บทที่ 100 ดูเหมือนว่าศัตรูของเขามีมากมายและเราไม่ต้องรีบร้อน
แต่ส่วนที่เขมินทร์ห้ามเอาไว้ก็ยังจะหยิบแป้งพับขึ้น แล้วตบแป้งลงบนหน้ารัวๆ อย่างพิมมี่ ก็ได้หันหน้าไปมองผู้เป็นแม่ด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดขึ้น :“แม่ แม่เลิกเอะอะตกใจได้แล้ว ถึงคณพศจะเป็นผู้ชายที่ดูอันตราย แต่เขายอมเจอกันหนู งั้นแปลว่าเรื่องแต่งงานของหนูกับเขาเปลี่ยนทิศทางแล้ว”
พิมมี่คิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ที่เกิดอย่างกระทันหันและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย!
“แม่อยากจะให้ยัยนั้นแย่งตำแหน่งคุณนายประธานไปงั้นเหรอ? ดังนั้นวันนี้หนูเลยแต่งหน้าทำผมให้สวยๆ หนูไม่เชื่อหรอกว่าคณพศจะไม่มีใจให้หนู!”
คิดดูคนอย่างว่าพิมมี่ที่เป็นที่จับจ้องของชายหนุ่มทั้งเมืองเมืองธิตกล แต่เธอกลับไม่ใยดีซักคน
เธอไม่เชื่อว่าอย่างเธอจะไม่มีทางจับติดคนพิการคนนี้ได้!
แต่พอเห็นลูกสาวโกรธแบบนี้แล้ว เขมินทร์ก็ยังกังวลไปใหญ่:“ไม่ได้นะลูก แม่ยังไม่วางใจให้ลูกออกไป”
“ไม่กี่วันมานี้แม่คิดหนักมาก แล้วก็คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพ่อของลูกก็พูดถูกแล้ว คณพศคนพรรค์นี้มันนิสัยประหลาดจริงๆ นะ”
“ลูกไปอยู่กับเขาสองต่อสอง เขาคงไม่ทำดีกับลูกได้เท่าอาชัญแน่ๆ ไม่งั้นเราถอยไปแต่งกับอาชัญดีกว่ามั้ย?”
“อันอย่างคณพศก็พิการ คุณกษาปณ์ถึงจะเลอะเลือน แต่กก็คงไม่เอาทุกอย่างของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ไปให้เขาหรอก เวลายังอีกนาน มันจะลงที่ใครก็ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้นะ พวกเราจำเป็นจะต้องเข้าไปแขวนชีวิตไว้กับคณพศเหรอ?”
“ไม่กี่วันก่อนนี้เขาก็เกือบตายมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่าศัตรูของเขามีมากมายและเราไม่ต้องรีบร้อน”
พูดง่ายๆ ก็คือ เธอไม่อยากจะเห็นสภาพลูกสาวตัวเองที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยอีกแล้ว
ถ้าหากพิมมี่ยินยอมที่จะอยู่กับอาชัญต่อไป
เธอจะต้องช่วยอาชัญแย่งชิงตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์มาได้แน่ๆ
ส่วนคนใจเหี้ยมอย่างคณพศกับยัยนางนาราตัวแสบคงจะลำพองกันได้ไม่นานหรอก!
แต่พอได้ยินที่เขมินทร์พูดขึ้น พิมมี่ที่กำลังทาปากอยู่ก็ได้ฝาดลิปลงบนโต๊ะทันที
แล้วหันหน้าไปหาเขมินทร์ด้วยความโกรธ:“แม่ หนูไม่มีทางแต่งกับอาชัญ คณพศจะร้ายกับหนูแล้วยังไง? เพราะยังไงหนูก็เป็นภรรยาตามกฎหมายของเขา หนูไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าหนูจริงๆ!”
“อีกอย่างหนูก็ไม่ชอบยัยนาราคนนั้นที่เอาตำแหน่งของหนูไป ดังนั้นไม่ว่ายังไง หนูไม่มีทางหย่ากับคณพศแน่นอน”
“แม่วางใจเถอะ หนูจะทำให้คณพศเชื่อฟังหนูแล้วให้รีบเอายัยนางนาราออกไปโดยเร็ว จากนั้นหนูก็เข้าไปในคฤหาสน์เจหงส์ และหนูก็จะได้เป็นคุณหญิงตระกูลปัญญาพนต์อย่างเต็มตัว!ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาแทนที่หนูได้!”
ในเมื่อวันนี้คณพศได้เป็นประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์แล้ว เธอก็เลยคิดจะชิงตำแหน่งของเธอกลับคืนมา วัตถุประสงค์ของเธอก็บรรลุ
ทำไมต้องใช้เวลามากและเสียทรัพยากรทางการเงินของครอบครัวเพื่อสนับสนุนขยะอย่างอาชัญ?
เห็นแล้วว่าครั้งนี้พิมมี่ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามเธอก็จะต้องได้เจอคณพศ
แต่คนที่กังวลอย่างมากอย่างเขมินทร์ ก็ได้แต่มองดูสาวของตัวเองพูด :“ไม่งั้นก็อย่างนี้เถอะ เดี๋ยวแม่ให้คนบริษัทพ่อกลับมาแล้วไปส่งลูกที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ ลูกไปคนเดียวแม่ไม่วางใจริงๆ”
พูดถึงตรงนี้ เขมินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาไหลลงมาดั่งสายฝน
ก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำบาปอะไรมา ถึงชาตินี้ได้มาพบเจอกับนาราศัตรูตัวร้าย
แม่ของยัยสมควรตายนี้ได้แย่งผู้ชายของเธอไปยังไม่พอ ตอนนี้นารายังจะมาแย่งผู้ชายของพิมมี่อีก
ผู้ชายบนโลกใบนี้มันตายไปหมดแล้วหรือไง? ทำไมยัยนี่ถึงต้องมาแย่งกับพิมมี่ของพวกเขาด้วย?
“โธ่ แม่อย่าร้อง ไม่เอาไม่เอา ตอนนี้หนูไปหาสามี ไม่ได้ไปเจอคนชั่วทีไหน แม่มาร้องไห้แบบนี้ ร้องจนหนูไม่สบายใจแล้วนะ!” พอเห็นเขมินทร์ที่กำลังร้องไห้อยู่ พิมมี่ก็รู้สึกลำบากใจจริงๆ
ก็เลยไม่นั่งอยู่อย่างนั้นแล้ว เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องเก็บเสื้อผ้าแล้วเลือกชุดตัวเอง
รอบที่แล้วที่เธอไปเจอกับคณพศ พอเห็นว่าเธอใส่กระโปรงเซ็กซี่คณพศก็เลยโกรธมาก
ดังนั้นครั้งเดียวเธอก็เข้าใจ เลยหยิบชุดเดรสยาวสีขาวมาใส่ แล้วมองดูดีๆ ก็เห็นว่าอยู่คล้ายๆ กับยัยนารา
พิมมี่รู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้นและคิดในใจของเธอว่า :“นารายัยคนนี้รอฉันก่อนเถอะ ต้องมีซักวัน ซักจะเอาความอัปยศที่แกให้ฉัน เอาคืนแกเป็นสิบเท่า!”
เพราะเลขาของคณพศโทรหาแล้วบอกว่าประธานเชิญเลี้ยง
ดังนั้นพิมมี่ที่แต่งด้วยลยดอก ให้ขับรถบริษัทตระกูลวรชัยลภัสไปส่งเธอที่ใต้ตึกบริษัทตระกูลปัญญาพนต์อย่างภาคภูมิ
จากนั้นนาราที่รู้สึกกลัวๆ ก็พยายามย่างเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่คณพศอยู่
เทียบกับครั้งก่อนที่เธอจะได้เจอกับคณพศก็ยังต้องรอหรือไม่ก็นัดล่วงหน้า
แต่ครั้งนี้เธอที่พึ่งถึงชั้นของห้องประธานก็ถูกเลขาคณพศพาไปส่งที่ห้องทำงานของเขาต่อ
คณพศที่กำลังทำงานอยู่พอได้ยินเสียงเลขาที่พาพิมมี่มา ก็ได้แหงนหน้ามามองเธอ
พอเห็นพิมมี่ที่พึ่งถูกเขาแทงด้วยปากกาจนเกือบตายมาไม่นาน
ไม่คาดว่ายังจะหน้าหนาแต่งองค์ทรงเครื่องมาเขาได้
ริมฝีปากของคณพศก็อดไม่ได้ที่จะตวัดยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
แล้วคิดเหน็บแนบในใจ:ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าหนามากๆ เป็นพวกตายด้านจริงๆ เธอไม่รู้หรอกเหรอว่าไม่สมควรจะมาเป็นพี่น้องกับผู้หญิงของเขา”
แล้วเขาก็ได้มองหน้าพิมมี่อย่างเบื่อหน่าย และอยู่ก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหยอกล้อเธอ “เป็นไงบ้างคุณพิมมี่ ก่อนนี้ที่คุยกับผมคิดทบทวนแล้วเป็นไงบ้าง?”
เขาอยากจะดูว่าพิมมี่ผู้หญิงที่เย้อหยิ่งคนนี้ อยากที่จะเป็นภรรยาประธานตระกูลปัญญาพนต์จะควบคุมอารมณ์ของเธอได้ยังไง
แต่ยิ่งเธอต่ำช้า ยิ่งทิ้งศักดิ์ศรี ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อแผนของเขา
คณพศที่อยู่ตรงหน้าของเธอมีใบหน้าที่เบาสบายไร้อารมณ์
แต่พิมมี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขากลับยังกลัวจนแทบไม่กล้ามองหน้าเขา
ทำแค่ก้มหน้าลงมองมือทั้งสองของตัวเองที่กำลังจับกระโปรงอยู่แน่น
จากนั้นก็พยายามหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความฉุนเฉียวเอาไว้ แล้วพูดเบา ๆ : “ชาย…ชายสาม คุณไม่ควรจะมาบังคับฉันแบบนี้นะ? ฉันยอมรับว่าก่อนฉันทำผิดจริงๆ แต่นั้นเป็นเพราะอาชัญสั่งฉัน ฉันเลือกอะไรได้มั้ย?”
“ฉันก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น จะไปขัดขืนอาชัญได้ยังไงกัน? ตอนนี้ฟังพูดจะแต่งงานกับเขา และสุดท้ายมาเป็นคุณ….อาชัญบอกไม่อยากให้ฉันแต่งกับคุณ ไม่งั้นเขาจะเอาคืนกับตระกูลวรชัยลภัส…”
“ฮึๆๆ!” พิมมี่ยังไม่ได้พูดเสร็จ คณพศก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ใจจริงเพราะว่าเธอเรียกว่าชายสาม ก็เลยทำให้เราไม่พอใจ แต่เธอก็ยังจะเอาเรื่องที่เธอทำมาบอกอีก อาชัญบังคับงั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี!
แต่เขายังคงระงับความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นในหัวใจของเขา แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรใหญ่: “ทำไม? คุณต้องการบอกผมว่าคุณก็เหมือนนาราของผมที่ไม่ทิ้งผมเพราะผมพิการ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่อาชัญบังคับคุณ คุณแค่อยากจะอยู่กับผมไปชั่วชีวิตแล้วก็ดูแลผมใช่มั้ย?