บทที่ 99 ฉันชอบภรรยาตัวน้อยของฉันเท่านั้น
พอเป็นว่านาราเรียกภรรยาของบุรินทร์ว่าแม่ ใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นไม่ควรจะมาเป็นแม่ของเธอ ดูแล้วเธอยังจะไม่ค่อยไว้วางใจยัยแกทนงตัวคนนั้น
คณพศโอบกอดเธอเขามาให้อ้อมกอดอย่างอ่อนโยนพร้อมพูดกระซิบข้างใบหูของเธอ :“อืม พิมมี่ผู้หญิงคนนั้นมาเอะอะโวยวายต่อหน้าผม แล้วยังจะด่าคุณอีก!ดังนั้นผมสั่งสอนเธอหน่อย ให้เธอได้หลาบจำ ผู้หญิงคนนั้นช่างทำให้จิตใจผมแย่จริงๆ!”
สำหรับสภาพน่ารักเกียจของพิมมี่ คณพศไม่อยากจะไปนึกถึง
“แต่ตอนแรกคุณ….ไม่ใช่ว่าจะยอมเสียทุกอย่างเพื่อให้เธอมาอยู่บนเกาะฟ้าหรอกเหรอ?” คณพศพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพิมมี่น่ารังเกียจ นาราก็เลยไม่ค่อยเชื่อคำที่ออกจากปากของเขา เลยถามแบบนี้เพื่อทดสอบ
ดังนั้นถึงจะโดนเขากอดเอาไว้ เธอก็ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองตาเขาในตอนที่ตอบคำถามนี้
เห็นเขาหน้านิ่ว และไม่คิดว่าจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา นาราก็เลยยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
นาราพูดแบบนี้ คณพศก็เลยอดไม่ได้ที่จะแอบพำพึมในใจ :ยัยคนนั้ ตอนนี้จะมาสอบสวนเขาหรือไงกัน? หรือจะโทษว่าตอนแรกไปแย่งพิมมี่มาจากอาชัญ?
หรือเป็นเพราะว่าชอบเขามากเกินไป ก็เลยอิจฉา?
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว คณพศก็ยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
แล้วโอบเอวของเธอมากอดจนแนบแน่น :“คุณอย่าไปคิดมากมาย ตอนแรกที่จะแต่งกับพิมมี่ก็เพราะจะแกล้งอาชัญเท่านั้น”
“อย่างพิมมี่ผู้หญิงแบบนั้น ผมคณพศไม่มีทางมองหรอก ผมชอบเพียงคุณนายของผมเท่านั้น คุณจำไว้แค่นี้ก็พอแล้ว”
ถึงแม้ว่าตอนแรกณัจยาเคยอยู่ข้างกายเขามาก่อน เขาไม่ได้รู้สึกว่าดีใจหรือมีความสุขตั้งแต่แรกเลยเหรอ เธอคนนั้นเป็นดั่งแสงไฟที่มอบความสว่างให้กับเขา แล้วเขาจะไม่รักเธอได้อย่างไร?
ในใจของนารามีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจของเธอ เพราะถึงแม้ว่าต้องการจะตีกับอาชัญก็ไม่เป็นจำเป็นต้องแต่งงาน ถ้าพิมมี่ได้แต่งแล้วมาอยู่บนเกาะฟ้าละก็ พอเวลาผ่านไปนานๆ คณพศก็จะต้องมีความรู้สึกกับเธอแน่ๆ!
พอคิดอย่างนี้แล้วในใจนาราก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เพราะว่าคณพศใกล้เธอมากๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็ไม่หยุดที่จะแผ่ส่านมาตรงหน้าของเธอ ทำให้นารารู้สึกจั๊กจี้ใบหน้า
ดังนั้นใบหน้าของนาราที่โดนลมอุ่นนี้พัดใส่ก็ค่อยๆ แดงก่ำขึ้น
แล้วก็ค่อยๆ โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างหวานชื่น แล้วปล่อยให้กลิ่นกายชายที่อยู่เต็มตัวของเขาค่อยๆ ซึมเข้าจมูกของเธอ
เป็นครั้งแรกที่นารายืนมือเข้าสวมกอดเอวของคณพศเอง
ความพยายามลอบฆ่าของอาชัญ ถึงจะทำให้คณพศได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
แต่ความผิดพลาดทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคณพศกับนาราค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างอบอุ่น
ก็เพราะแบบนี้คณพศจึงดีใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ไม่กี่วันต่อมาเมื่อหลังของเขาที่ได้รับบาดเจ็บพื้นที่ส่วนใหญ่ก็หลุดหายไปหมดแล้ว
ได้รับการอนุญาตจากหมออย่างคณพศก็เตรียมตัวกลับบริษัท
ก็เพราะการกระทำของอาชัญครั้งนี้ทำให้เขาต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ให้คนชั่วๆ พันนี้มีส่วนร่วมให้บริษัทมากเกินพอแล้ว
ถ้าเขาไม่กลับไปอีกจริงๆ คาดว่าอาชัญคงจะบินขึ้นสวรรค์
ดังนั้นพอรุ่งเช้าขึ้น คณพศที่กินข้าวเสร็จแล้วเตรียมตัวกลับไปบริษัทเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นั่งรถที่ลุงบีมขับไปยังบริษัท
พอคณพศบริษัทตระกูลปัญญาพนต์แล้วก็ได้เดินไปห้องประธานต่อทันที เสกข์ที่เห็นคณพศมาก็รีบร้อนเดินเข้าไปในห้องประธาน
จากนั้นก็ยืนนิ่งตรงหน้าคณพศ แล้วพูดอย่างสุขภาพ :“ในที่สุดท่านประธานก็กลับมาแล้ว ในช่วงที่ท่านไม่อยู่นี้ หัวหน้าอาชัญก็ก้าวก่ายกับงานของบริษัททุกอย่างตลอดเวลา”
“ไม่แค่รบกวนขั้นตอนการทำงานกับแผนงานของพวกเรา ยังจะเอาคุณกษาปณ์มาบังหน้าเผื่อเปลี่ยนโอนพนักงานให้อีกด้วย”
เดิมทีเสกข์เคยทำงานกับคุณกษาปณ์มาเป็นเวลานาน เขารู้ดีที่สุดว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
คำสองสามคำแรกที่กล่าวถึงทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัท โดยหลักความเป็นจริงแล้วพวกเขาพูดถูกไม่มีอะไรผิด
ส่วนด้านหลังนี้นั้นก็คงจะเป็นเพราะมีส่วนร่วมกับเรื่องที่สองพี่น้องตระกูลปัญญาพนต์แย่งชิงตำแหน่งประธานกัน
เข้าเป็นคนที่กษาปณ์ส่งมาให้อยู่กับเขา ดังนั้นเขาคือคนของคณพศ
แต่นี้เพราะคณพศยืนมือมารับบริษัทต่อเอง ดังนั้นการจะตัดสินใจอะไร ให้เขาคุณชายสามของที่ตระกูลปัญญาพนต์ทำได้แค่นั่งรถเข็นยินดี
เดิมแค่ความสามารถของคณพศเป็นสิ่งที่คนขี้อิจฉาริษยาอย่างอาชัญเทียบทำได้แค่มองตาร้อน
ดังนั้นนี้ก็ไม่แปลกที่บริษัทจะเอาคนเข้าๆ ออกๆ อย่างเยอะ ก็แค่เพียงเวลาสั้นนี้ คงเต็มใจที่จะลำเอียงไปหาคณพศแล้ว
ถึงคณพศจะปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเยือกเย็น แต่ก็ทำเพื่อส่วนร่วม จะไม่ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำผิดอับอายอย่างจงใจ
ใครจะเหมือนอาชัญที่วางมาดเป็นหัวหน้าแล้วไม่เคยมองพวกลูกน้องเหล่านี้เป็นคนเลย
เพียงแต่ฟังเสกข์พูด แล้วเปิดดูเอกสารบนโต๊ะอย่างเอื่อยเฉื่อย แล้วก็ยิ้มขึ้นมา
หลังจากนั้นก็พูดขึ้น :“ไม่ต้องกังวล สิ่งที่อาชัญทำขึ้นในช่วงเวลานี้มันอยู่ในมือผมหมดแล้ว สิ่งที่เขาพยายามคิดจะทำไม ไม่มีทางจะสำเร็จ”
ส่วนศักด์ศรีจริงๆ ของอาชัญนะเหรอ มันได้เสียไปตั้งหลายปีแล้ว คุณปู่ก็ได้เห็นมันชัดเจนแล้ว
ดังนั้นเขาก็เลยไม่เอาตั้งแหน่งประธานไปมอบให้กับเขา ถึงจะให้คณพศจะทำเรื่องอะไร คุณปู่กไม่มีทางเอาตำแหน่งประธานไปให้เขาเด็ดขาด
ตอนนี้เขาปล่อยให้เขาทำแบบนี้ไปก่อน ยังไม่ให้ยชญ์กับเด่นภูมิมาขัดขวางเขา เพราะตั้งใจจะขุดหลุมให้กับอาชัญ
แค่เสียดายที่อาชัญลำพองเกินไปเท่านั้น เขาเป็นคนไม่มีไอคิวพอจะมองกลยุทธ์ของตัวเองออก
“เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นผมก็วางใจแล้ว แผลของท่านหายดีแล้วหรือยังครับ?” พอได้ยินคณพศพูดแบบนี้ก็เป็นการกล่าวชัดเจนว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาหมดแล้ว
“ครับ หายดีแล้ว”
เสกข์ก็เลยโล่งใจไปหน่อย เพราะหลังจากนี้เขาก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน
ถ้ารู้ว่าคณพศไม่ได้มาบริษัทถึงเวลานี้ละก็กษาปณ์ต้องเป็นกังวลตายแน่
ถึงแม้เขาจะรายงานสถานการณ์กับกษาปณ์อยู่ทุกๆ วัน แต่คนฉลาดอย่างกษาปณ์ก็ยังรู้เรื่องที่คณพศประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ อาชัญคงจะมีส่วนเกี่ยวข้อง คุณท่านกษาปณ์ก็เลยเป็นห่วงแล้วเป็นห่วงอีก
ตอนนี้คณพศได้กลับมาบริษัทแล้วในที่สุด นั้นก็ถือว่าทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว แบบนี้คงจะทำให้ทุกๆ คนรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เมื่อเสกข์ได้ออกไปจากห้องแล้ว เขาก็ได้โทรหาเลขาให้เขามาหาหน่อย แล้วก็ชี้แจ้งเรื่องนึงกับเขา
“อะไรนะ เลขาของคณพศพูดจากอีกสาย ต้องเจอกันอีกเหรอ? ครั้งนี้คณพศคิดจะทำอะไรอีก? พิมมี่ไม่ต้องไปก็ได้ แม่ไม่อยากให้ลูกไปทำเรื่องอะไรอีกแล้ว!”
พอได้ยินพิมมี่ที่แผลพึ่งหายดีอยู่จะออกไปข้างนอกอีก เขมินทร์ก็รีบไปที่ห้องของลูกสาวแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่พอได้เหตุผลที่เธอพูดออกมาแล้ว เขมินทร์ก็อึ้งไปเลย