปฝรั่งเศส เธออยู่คนเดียวก็ตั้งใจเรียนล่ะเลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน ครั้งนี้ลุงบีมจะอยู่ดูแลเธอที่นี่ไม่ได้ติดตามฉันไปด้วย” คณพศเอ่ยเรียบๆ
“ลุงบีมไม่ไปด้วยและคุณจะทำยังไงล่ะคะ ไม่ต้องดูแลฉันหรอกคะให้ลุงบีมไปกับคุณเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีค่ะ”
“ฉันมีเสกข์คนเดียวก็พอแล้ว จำไว้นะเลิกเรียนให้รีบกลับบ้าน อย่าไปวิ่งเล่นที่อื่น ต้องเชื่อฟังฉันเข้าใจรึเปล่า” ธุระครั้งนี้สำคัญมากเขาจึงต้องไป เพราะเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งที่บริษัทดังนั้นงานหลายอย่างเขาจึงจำเป็นต้องไปจัดการด้วยตัวเอง เขาต้องไปหาทีมงานที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสมาที่นี่ให้ได้
เพราะคนที่นี่เอาแต่หวาดกลัวเขา เขาจึงจำเป็นต้องจัดทีมงานขึ้นมาด้วยตัวเอง
ไหนจะวิษณุส์ที่เกลียดเขาเข้ากระดูกดำหาทางให้เขาลงจากตำแหน่งทุกวัน เขาจะกล้าวางใจได้อย่างไร
“ต้องไปอาทิตย์หนึ่งเหรอคะ” นาราไม่ได้แย้งอะไรกลับไปอีก เธอรู้ว่าอีกคนคงวางแผนทุกอย่างดีแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
“ใช่ ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด มากสุดก็อาทิตย์เดียวเท่านั้น คุณภรรยาไม่อยากให้ไปงั้นเหรอ” เขายื่นใบหน้าดูดีไปใกล้ๆเธอ
“เปล่าซะหน่อย……ฉันดูแลตัวเองได้จริงๆนะคะ ให้ลุงบีมไปกับคุณเถอะนะ” นารายังคงเป็นห่วงเพราะลุงบีมดูแลชายหนุ่มจนชินแล้ว
“ไม่เป็นไรน่า คุณภรรยาเราไปกินข้าวกันเถอะ กินข้าวเสร็จช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้ฉันด้วยนะพรุ่งนี้เครื่องออกเจ็ดโมงเช้าน่ะ”
“ค่ะ”
คืนนั้นคณพศบรรเลงบทรักกับนาราอย่างลึกซึ้ง เขาอยากพาเธอไปกับเขาด้วยจริงๆ เขาเข้าใจแล้วว่าทั้งจิตวิญญาณและร่างกายของเขาต่างก็ไม่อยากอยู่ห่างจากผู้หญิงคนนี้
เขาหอบหายใจพลางโอบกอดนาราที่เปียกไปทั้งตัว “คุณภรรยาสบายตัวรึเปล่า”
“……” นาราจะกล้าตอบได้ยังไงกัน
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปแล้ว เราจะไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณภรรยาต้องเป็นเด็กดีรอฉันกลับมานะ” เขากดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม
“ค่ะ……” นาราเหนื่อยล้าจนลืมตาไม่ขึ้นจนเผลอหลับไปในที่สุด กลางดึกเธอถูกชายหนุ่มจูบปลุกขึ้นมาเพื่อเริ่มบทรักกับเธออีกรอบ
นาราไม่รู้จะพูดอะไร ผู้ชายคนนี้ขาพิการไม่ใช่เหรอทำไมถึงทำอย่างกับคนปกติ แรงเยอะมากจนเธอตกใจ
เธอสะลึมสะลือรู้สึกว่าอีกฝ่ายโอบเธออยู่ “เดินไปห้องน้ำ” เธอชะงักเล็กน้อยคิดว่าตัวเองกำลังฝัน
แต่เธอก็เหนื่อยล้าจนหลับไปอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นนารายังไม่ตื่นคณพศก็ไปสนามบินแล้ว
รอจนตื่นเธอจึงรู้ว่าชายหนุ่มออกไปแล้ว เธอเปิดโทรศัพท์ดูก็เห็นข้อความของคณพศที่ฝากไว้ก่อนไปสนามบิน ‘คุณภรรยาผมไปแล้วนะ’
นาราลุกพรวดขึ้นทันทีแต่ก็ต้องรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง เธออยากไปส่งอีกคนที่สนามบินแต่ไม่ทันซะแล้ว
ช่างเถอะ ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ เมื่อคืนรังแกเธอจนเธอแทบไม่มีแรง
นาราออกไปโรงเรียนตอนแปดโมง เมื่อเดินถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยเธอก็รู้สึกว่าข้างหลังมีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธออยู่
เธอค่อยๆหันหลังไป เคนโด้ยืนอยู่ข้างหลังเธอพลางมองเธออย่างแปลกใจ
เธออ้าปากค้างมองผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้ดูซูบผอมอย่างมาก ผมอีกคนยุ่งเหยิง เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบเหมือนเมื่อก่อน สภาพอย่างกับพวกอันธพาลข้างถนน
เขาค่อยๆเดินมาหาเธอ ขอบตาแดงก่ำ ริมฝีปากแห้งแตกค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา “นารา…ใช่เธอรึเปล่า”
“ฉันเอง เคนโด้ พี่สบายดีหรือเปล่า” นาราน้ำตาแทบไหลออกมาเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า
“ใช่เธอจริงๆเหรอ นารา……ฉันไม่โอเคเลย” อยู่ๆอีกคนก็กางแขนออกแล้วกอดเธอไว้แน่น
“นาราเธอหายไปไหนมา รู้รึเปล่าฉันตามหาเธอมันทรมานมาก ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว” เคนโด้กอดหญิงสาวในอ้อมแขนไว้แน่นราวกับเด็กที่ตามหาแม่จนเจอ
นารากำลังจะผลักชายหนุ่มออกแต่เคนโด้ก็ปล่อยเธอก่อนแล้วเปลี่ยนมาจูงมือพาเธอวิ่งออกจากมหาวิทยาลัย “นารา มากับฉัน ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”
“……” เธออยากไปเรียน แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้บอกอีกคนให้ชัดเจนว่าไม่ต้องรอเธออีกต่อไป เธอให้คำสัญญาอะไรกับอีกคนไม่ได้แล้ว
เคนโด้จูงมือเธอออกมาข้างนอก โชคดีที่รถที่มาส่งเขายังจอดอยู่หน้าประตู
เขารีบเดินไปเปิดประตู ให้คนขับรถเรียกรถกลับเองเพราะเขาต้องการใช้รถ
“คุณชาย คุณท่านรอให้คุณกลับบ้านไปเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยอยู่นะครับ ตอนบ่ายสองโมงคุณต้องไปขึ้นเครื่องนะครับ”
“นายกลับไปบอกพ่อว่าฉันยังไม่ไปอเมริกาตอนนี้ ฉันขอเรียนให้จบก่อนค่อยไป”
เอ่ยจบพร้อมกับจูงมือนาราขึ้นรถแล้วขับออกไป เหลือไว้เพียงคนขับรถที่มองรถเคลื่อนออกไปอย่างมึนงงพร้อมกับส่ายหน้าหัวเราะ
เคนโด้พานารามาที่ทะเล เขาจอดรถบนชายหาดแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาหันหน้าไปมองนาราอย่างสำรวจ
“นาราเธอกลับมาแล้วจริงๆ ใช่เธอจริงๆ ขอฉันมองเธอหน่อยนะ นาราฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน” ดวงตาของชายหนุ่มใบหน้าซูบผอมคลอไปด้วยน้ำตา
นาราเจ็บปวด เคนโด้เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอใจเต้น ตอนนั้นอีกคนเป็นเหมือนแสงไฟในชีวิตของเธอที่คอยส่องแสงให้โลกที่มืดมิดของเธอสดใสขึ้นมา