บทที่137 เธอเกือบจะเสียชีวิตเพื่อคุณ
กษาปณ์มองหญิงสาวที่ซูบผอมลงกว่าแต่ก่อน คิ้มขมวดเล็กน้อย
เขานั่งลงบนโซฟา โดยมีคนรับใช้ยืนอยู่ข้างหลัง สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
นาราชงชาให้เขาอย่างระมัดระวัง “ ท่านปู่มาหาคณพศเหรอคะ? เขาน่าจะไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”
“ ฉันมาหาเธอ ถ้าฉันอยากเจอคณพศก็ไปที่บริษัทแล้ว” กษาปณ์เอ่ยเสียงเย็น
“ ท่านปู่มาหาฉันมีอะไรจะสั่งเหรอคะ?” เมื่อนาราได้ยินว่ากษาปณ์มาเพื่อพบเธอ ในใจก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
เขามาหาเธอให้ตอนที่คณพศไม่อยู่ คงไม่อยากในคณพศรู้แน่
“ เธอเข้าบ้านปัญญาพนต์มาครึ่งปีแล้วนะ ฉันไม่สนว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะได้เป็นนายหญิงของตระกูลปัญญาพนต์ในอนาคคต แม้ว่าคณพศจะให้ท้ายเธอ ชอบเธอ แต่ฉันไม่เคยเห็นดีด้วยกับเธอ” กษาปณ์พูดอย่างไม่อ้อมค้อม
นาราก้มหน้า เธอรู้อยู่นานแล้วว่ากษาปณ์ไม่ชอบเธอ เพราะยังไงเธอก็ไม่ใช่ลูกคุณหนูไฮโซ เธอไม่คู่ควรกับคณพศ
“ ดังนั้นให้ดีที่สุดเธอต้องมีลูกให้ตระกูลปัญญาพนต์ เรื่องของตระกูลวรชัยลภัสของพวกเธอในช่วงนี้ ฉันไม่ได้มองวิธีการของพวกเธอวัยรุ่นในแง่ดีไปแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคณพศ ชีวิตนี้ฉันไม่ต้องการให้เขาต้องเสียดายอะไรอีก”
“ เขาชอบเธอ เพราะฉะนั้น ฉันทำได้แค่ให้รักษาเธอไว้ข้างกายเขาเท่านั้น หวังว่าเธอจะคลอดลูกของตระกูลปัญญาพนต์ได้ ไม่ว่าภายหลังเธอจะได้เป็นนายหญิงหรือไม่ ปัจจุบันนี้เธอทำได้แค่มีลูกเพื่อคณพศเท่านั้น ”
น้ำเสียงของกษาปณเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ราวกับสั่งเรื่องทั่วๆ ไป
แต่หัวใจของนารากลับเหมือนถูดคลื่นซัด….
มีลูก?
เธอกับคณพศยังไม่รู้เลยว่าจะไปกันได้รึเปล่า ตอนนี้รักแรกของคณพศกลับมาแล้ว ทั้งยังมีพิมมี่ที่คอยขัดขวางอยู่อีก เธอควรปกป้องความรู้สึกของเธอกับเขาเอาไว้
แม้ว่าปัจจุบันนี้คณพศจะดีต่อเธอมาก แต่ว่าตัวเธอตอนนี้ไม่ใช่อะไรเลย เธอไม่บังอาจกล้ายืนเคียงข้างเขา
ความหมายของกษาปณ์ชัดเจนมาก ไม่ต้องการให้คณพศต้องเสียดายอะไร ก็มีลูกกับเขาซะ และหลังจากนั้นใครจะได้เป็นนายหญิงแห่งตระกูลปัญญาพนต์ก็ยังไม่รู้
” ท่านปู่ ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคณพศนะคะ ฉันจัดการเองไม่ได้….” นาราไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“ แค่เด็กสักคนเธอยังมีไม่ได้ เธอยังจะทำอะไรได้อีก?” กษปณ์มองเธออย่างเย็นชา
” คณพศตามใจเธอ แต่เธอก็ต้องเข้าใจ ที่นั่งของตระกูลปัญญาพนต์ไม่ใช่ว่าใครก็จะมานั่งได้ ทั้งหมดนี้เด็กเป็นเรื่องสำคัญ! ”
“ แต่ว่า…. ฉันยังต้องเรียนต่อ” นาราจิกโซฟาแน่น ทันใดนั้นในใจเกิดหวาดกลัวขึ้นมา
“ มีลูกก็ไม่ได้เป็นผลอะไรกับการเรียนของเธอ เธอคลอดลูกแล้วค่อยไปเรียนต่อก็ได้ ฉันสามารถให้เธอได้เรียนที่ต่างประเทศ อยากจะเรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่คลอดลูกออกมาก็พอ” กษาปณ์จ้องนาราเขม็ง
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น “ จำคำของฉันไว้ เธอต้องมีลูกกับคณพศเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิที่จะอยู่ข้างกายเขา”
กษาปณ์พูดเสร็จก็จากไป โดยมีแม่บ้านเปิดประตูให้
นารานั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบงัน ใคร่ครวญถึงคำพูดของกษาปณ์
เธอเข้าใจความหมายของกษาปณ์ดี ที่จะให้เธอมีลูก ส่งเธอออกจากเมืองธิตกลไปเรียนต่างประเทศ และเด็กคนนี้ก็จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลปัญญาพนต์ต่อจากนี้ แต่นายหญิงแห่งตระกูลปัญญาพนต์นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ในใจนารารู้สึกราวกับลอยเคว้งอยู่ในแม่น้ำ ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
นาราหยิบขึ้นมาดู ที่แท้ก็เป็นเคนโด้ที่ไม่เจอกันหลายเดือน
“ นารา ฉันกลับมาแล้ว อยากเจอเธอจัง เราออกมาเจอกันได้ไหม ” เคนโด้เอ่ยเสียงค่อย
นาราได้ยินเสียงของเคนโด้แล้ว อยู่ๆ ก็อยากหลั่งน้ำตา……
ทั้งสองนัดหมายที่ร้านกาแฟ
เมื่อนาราผลักประตูร้านเข้ามาก็เห็นเคนโด้ที่นั่งอยู่ตรงมุมร้านโบกมือให้เธอ
นาราเดินเข้าไป เคนโด้ยืนขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ
“ นารา เธอสบายดีไหม?” เคนโด้ที่เพิ่งนั่งลงก็สังเกตเห็นนาราที่ดูผ่ายผอมลงไป แทบมองไม่เห็นความเป็นเด็กของเธออย่างเมื่อก่อน กลับกันนั้นเธอดูสวยขึ้นมาก เพียงแค่มีร่องรอยของความเศร้าที่เจออยู่
เธอสวมชุดสีน้ำเงิน ขับให้เธอยิ่งดูผอมบาง
“ ก็ดีนะ เคนโด้ นายไม่ได้ไปอเมริกาหรอกเหรอ? กลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?” เคนโด้เองก็เปลี่ยนไป ราวกับเติบโตผ่านความผันแปรของชีวิต ดวงตาที่เคยมีประกายอบอุ่น ตอนนี้กลายเป็นลึกเกินจะหยั่ง แววตาของเขาที่มองนาราฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
“ ฉันกลับมาสองวันแล้ว ครึ่งปีก่อน พ่อบังคับให้ฉันไปอเมริกา ครั้งนี้ฉันแอบกลับมา ฉันแค่อยากเจอเธอสักครั้ง นาราเธอผอมลงนะ พี่เขาไม่ดีกับเธองั้นเหรอ?” เคนคว้ามือขาวบอบบางที่วางอยู่บนโต้ะของนาราเอาไว้
เมื่อนาราได้ยินที่เขาพูด มีบางอย่างปรากฏในดวงตาของเธอ จ้องมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
“ ไม่หรอก ฉันสบายดี” เธอจะพูดว่าไม่สบายได้ยังไง ต่อหน้าอดีตคนรัก อยู่ๆ นาราก็อยากจะร้องไห้ออกมา ไม่ใช่เพื่ออะไรอื่น แต่เพราะความไม่เชื่อมั่นของตัวเองในตอนนี้
เคนโด้ไม่ได้ละเลยความเศร้าในสายตาของเธอ “ นารา ไม่อเมริกากับฉันเถอะ ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในเครือญาติของตระกูลของพี่”
“ ถึงที่นั่น ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ ทำความฝันของเธอให้สำเร็จ นารา ไม่กับฉันเถอะ” เคนโด้กุมมือเธอไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนนาราเริ่มรู้สึกเจ็บจึงได้ชักมือกลับมา
“ ไม่ ฉันไปไม่ได้ คณพศดีกับฉันมาก เคนโด้ ตอนนี้ฉันไปไม่ได้” นารานึกถึงสิ่งที่คณพศพูดกับเธอ “ ที่รัก อย่าจากผมไป อย่าหายจากชีวิตนี้เลย”
ทว่าเมื่อนึกถึงเขาที่กอดกับณัจยาในวันนั้นขึ้นมา เธอก็ปวดร้าว
“ ทำไมล่ะ นารา หรือเธอรักเขา? ถึงได้ไม่อยากจากเขาไปงั้นเหรอ?” เคนโด้จ้องมองหญิงสาวด้วยดวงตาลุกโชน
เธอเคยหัวเราะอย่างสดใสในอ้อมกอดของเขา แต่บัดนี้เธอช่างดูน่าเศร้า
ตกหลุมรักเขาแล้วงั้นเหรอ? ความจริงเธอรักคณพศมาก เพราะหัวใจของเธอนั้นเต้นเพื่อเขาอยู่ทุกขณะเวลา แต่เมื่อเห็นเขากอดณัจยา ใจของเธอก็เจ็บปวดอย่างไม่อาจเทียบ…
“ คุณชายเคนโด้ ไปอเมริกาครึ่งปี ไม่ร่ำไม่เรียน แต่กลับเรียนที่จะลักพาตัวภรรยาคนอื่นไปแล้วเหรอเนี่ย? ฉันคงต้องถามคุณอา ว่าจะช่วยลงโทษเด็กแบบนี้ยังไงดีสินะ?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นเหนือหัวของพวกเขา
ทั้งสองเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ เห็นคณพศยืนล้วงกระเป๋า มือหนึ่งถือบุหรี่ จ้องเขม็งมาที่พวกเขา
“ คณพศ…..” นารามองชายหนุ่มอย่างตกตะลึง เขามาที่นี่ได้ยังไง?
เคนโด้ขมวดคิ้ว จากนั้นไม่กี่วิเขาก็ลุกขึ้น มองคณพศด้วยแววตาเฉียบคม
เขาสงบนิ่งกว่าครึ่งปีก่อนมากทีเดียว แต่ยังคงมองชายหนุ่มด้วยแววตาคมกริบนั้นเหมือนเดิม
“ พี่ชาย ครึ่งปีก่อนพี่ทำให้คุณพ่อบังคับให้ผมไปอเมริกาสินะ? พี่กลัวว่าผมจะเจอกับนารา พี่กลัวว่าผมจะพาเธอไป พี่เลยให้พ่อส่งผมไปอเมริกา นี่เหรอสุถาพบุรุษผู้ดี!” เคนโด้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ บังคับ? ไม่ว่าจะครึ่งปีก่อนหรือตอนนี้ เธอก็เป็นภรรยาของฉัน นายจะพาเธอไปได้เหรอ?” คณพศก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
“……” นารามองชายหนุ่มที่บึ้งตึง ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยับ เธอไม่กล้าขยับตัวสักนิดเดียว
“ ภรรยา? ทีแรกเธอเป็นภรรยาของพี่ได้ยังไง? แล้วเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องเบาะแว้งในตระกูลของพี่ได้ยังไง? เธอเกือบจะเสียชีวิตเพื่อพี่ พี่คณพศ ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์สักหน่อยก็ปล่อยเธอไปเถอะครับ เธอมีความฝันของเธอ เธอไปกับพวกพี่ไม่รอดหรอก” เคนโด้จ้องคณพศอย่างเอาเป็นเอาตาย