บทที่105คุณไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อคน
สมน้ำหน้า!ใครใช้ให้เขาอุ้มเธอไปนอนที่เตียงเขาล่ะ เธอบอกได้เลยว่าไม่ใช่เธอที่วิ่งไปเองแน่นอน
เธอไม่ได้พูดอะไร ทานข้าวเสร็จก็ไปโรงเรียนต่อ
หลังจากวันนั้นตรัญก็ไม่กลับคฤหาสน์อีกสองสามวัน ผิงผิงเริ่มชิน และไม่ได้ถามเขา ทุกวันเข้าเรียนเลิกเรียนวิชาวาดรูปของเธอ
***
เมืองธิตกล ตอนวันตอนบ่าย บุรินทร์ฟังเขมินท์บอกว่า พิมมี่ ถูกคณพศเรียกไปที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์อีกแล้ว
บุรินทร์ที่กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพิมมี่ ยังไงก็ยังเป็นห่วงพิมมี่ รีบไปที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์อย่างร้อนใจ
แค่ได้ยินตอนที่คณพศว่าต้องการพบเธอเท่านั้น แต่กลับถูกเลขาของคณพศ ขวางไว้ที่หน้าห้องทำงานประธาน
บุรินทร์สุดจะหมดหนทาง เกือบจะลืมไป ว่าหาเจหงส์พบแล้วต้องการไปหานารา
ถึงแม้ว่ารู้ว่าพิมมี่เด็กโง่คนนี้ ก่อเรื่องมากมาย ล้วนแต่ทำให้นารารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่ถึงยังไงพิมมี่ก็เป็นลูกแท้ในไส้ของเธอ โกรธก็คือโกรธ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นพิมมี่เกิดเรื่อง และไม่ทำอะไรสักอย่างใช่ไหม?
ยังไงคณพศก็เป็นห่วงนาราไม่ใช่เหรอ?นาราพูดแค่ประโยคเดียว ก็เหมือนเขาพูดไปเป็นร้อยประโยค
นาราที่กำลังอ่านหนังสือแพทย์อยู่ในห้องตัวเอง ได้ยินเสียงคนรับใช้วิ่งมาพูดกับเธอ บุรินทร์มาหาเธอ
ถึงแม้จะคาดเดาอยู่ในใจหน่อยๆ บุรินทร์มาหาเธอเพราะอะไรกัน
แต่ยังไงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บุรินทร์ก็ปฏิบัติกับนาราเป็นอย่างเดียว ไม่มีเขา นาราก็คงไม่มีชีวิตมาอยู่จนถึงวันนี้ ก็คงอดตายไปนานแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงนาราก็ต้องไปเจอเธอ ด้วยเหตุนี้เธอเลยเดินตรงลงบันได เพื่อดูว่าบุริณทร์จะพูดกับเธอยังไง
“พ่อ มาหาหนูมีธุระอะไรเหรอคะ?”เจหงส์นี่คือสถานที่อะไรกัน ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้ามาได้
นึกถึงตัวเองตอนนั้นที่แต่งเข้ามาที่เกาะฟ้ามาเป็นเวลานาน ย้ายเข้ามาที่เจหงส์นี่ก็สักพักแล้ว เขมินท์มารบกวนนาราก็หลายครั้ง แต่เขาผู้เป็นพ่อคนนี้ กลับไม่เคยมาเยี่ยมหาเธอเลย
เพียงแค่คิดถึงจุดนี้ นาราก็เจ็บแปลบตรงที่หัวใจ
บุรินทร์ไม่คิดเลยว่าสองสามเดือนที่ไม่ได้เจอกันมานี้ ลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต ถึงได้มีท่าทีที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้
บุรินทร์ปวดใจไม่น้อย แต่แค่คิดถึงวันนี้ พิมมี่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เขาอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ แล้วพูดกับบนารา “นารา ช่วยพี่สาวของลูกด้วยนะ พ่อรู้ว่าที่พ่อพูดแบบนี้ ลูกคงต้องโกรธมาก แต่พี่สาวของลูกตอนนี้เป็นอันตรายมากจริงๆ ถ้าลูกไม่ช่วยเธอ พี่สาวของลูกคงต้องตายจริงๆ!”
ครั้งที่แล้วคณพศโหดร้ายกับพิมมี่มาก จนถึงช่วงเวลาตอนนี้ บุรินทร์ยังคงจำได้ดีไม่ลืม
ถ้าหากว่าวันนี้ตัวเองไม่อยู่ข้างๆ คณพศทำอะไรกับพิมมี่อีก และพิมมี่ยังคงหลงหัวปักหัวปำจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เธอตายแล้วเหรอ?ดังนั้นคิดถึงตรงนี้ บุรินทร์ใจสั่นขวัญเสียจริงๆ
“พี่สาวหนู?พ่อคิดว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นพี่สาวหนูเหรอคะ?”ได้ยินบุรินทร์พูดแบบนี้ นาราขมวดนี้ นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าเธอจะวิ่งไปหาคณพศอีกแล้ว ช่างใจมั่นจริง
หันหน้ามา ดวงตาคู่หนึ่งก็จ้องมองที่บุรินทร์ “เธอเปรียบเทียบให้หนูแต่งงานแทนเธอ สั่งให้คนมาจับตัวหนู จับโยนลงกลางทะเล นี่คือสิ่งที่คนเป็นพี่สาวทำเหรอ?”
เมื่อก่อนนารายังคิด บุรินทร์ยอมรับให้เธอแต่งกับตระกูลปัญญาพนต์โดยปริยาย เขาบังคับ เพื่อรักษาตระกูลวรชัยลภัสไว้เลยทำแบบนี้
เธอเป็นลูกสาวที่รู้ถึงปัญหาของพ่อ จึงไม่เคยกล่าวโทษบุรินทร์ ยอมรับเขมินท์ที่พวกเธอทำแบบนี้
แต่เธออยู่ข้างคณพศ ผ่านเรื่องราวมามากมาย
ทันใดนั้นนาราก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ ไม่ได้บริสุทธิ์เท่าที่เธอนั้นจินตนาการไว้เลย เธอเคยเข้าใจผิดว่าบุรินทร์รักเธอ เลยทำได้เพียงตัดสินใจบังคับให้เธอทำแบบนี้
การยอมรับของบุรินทร์ ทำให้เธอน้อยอกน้อยใจ เสียสละความสุขทั้งชีวิตของเธอ พร้อมกับต้องการปกป้องรักษาพิมมี่เช่นกัน
ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เปรียบเสมือนว่าที่จริงแล้วในใจของบุรินทร์ ตำแหน่งของเธอกับพิมมี่ ยังคงห่างกันมาก บางทีเขาคงจะไม่ดีรักเธอเลย เป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำ
“นารา พ่อขอโทษ ถ้าลูกจะโทษก็โทษที่พ่อ ถึงแม้พิมมี่เธอจะทำกับลูกไม่ดี แต่สุดท้ายเธอก็เป็นพี่ของลูกนะ ตอนนี้เธอถูกคณพศเรียกไปที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ หรือว่าลูกเห็นคนใกล้ตายแล้วจะไม่ช่วย!”
ไม่คิดเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง นาราลูกสาวที่เคยเป็นเด็กเชื่อฟัง วันหนึ่งจะเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ได้
บุรินทร์มองที่เธอ เกือบไม่รู้จักเด็กโง่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
และแอบคิดอยู่ในใจ ไม่แปลกที่เมื่อก่อนเขมินท์ถึงบอกได้ว่า นาราเปลี่ยนไปแล้ว งั้นเขาผู้เป็นพ่อคนนี้ก็รู้สึกเหมือนกัน ว่านาราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“หึหึ หนูเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยเหรอ?”บุรินทร์พูดอย่างนี้ ยิ่งทำให้นารารู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ธงของ ตระกูลวรชัยลภัสเท่านั้นเอง เมื่อไหร่ที่ต้องการใช้ถึงจะยกธงออกมา เมื่อถึงเวลาที่ไม่ควรใช้ก็เก็บลง
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น
ดวงตาคู่สีน้ำเงินเข้ม เริ่มมีสีแดงขึ้น แต่ยังคงพยายามไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหลลงมา
มองบุรินทร์อยู่อย่างนั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มและพูดอย่างเวทนา “คณพศเรียกพิมมี่ไปที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ ก็ต้องมีเจตนาของเขาอยู่แล้ว แค่เพียงพิมมี่เชื่อฟัง และทำตามคำพูดของเขา จะมีเรื่องได้ยังไง?”
“ตรงกันข้ามกับพ่อ พ่อ ครั้งก่อนพิมมี่ให้คนมาลักพาตัวหนู จับหนูโยนลงกลางทะเล ถ้าเกิดไม่ใช่คณพศที่ช่วยหนูไว้ ตอนนี้หนูก็คงกลายเป็นซากอาหารปลาไปแล้ว ”
“เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นตั้งนานแล้ว หรือว่าพ่อไม่รู้?ผ่านมานานวันนี้ พ่อเคยมาเจหงส์เยี่ยมหาหนูบ้างไหม?เคยเป็นห่วงหนูสักครั้งไหม?ขนาดถามไถ่ยังไม่เคยถามเลยสักคำ!”
“ตอนนี้คนที่ต้องการฆ่าหนู แค่ถูกคณพศเรียกไปที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์แค่นั้น พ่อกลับวิ่งแจ้นมาหน้าหนูแล้วประณามหนูว่าเห็นใกล้ตายแล้วไม่ช่วย หนูคิดว่าเดิมทีอยู่ที่ตระกูลวรชัยลภัส ในที่สุดพ่อก็ทำร้ายหนู ถึงตอนนี้แล้ว มันก็เป็นอย่างที่หนูคิดเอาไว้มากเกินไปจริงๆ ”
ตอนนี้ดูแล้วเมื่อก่อนเธอคิดว่า ที่บุรินทร์ปฏิบัติกับเธออย่างดีนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเด็กเกินไปที่จะรู้เรื่อง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชัดเจนเท่าที่เขมินท์ทำ แต่ในใจ สุดท้ายแล้วก็เข้าข้างพิมมี่
ตอนแรกบุรินทร์คิดว่า ตัวเองพูดแบบนี้แล้ว สุดท้ายก็จะทำให้นารารู้สึกหวาดผวาใจฝ่อ หลังจากนั้นก็จะยื่นมือเข้าช่วยพิมมี่
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าแค่ตัวเองพูดประโยคนี้ออกมา ไม่เพียงแต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ กลับกันถูกนาราตอกกลับเข้า ทำให้จุกจนพูดอะไรไม่ออก
มองไปที่ตาแดงของนารา บุรินทร์ก็ใจฝ่อรู้สึกผิดที่ก่อเรื่องไม่ดีทันที ทันใดก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไร
ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิดต่อนารา แต่เพราะเป็นห่วงพิมมี่มาก เขาจึงพูดได้แค่ “ขอโทษ นารา พ่อรู้ตัวว่าตัวเองทำผิดต่อลูก แต่พ่อสุดหนทาง ถ้าพ่อคุยกับคณพศได้ พ่อก็คงไม่วิ่งมาให้ลูกช่วย ”
“พ่อรู้ว่าพี่ของลูกทำเกินไป และก็รู้ด้วยว่าเธอไม่ควรให้หนูมาแต่งงานแทนตั้งแต่แรก แล้วตอนนี้ก็มาให้รู้ออกห่างจากคณพศ แต่ต่อให้เธอชั่วร้ายอีกครั้ง เลวอีกครั้งแต่ก็ไม่ถึงกับต้องตายนี่ ”
“งั้นลูกก็เห็นแก่หน้าพ่อ ช่วยเธอสักครั้งได้ไหม?หลังจากวันนี้ไปเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องพี่ของลูก พ่อจะไม่วิ่งมาหาให้ลูกต้องลำบากอีก พ่อจะชดใช้ให้ลูก!”
เรื่องครั้งก่อน เขาก็เคยได้ยินคณพศพูดมาจริงๆ