บทที่133 ฉันรักภรรยาของฉันมาก
ต่อมาขาของคณพศก็เกิดเรื่องขึ้น ในตอนที่เขาสิ้นหวัง และต้องการจะเลิกกับณัจยา แต่ยังไงเธอก็ไม่ยอม นั่นทำให้คณพศรู้สึกขอบคุณมาก รู้สึกว่าบางทีชีวิตต่อจากนี้อาจจะไม่ลำบากก็ได้
ครึ่งปีหลังจากนั้น ตอนที่การวินิจฉัยของแพทย์บอกว่าเขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะยืนได้อีก ณัจยาเงียบขรึมขึ้นมา วันแล้ววันเล่า ความน่ารักในอดีตนั้นไม่มีอีกแล้ว
คณพศมองอยู่ในสายตา เขารู้แก่ใจว่าทั้งหมดนี้กำลังจะจบลง
เขาขอร้องกษาปณ์เพื่อให้ไปที่เกาะฟ้า บางทีเขาคงอยู่ที่เกาะฟ้าไปทั้งชีวิต
กษาปณ์ตอบรับคำขอร้องของเขา และแบ่งหุ้นของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ให้คณพศ40เปอร์เซ็น
ณัจยาที่รู้เรื่องนี้ก็อ้อนวอนขอไปดูแลเขาที่เกาะฟ้าทันที
ความจริงเธอก็ยังหวังว่าเขาจะไม่ต้องไปเกาะฟ้า
แต่นี่ก็เป็นเรื่องการจัดการของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ ซึ่งเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ณัจยาไปที่เกาะฟ้าคอยดูแลคณพศอย่างเอาใจใส่ แต่ทุกครั้งในตอนที่อาทิตย์ตกดิน เธอก็มักจะมองไปยังขอบฟ้า นับวันก็ยิ่งนิ่งขรึม
คณพศรู้ว่าเธอไม่อาจทนความว้าเหว่ได้ เขาจึงติดต่อกับศุกลที่ฝรั่งเศสแลัเดินทางไปฝรั่งเศส
ตอนที่จะไปเขาบอกกับณัจยา “ รอก่อนนะ ฉันจะกลับมา “
ถึงอย่างนั้น ณัจยาก็ไม่ได้อยู่รอคณพศ แต่กลับออกจากเกาะฟ้าไปอเมริกา
คณพศนั้น หลังขาอาการดีขึ้นแล้วก็รีบกลับบ้านมาหาณัจยาทันที แต่ก็มองไม่เห็นเงาของณัจยาอีกแล้ว โดยไม่มีโน้ตบอกอะไรเหลือไว้เลย
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เกลียดผู้หญิง และไม่ยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนอีก ภายใต้ความช่วยเหลือของยชญ์กับเด่นภมูิและตรัญ เขาได้สร้างบริษัทขึ้นในฝรั่งเศส ซึ่งมีสาขาย่อยอยู่ทั่วประเทศ
แต่ณัจยาก็เป็นสิ่งที่ตะขิดตะขวงในใจเขามาตลอด
คณพศที่คิดถึงเรื่องในอดีตที่แสนเจ็บปวดก็วิ่งออกไปทันที
ค้นหาเงาของหญิงสาวคนเมื่อครู่นั้นไปทั่ว แต่ก็หาไม่พบ
วันทั้งวัน คณพศจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในวันนั้นเขาก็ไม่ได้ไปสอนนาราขับรถ
นารารู้สึกเพียงว่าวันนี้เขาดูผิดไป แต่ผิดปกติที่ตรงไหนนั้น เธอเองก็ไม่รู้ พูดไม่ถูกเหมือนกัน
“ คณพศ เป็นอะไรไป? ” ในช่วงพลบค่ำทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน นาราถามอย่างเป็นกังวล
“ ไม่มีอะไรหรอก รีบนอนเถอะ ” คณพศพลิกตัวมากอดเธอไว้ก่อนหลับตาลง เขาจะไปพูดเรื่องที่เขาเห็นณัจยากับเธอได้ยังไง ที่รักของเขาน่ะโกรธขึ้นมาแล้วน่ากลัวมาก
การกระทำนี้ทำให้นารายิ่งสับสน
ต่อมาอีกหลายวัน ณัจยาก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีก
ธนพศคิดว่าคงจะมองผิดไป จึงค่อยๆ กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม
วันนี้ตอนที่คณพศกำลังเดินเข้าไปในลิฟต์อีกครั้ง ในที่สุดในลิฟต์เขาได้เห็นร่างขาวนั้น!
“ ณัจยา…ใช่เธอรึเปล่า? ” คณพศเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ คณพศ….นายงั้นเหรอ? ” หญิงสาวมองคณพศด้วยสีหน้าประหลาดใจ
คณพศมองหญิงสาวตรงหน้า ความไร้เดียงสาในตอนนั้นได้จางหายไป และไร้ซึ่งผมยาวสลวยที่เขาชอบที่สุดในตอนยังรักกันนั้นแล้ว
“ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ” คณพศมองหญิงสาว ใบหน้าซีดขาว ความจริงเขาเพียงอยากรู้ว่าตอนนั้นทำไมเธอถึงได้จากไป
“ ฉันมาทำธุระที่นี่นิดหน่อย คณพศ ขานายหายดีแล้วเหรอ? ดีจัง ” ดวงตาของหญิงสาวเผยหมอกจางๆ
“ อืม หายแล้วล่ะ ” คณพศพูดเสียงเบาขณะมองเธอ
ณัจยาควบคุมอารมณ์ที่โลดแล่นในใจ “ คณพศ นั่งด้วยกันสักหน่อยไหม? ” เธอเอ่ยพลางยิ้มบาง
“ ได้สิ ”
ณ ร้านกาแฟ
” คาราเมลมัคคิอาโต้สองแก้วค่ะ ” ณัจยาสั่งกาแฟที่ทั้งสองชอบดื่มในตอนนั้น
” ไม่นึกเลยว่าเวลาจะผ่านนานขนาดนี้เธอยังจำได้ว่าฉันชอบดื่มอะไร ” คณพศจ้องเธอพลางหัวเราะ
” ใช่ คิดว่านายชอบดื่มกาแฟนี้ที่สุดในตอนนั้นแล้ว ยังจำได้เลย พวกเรามีความสุขกันมาก คณพศ ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง? ” ณัจยาถามเสียงเบา
” สบายดี ฉันแต่งงานแล้ว เธอล่ะ? ” ฮ่าฮ่า ตอนนั้นเธอจากไป บางทีคงเป็นทางเลือกที่ฉลาด ถึงยังไงตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
” ฉันยังไม่ได้แต่งงาน ตอนนั้นพ่อแม่ฉันบังคับให้ไปอเมริกา เลยไม่ได้รอนายกลับมา ขอโทษนะคณพศ ครั้งนี้ฉันอยากกลับมาหานาย ไม่คิดว่านายจะแต่งงานไปแล้ว….. ” ณัจยาตาละห้อย ทำท่าทางน่าสงสาร
” เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะน่าเสียดายแต่มันก็กลับไปไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ฉันก็มีชีวิตที่ดีแล้ว หวังว่าเธอจะได้เจอความสุขที่เป็นของเธอเองเร็วๆ ด้วยเหมือนกัน ” คณพศจิบกาแฟในมือ
” คณพศ…นายจะไร้ความรู้สึกขนาดนี้จริงๆ เหรอ? เมื่อก่อนนายรักฉันมากไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ฉันกลับมาแล้ว นายก็ไม่ต้องฟังคำพูดของพ่อแม่อีกแล้ว คณพศที่ฉันกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อนายนะ ในใจของยังมีฉันอยู่สินะ? ” ณัจยาเป็นเหมือนกับตอนนั้นอีกครั้ง พูดไปพูดมาน้ำตาก็ไหลออกมา
คณพศมองภาพตรงหน้าที่คุ้นเคย หัวใจถูกกระตุกเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาของเธอ
ณัจยายิ่งร้องก็ยิ่งเศร้า
” ตอนนั้นนายไปฝรั่งเศสตั้งนานขนาดนั้น ฉันถูกพ่อแม่บังคับให้ไปอเมริกา นายไม่รู้หรอกว่าฉันเสียใจแค่ไหน ฉันกลั้นใจตัดผมยาวที่นายชอบที่สุดไป ด้วยคิดว่าทำอย่างนี้จะสามารถลูกนายได้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ฉันยังรักนายมาก ฉันรอให้นายตามหาฉันมาตลอด ในตอนนี้ในที่สุดนายก็ปรากฏตัวออกมา แต่ก็กลับแต่งงานไปแล้ว… ” จากนั้นณัจยาก็สะอึกสะอื้นจนพูดอะไรไม่ออกอีก
หัวใจของคณพศบีบรัด
” ณัจยา ทั้งหมดผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ ฉันแต่งงานแล้วและรักภรรยามาก ฉันรู้สึกขอบคุณที่ตอนนั้นเธอคอยดูแลฉันอยู่ครึ่งปี ฉันหวังว่าหลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนกัน ”
คณพศมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเงียบๆ
” ณัจยา ขอโทษนะ ฉันจะส่งเธอกลับ ”
คณพศร้องไห้ไปตลอดทาง ตอนที่ลงจากรถดวงตาบวมไปหมด
” ถ้าคบกันไม่ได้แล้ว งั้นก็เป็นเพื่อนกันเป็นไง? ” ณัจยาเอ่ยปาก
” ได้ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ” คณพศโบกมือลาเธอ
แต่ณัจยากลับดึงมือของคณพศมาแล้วกอดเขาไว้
ในขณะที่ณัจยากอดคณพศอยู่นั้น กลับไม่รู้เลยว่าไกลออกไปมีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองฉากนั้นอยู่
เธอก็คือนารา
นี่มันเรื่องบังเอิญอะไรกัน?
ผู้หญิงคนนั้น? ใช่ใครในรูปวาดใบนั้นที่เขาเก็บไว้ในหนังสือรึเปล่า?
ที่แท้ วันก่อนนั้น
อยู่ๆ พิมมี่ก็ออกมาหานารา
” นารา!ก่อนหน้านี้ฉันขอโทษนะ ฉันหย่ากับคณพศไปแล้ว และได้บทเรียนแล้ว เธอจะยกโทษให้พี่ได้ไหม? ”
พิมมี่ก้มหน้า ร้องไห้อย่างรู้สึกผิด
มองใบหน้าสวยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาของพิมมี่ตรงหน้า จริงๆ แล้วนาราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“…พิมมี่ เธอคิดจะทำอะไรอีกกันล่ะ? ”
” ฉันขอโทษเธอกับเรื่องเมื่อก่อนจริงๆ ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ควรทำกับเธอแบบนั้น เห็นแก่ที่เราโตมาด้วยกันเถอะนะ ให้อภัยพี่สาวได้ไหม? ” พิมมี่ตีหน้าเศร้าอย่างเจ็บปวดใจ
แต่นาราแค่รู้สึกว่ามันดูปลอม แล้วจึงปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใย
” ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร แต่ฉันไม่เชื่อเธอหรอก ฉันยังคิดว่าตัวเองยังใช้ชีวิตได้ไม่สมใจเลย ดังนั้นฉันจะไม่เชื่อใจเธอ ต่อจากนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก ”
นังเด็กนี่ พิมมี่มองอย่างแข็งกร้าว นัยต์ตาสั่นระริก