บทที่ 121 นารา ปลอบฉันหน่อย
ครั้งที่แล้วที่เขาได้เข้าใกล้เรื่องราวของนารา ทำให้เขารู้สึกละอายใจต่อเธอมาก
พักนี้เขาอยากจะไปหานารา คลี่ลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเธอกับเขา แต่ว่าเขาไม่มีหน้าจะไปหาเธอจริงๆ
“คุณ…” นี่มันกี่โมงแล้ว บุรินทร์ยังคงเฝ้านาราอยู่ที่เดิม
เห็นท่าทีของเขาตอนนี้แล้ว ทำให้เขมินทร์รู้สึกโกรธจนแทบระเบิด
แต่ว่าเรื่องของพิมมี่ยังคงต้องพึ่งเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเขมินทร์เลยต้องพยายามกดกลั้นความโกรธของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด
จากนั้นเธอก็จ้องไปที่บุรินทร์ พยายามกัดฟันพูดว่า : “โอเค ไม่ว่าเรื่องนี้จะใช่ฝีมือของนารารึเปล่า แต่ฉันก็ยังจะไม่มานั่งโต้เถียงกับคุณตอนนี้หรอก”
“แต่ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง คุณต้องรีบคิดหาวิธี เราต้องช่วยพิมมี่ลูกสาวเรานะ คุณคงทนเห็นเธอตายไปไม่ได้หรอกใช่มั้ย?”
ถ้าเกิดว่าบุริทนร์ไร้หัวใจถึงขั้นนั้นล่ะก็ ต่อให้เขมินทร์ตายไปเป็นผี ก็ไม่มีวันปล่อยไอ้คนไม่ซื่อสัตย์คนนี้ไปแน่นอน!
พอเห็นท่าทีเคร่งเครียดของเขมินทร์นั้น บุรินทร์ที่ยังคิดทางออกไม่ได้
ก็ก้มหน้าลงคิดอยู่ครู่นึง แล้วก็พูดออกมาว่า : “ให้พิมมี่ไปซ่อนตัวซักพักนึงก่อน แล้วค่อยกลับมา”
“แล้วเรื่องที่นี่พ่อจะจัดการให้เอง ถึงแม้ว่าวิษณุส์จะเก่งกาจขนาดไหน แต่ฉันก็ไม่เชื่อว่าเขาจะหาลูกเจอ”
อิทธิพลและกำลังความสามารถของตระกูลวรชัยลภัส ถึงแม้ว่าจะสู้ตระกูลปัญญาพนต์ไม่ได้ แต่ก็ถือว่ายังเป็นคนที่มีอิทธิพลอยู่เหมือนกัน
ไม่มีทางที่จะซ่อนคนๆนึงไม่ได้ เรื่องนี้บุรินทร์มั่นใจมาก
พอได้ยินบุรินทร์พูดดังนั้น เขมินทร์ก็รู้สึกว่าก็มีเหตุผล
เธอพยักหน้าแล้วก็พูดว่า “ได้ ถ้างั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน งั้นตอนนี้พวกเราเริ่มเลย เดี๋ยวแม่จะขับรถพาไปบ้านคุณลุง แล้วเราค่อยหาวิธีออกนอกประเทศกัน”
ถ้าเกิดยังทำให้เรื่องนี้ยุ่งวุ่นวายอีกต่อไปล่ะก็ วิษณุส์ต้องเสียหน้าที่การงานไปแน่นอน
พิมมี่ที่เป็นตัวเอกของการซุบซิบนินทานั้น ก็จะค่อยๆหายไปในอากาศ หาที่ไหนก็หาไม่เจอ
แต่ดูเหมือนว่ามีคนคอยควบคุมเรื่องนี้อยู่ ผ่านไปหลายวัน ความร้อนแรงของเรื่องนี้ก็ไม่ลดลงไปบ้างเลย
แม้แต่นาราที่อยู่แต่บ้านตระกูลปัญญาพนต์ไม่ออกไปไหน ยังได้รับโทรศัพท์จากไลลา
เธอถึงพึ่งได้รู้ว่า หลายวันมานี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น
เรื่องของพิมมี่กับวิษณุส์โดนโซเชียลมีเดียเปิดโปงหมด แถมคุณพศก็กลายเป็นผู้ชายที่ภรรยาสวมเขาซะยังงั้น
และคนที่ยโสโอหังแบบเขา โดนคนมากมายล้อเลียนแบบนี้ คงจะทุกข์น่าดู
พอคิดถึงจุดนี้แล้ว นาราก็รู้สึกเป็นห่วงเขามาก เธอได้แต่นั่งรอให้เขาเลิกงานอยู่ในห้องนอน รอจนเที่ยงคืนก็ยังไม่หลับ
ตอนที่นาราเริ่มจะทนไม่ไหว สะลึมสะลือจนจะเผลอหลับไปแล้วนั้น ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก
เสียง “เอี๊ยด” ดังขึ้น คุณพศที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ก็เข้ามา
“กลับมาแล้วหรอ?” พอเห็นคุณพศกลับมา นาราที่สะลึมสะลืออยู่เมื่อกี้ก็รีบยืนขึ้น
พอคุณพศเห็นว่านาราไม่ยอมนอนเพราะรอเขาอยู่นั้น ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
พอเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาก็ยื่นมือไปดึงเธอมาซบไว้ที่อก ให้เธอนั่งตักเขา
แล้วก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บลงที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ แล้วก็ยิ้มออกมา “ทำไมดึกขนาดนี้แล้วยังรอฉันอยู่ล่ะ? ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าอย่าอดหลับอดนอนเพราะว่ารอฉัน?”
เขาทนไม่ได้ที่เห็นนารานอนดึกขนาดนี้เพราะเขา เธอตัวเล็กนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก
ข้างนอกเกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้น แต่เขายังคงยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นารามองหน้าเขา แล้วก็รู้สึกปวดใจ
หลังจากนั้นก็พูดกับเขาพร้อมตาแดงก่ำ “วันนี้ไลลาโทรหาฉัน เล่าเรื่องของหลายวันนี้ให้ฉันฟัง นาย….”
ถึงแม้ว่าคุณพศจะบอกว่าในใจของเขารังเกียจพิมมี่ขนาดไหน
แต่ว่าพอมันกระทบกับเกียรติของลูกผู้ชายแล้ว เขาทนได้ยังไงกันนะ?
“ฉันไม่เป็นไร เรื่องนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปจัดการ เพราะฉะนั้นเมียจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
คุณพศรู้ดีว่าต่อให้นาราไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้เรื่องนี้
พอเห็นนาราพูดแบบนี้ คุณพศก็รู้ดีว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ก็เลยชิงพูดออกมาก่อน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาวางแผนจัดการพิมมี่กับวิษณุส์ด้วยตัวของเขาเอง เขาจะไปทุกข์ใจได้ยังไง?
นารามองหน้าเขาด้วยสีหน้าตะลึง “จริงหรอ? นายไม่ทุกข์ใจหรอ? ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงนายทั้งวัน คิดแต่ว่าจะปลอบใจนายยังไงดี”
ที่แท้ก็ตื่นตูมไปเองคนเดียว คุณพศไม่ได้เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องนี้ซะด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าเธอจะยังรู้จักเขาไม่ดีพอนะเนี่ย
แต่ว่าพอได้ยินนาราพูดแบบนี้ คุณพศก็กอดแขนของเธอไว้แน่น
คุยกันโดยที่ใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียวขาดนี้ ลมหายใจของเขาก็รดบนลงใบหน้าของเธอ : “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ แต่ว่า เธอวางแผนจะปลอบใจฉันยังไงกันหรอ ฉันอยากรู้จัง”
ถึงปากเขาจะพูดแบบนั้น แต่ในใจของคุณพศกลับกำลังยิ้มอย่างมีความสุขและคิดว่า : เมียตัวน้อยของเขานี่จิตใจงดงามจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องจับเธอไว้ให้แน่น ไม่ให้เธอหนีไปไหนเด็ดขาด
คุณพศทำท่าทางแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ใจเธอรู้สึกจักจี้
นาราที่เขินจนหน้าแดงรีบพูดว่า : “ก็นายบอกเองว่าไม่ได้ทุกข์ใจอะไร แล้วจะมาต้องการการปลอบใจอะไรอีก? ฉันง่วงแล้ว จะไปนอน”
ถ้ารู้ว่าคุณพศจะไม่ได้เครียดอะไรแบบนี้ล่ะก็ เธอก็จะไม่ได้ต้องห่วงแต่แรก
พอเธอเห็นท่าทีแบบนี้ของคุณพศแล้วก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอันตราย
เพียงแต่พอนาราพูดจบแล้วกำลังจะลงจากตักของคุณพศนั้น
ยังไม่ทันจะลุกขึ้น คุณพศก็กอดเธอไว้แน่น
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ อุ้มเธอไปที่เตียง แล้วก็โยนเธอลงบนเตียง
แล้วเขาก็ขึ้นเตียงตามไปคร่อมเธอไว้ แล้วก็หัวเราะแบบมีเลศนัย : “ที่เธอบอกว่าปลอบ คือแบบนี้รึเปล่า? แต่ว่าฉันชอบวิธีการปลอบของเธอมากเลยนะ นารา รีบมาปลอบฉันเร็ว ตอนนี้จิตใจฉันเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว!”
หลายวันมานี้เขายุ่งมาก กลับมาทีไรนาราก็หลับแล้วทุกที
เขาไม่อยากจะรบกวนเวลานอนของเธอ เลยได้แต่ทนไว้
แต่ว่าคืนนี้ เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
แผนของเขาสำเร็จ ก็ต้องเฉลิมฉลองซักหน่อยสิ
และการนอนหลับฝันดีกับเมียของเขา คือการฉลองที่ดีที่สุด
“ไม่….ไม่ใช่แบบนี้ ฉัน….อื้อ….”
พอได้ยินว่าคุณพศกำลังเข้าใจความหมายของเธอผิด นาราก็กำลังจะอธิบาย
แต่ว่าเธอยังไม่ทันจะพูดจบ คุณพศก็ก้มหน้าลงมาปิดปากของเธอสนิท
จากนั้นก็เอามือล้วงเข้าไปในชุดนอนของเธอโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากเธอด้วยซ้ำ แล้วเขาก็ครอบครองเธอ….
คืนนี้ ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
เสียงหวานหยดย้อยที่ดังออกมาจากห้องของทั้งสองคนที่ทำให้คนที่ได้ยินนั้นต่างพากันเขินจนหูแดง พึ่งจะมาเงียบสงบลงตอนฟ้าสาง
หลังจากสวีทกันทั้งคืนแบบนั้น คุณพศกลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้า แต่กลับรู้สึกกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม
ตอนที่เขาออกมาจากบ้านตอนเช้านั้น นาราที่โดนเขาเล่นงานทั้งคืนยังคงนอนหลับฝันดีอยู่ในห้อง
พอเห็นท่าทีของเธอแบบนี้ คุณพศก็ยิ้มออกมา แล้วก็อดไม่ไหวที่จะเดินไปจุ๊บเธอที่หน้าผาก
หลังจากนั้นค่อยนั่งลงที่วีลแชร์ แล้วก็ออกจากห้องไป