ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1844 : เร่งเวลาร้อยล้านเท่า

ตอนที่ 1844 : เร่งเวลาร้อยล้านเท่า
  ทะเลโกลาหลคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมารึไม่นั้นคือสิ่งที่จางหยูคาใจมานานแล้ว
เมื่อโลกยังถูกสร้างขึ้นมาได้ งั้นโกลาหลทำไมถูกสร้างขึ้นมาไม่ได้บ้าง ?
มันไม่อาจจะตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งได้
แน่นอนว่าก็ไม่อาจจะตัดความเป็นไปได้ที่ว่าทะเลโกลาหลได้กำเนิดขึ้นเอง
ความจริงนั้นยังต้องรอเวลาเปิดเผยอยู่ดี
จางหยูส่ายหน้าเลิกสนใจปัญหานี้ เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ
การเร่งเวลาสำหรับทะเลบรรพกาล !
ในอดีตโลกแต่ละใบต่างก็มีการเร่งเวลาของตัวเอง ตอนนี้โลกทั้งหมดได้ขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 กันหมดแล้ว มันมีบรรพกาลกำเนิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันสามารถรับการเร่งเวลาที่มากกว่านี้ได้
ร้อยเท่า, พันเท่ายังห่างไกลจากขีดจำกัดของบรรพกาล!
จางหยูอยากจะทดสอบว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ไหน บรรพกาลเหล่านี้จะทนรับการเร่งเวลาได้กี่เท่ากัน
จางหยูยืนอยู่ในทะเลบรรพกาลและแผ่การรับรู้ออกไป บรรพกาลจำลองนับหมื่นต่างรายล้อมบรรพกาลที่สมบูรณ์ ราวกับดาวล้อมจันทร์ มันดูเป็นฉากที่งดงาม
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา เขาใช้จิตไร้เทียมทานและลองทดสอบกับทะเลบรรพกาล
หลังจากนั้นทะเลบรรพกาลก็เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรพกาลแต่ละแห่งราวกับหนังที่ถูกกรอ มันเพิ่มเป็นสิบเท่า, ร้อยเท่า, พันเท่า…ไม่ถึงสิบอึดใจการเร่งเวลาก็อยู่ที่แสนเท่า แต่นั่นยังห่างไกลจากขีดจำกัดของบรรพกาล
ในทะเลบรรพกาลนั้นนอกจากร่างแยกของจางหยูแล้ว ไม่มีใครที่รับรู้ถึงการเร่งเวลานี้ได้
จนกระทั่งการเร่งเวลาอยู่ที่ระดับร้อยล้านเท่า สุดท้ายทะเลบรรพกาลก็ถึงขีดจำกัดของมัน
“ ไม่ต้องตกใจ” เสียงของจางหยูดังขึ้นในหัวของทุกคน “ ข้าแค่เพิ่มการเร่งเวลาของทะเลบรรพกาลทั้งหมด เพื่อช่วยให้พวกเจ้าบ่มเพาะได้เร็วกว่าเก่า…”
ทุกคนต่างก็พากันตะลึง
ต้องรู้ก่อนว่าแม้พวกเขาจะเป็นจ้าวบรรพกาล ก็ไม่อาจจะใช้การเร่งเวลาได้ แต่จางหยูกลับทำได้ แล้วพวกเขาจะไม่ตกใจได้ยังไง ?
มีคำถามมากมายในหัวพวกเขา พวกเขาต่างก็สงสัยว่าจางหยูทำได้ยังไงกัน
หยวนเทียนจี, เย่ฟาน, เฉินกูและคนอื่นๆต่างก็พากันมุ่งหน้ากลับไปที่โลกป่า
พวกเขารอการมาของจางหยูโดยหวังว่าจะคลายข้อสงสัยที่มีในใจ
ผ่านไปสักพักจางหยูก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลาน เหล่าศิษย์และอาจารย์ต่างก็มารอเขาอยู่นานแล้ว
“ อาจารย์ !”
“ เจ้าสำนัก !”
ทุกคนต่างก็ทำความเคารพ
จางหยูมองไปรอบๆและถามขึ้นมา “ พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงไม่ไปบ่มเพาะ ?”
หยวนเทียนจีได้ถามขึ้นมา “ อาจารย์ ท่านเพิ่งบอกว่าท่านได้ทำการเร่งเวลาของบรรพกาลทั้งหมดรึ ? ตอนนี้มันเร่งเวลากี่เท่ากัน ?”
“ ประมาณร้อยล้านเท่า” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ หรือจะบอกว่า เมื่อพวกเจ้าบ่มเพาะในบรรพกาล 1 ปี ก็เท่ากับ 100 ล้านปีของโกลาหลหิน อีกทั้งการไหลของเวลาในโกลาหลหินก็เท่ากับการไหลของเวลาในทะเลโกลาหล ซึ่งหมายความว่าเมื่อเจ้าอยู่ในบรรพกาล 100 ล้านปี มันก็เท่ากับแค่ 1 ปีในทะเลโกลาหล ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันอึ้ง
ร้อยล้านเท่า !
กฎเวลาคือเรื่องทั่วไปสำหรับทุกคน ทุกคนในที่นี้สามารถควบคุมเวลาและเปลี่ยนการไหลของเวลาได้ แต่ไม่มีใครเร่งเวลาทั้งบรรพกาลได้ร้อยล้านเท่า นี่ไม่ต้องนับการเร่งเวลาทั้งทะเลบรรพกาลเลย พวกเขาไม่อาจจะรักษาการเร่งเวลาได้นานนัก เพราะมันต้องใช้พลังจิตจำนวนมาก ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนทำได้
จางหยูสามารถเร่งเวลาของบรรพกาลทั้งหมดพร้อมกันได้ มันทำให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองต่อการเร่งเวลาใหม่
หากจางหยูทำการเร่งเวลาแค่ร้อยเท่ารึพันเท่าแบบเดิม พวกเขาคงไม่ตะลึงกันเช่นนี้
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ จางหยูทำการเร่งเวลากว่าร้อยล้านเท่า !   มันดูโกงจริงๆ !
ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะของพวกเขาแล้ว หากพวกเขามีเวลา 100 ล้านปี พวกเขาก็มั่นใจเลยว่าจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ และอาจจะเหนือกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป…
“ ด้วยระดับของพวกเจ้าตอนนี้แล้ว มันคงช่วยพวกเจ้าได้บ้าง” จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ “การเร่งเวลานี้ถือว่ามีส่วนช่วยสำคัญ ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรจะคว้ามันเอาไว้”
นี่คือการเร่งเวลาร้อยล้านเท่า !
แม้ว่าพวกเขาจะควบคุมเวลาเองได้และบ่มเพาะโดยการเร่งเวลา แต่อย่างมากก็แค่พันเท่ารึหมื่นเท่า หากเทียบกับร้อยล้านเท่าแล้ว มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
พวกเขาถึงกับสงสัยว่า ทั้งทะเลโกลาหลหรือแม้แต่จักรพรรดิทั้งเก้าก็ไม่อาจเร่งเวลาถึงร้อยล้านเท่าแบบจางหยูได้
หลังจากตอบคำถามของทุกคน จางหยูก็เดินทางออกไป ด้วยการเร่งเวลาที่เพิ่มขึ้นมา จางหยูคาดหวังกับการเติบโตของโลกตันเถียนว่าจะเติบโตได้ถึงระดับไหน
หลังจากที่จางหยูจากไปแล้ว ทุกคนก็พากันมองหน้ากันก่อนจะกลับไปยังบรรพกาลของตน
พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าหากไม่ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล พวกเขาจะไม่ออกมาอย่างเด็ดขาด !
กลับเป็นว่าศัตรูตัวฉกาจของผู้บ่มเพาะนั้นคือเวลา เมื่อปัญหานี้ถูกจัดการไป งั้นทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือนทุกคนต่างก็ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล มันทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นไปอีก พลังจิตของโลกตันเถียนเพิ่มขึ้นมาจากเส้นเดียวเป็นหลายพันเส้น แต่ละเส้นต่างก็มีพลังที่น่าเหลือเชื่อ
เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนพลังจิตก็หยุดเพิ่มขึ้น แต่ความเข้มข้นของพลังก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่โลกนภา
จางหยูรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังจิต “ ความแข็งแกร่งของพลังจิตนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับบรรพกาล ยิ่งบรรพกาลเติบโตเท่าไหร่ พลังบรรพกาลก็มากเท่านั้น ยิ่งพลังบรรพกาลหนาแน่นเท่าไหร่ พลังจิตของข้าก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น….”
พลังจิตแต่ละเส้นเทียบได้กับบรรพกาลแห่งหนึ่ง ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่ง พลังบรรพกาลก็แข็งแกร่ง จำนวนพลังจิตมีมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงจำนวนบรรพกาลที่มีมากเท่านั้น
เพราะศิษย์และอาจารย์ต่างก็ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันหมดแล้ว จำนวนเส้นพลังจิตของจางหยูคงไม่เพิ่มขึ้นมาอีกง่ายๆแต่พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆตามการเติบโตของบรรพกาล
การที่ศิษย์และอาจารย์ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันได้ ทำให้ขนาดของบรรพกาลเติบโตขึ้นมาอย่างมาก
บรรพกาลในทะเลบรรพกาลมีหลายพันแห่ง รวมถึงบรรพกาลที่กำเนิดขึ้นเอง บรรพกาลที่กำเนิดขึ้นเองบางแห่งนั้นอยู่ในช่วงเริ่มต้น บางอันมีขนาดเท่ากับบรรพกาลของโลกบรรพกาล แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของและไม่มีต้นไม้บรรพกาล แต่พวกมันก็ยังเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ เพียงแค่ว่าอัตราการเติบโตของมันนั้นน้อยกว่าบรรพกาลที่มีจ้าวบรรพกาลและต้นไม้บรรพกาลอยู่
“ ทุกคนต่างก็ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลกันแล้ว ตอนนี้ต้องรอให้ต้นไม้โกลาหลสร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมาให้ได้ก่อน “
จนกว่าต้นไม้โกลาหลจะสร้างลูกปัดขึ้นมาได้ครบ จางหยูจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับมือกับปัญหาภายนอกรึแม้แต่กุยหลิงด้วย
แม้จางหยูจะไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับกุยหลิงได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีในตอนนี้ก็น่าจะรับมือได้อยู่
ต้นไม้โกลาหลยังไม่อาจจะสร้างลูกปัดออกมาได้ เห็นได้ชัดแล้วว่าของแบบนี้จะต้องใช้เวลา มันอาจจะกินเวลาเป็นร้อยล้านปีรึนานกว่านั้น จางหยูคาดหวังอย่างมากว่าศิษย์และอาจารย์ทุกคนจะเติบโตไปได้ถึงระดับไหนกัน
นอกจากนี้แล้วดาบและเกราะของเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหนกัน
สามสิบล้านปีผ่านไป
ที่เขตหวงห้าม ต้นไม้โกลาหลได้ลืมตาขึ้นและหัวเราะออกมา “ ฮาฮา ! 30 ล้านปี ในที่สุดก็สร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมาได้สำเร็จ !”
ในเวลาเดียวกัน จางหยูที่อยู่ในโลกป่าก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาดูแน่วแน่กว่าเดิม
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท