บทที่ 157 ฉันมาเพื่อรับเธอกลับอังกฤษ
ทำไมแม่ถึงเอาเธอไปไว้ที่บ้านเด็กกำพร้า แม่ไม่รักเธองั้นหรอ?
ก็คงใช่ แม่คลอดเธอออกมาในสถานการณ์แบบนั้น จะรักเธอได้ยังไงกันล่ะ เธอเป็นส่วนเกินของโลกใบนี้อยู่แล้วนี่
พอเห็นว่านาราหน้าซีดลง เคลลี่ลั่วก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกทำร้าย หวานไม่มีความสุข เธอกำลังผิดหวังอยู่งั้นหรอ
เขารีบปลอบใจเธอ “แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก หวาน เธออยู่ที่อังกฤษตอนห้าขวบ ก็แสดงว่าแม่ของเธอก็อยู่ที่นั่น ขอแค่เธอยอมกลับไปกับฉัน ฉันสัญญาว่าฉันจะหาแม่เธอให้เจอ”
ด้วยอิทธิพลของเขาทุกวันนี้การจะตามหาคนๆนึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก
คำพูดของเคลลี่ลั่วทำให้นาราใจเต้น
ความทรงจำในวัยเด็กของเธอเลือนราง เธอจำได้แค่รางๆเท่านั้น เธอถูกพ่อรับมาเลี้ยงที่เมืองธิตกล ร่างกายเธอก็มีจี้หยกมาอันนึง นอกนั้น เธอจำไม่ได้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้เคลลี่ลั่วกลับมาบอกว่าจะช่วยเธอตามหาแม่ จะไม่ให้เธอไม่ใจเต้นได้ยังไง! ที่ผ่านมาเธอได้แต่ปลอบตัวเองว่า แม่ทำแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือก
แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการความสุขแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
เธอจำได้ว่าตอนเด็ก พอพิมมี่ไม่สบายก็มีแม่คอยดูแล คอยวิ่งวุ่นวัดอุณหภูมิให้ เธอรู้สึกอิจฉามาก
ถ้าเกิดว่าตอนนั้นแม่อยู่ข้างๆเธอ จะทำให้เธอแบบนั้นรึเปล่านะ!
แม้แต่ในความฝัน เธอก็คิดว่าต้องมีวันนึงที่แม่ต้องปฏิบัติกับเธออย่างอบอุ่นแบบนั้นบ้าง
ถึงแม้ว่าความปรารถนานี้จะไม่เคยเป็นจริงมาก่อน แต่ว่าในใจของเธอ ไม่เคยหยุดปรารถนาที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่
แต่ว่า ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถรับปากกลับไปตามหาแม่ที่อังกฤษกับเคลลี่ลั่วได้หรอก ผู้ชายคนนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะดูน่าเชื่อถือ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้เธอไปจากที่นี่ไม่ได้
ถึงเธอจะไปจริงๆ เธอก็ต้องออกไปแบบปกติ ไม่ใช่ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนทหารที่หนีกอง
พอคิดถึงจุดนี้ นาราก็ส่งยิ้มที่จริงใจไปให้เคลลี่ลั่ว “ขอบคุณนะคะคุณเคลลี่ แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไปตามหาแม่ที่อังกฤษกับคุณไม่ได้ ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องส่วนตัวให้ต้องจัดการ เชิญคุณกลับไปเถอะ”
ตอนนี้สายตาของเคลลี่ลั่วมีแต่นารา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเขาก็รู้สึกว่ามันถูกหมด ไม่ได้ขัดขืนความคิดเธอเลยแม้แต่น้อย แค่หาเธอเจอก็เป็นโชคดีของเขามากแล้ว ยังไม่ต้องตอบรับก็ได้ เขาพยักหน้า “ได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอเธอ ฉันเคยรับปากไปแล้ว ฉันจะพาเธอกลับบ้าน เธอจัดการธุระของตัวเองให้สบายใจไปเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะมาหาเธอใหม่”
พอได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว นารารู้สึกอบอุ่นใจเป็นพิเศษ เขาเหมือนกับพี่ชาย อยู่ดีๆก็มาบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกตกต่ำที่สุดในชีวิต
“ขอบคุณค่ะ” นารารู้สึกอบอุ่นใจ อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกสนิทสนมกับเคลลี่ลั่วอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เธอรู้สึกว่าคำพูดของเขามันน่าเชื่อถือ
“หวาน ฉันคือพี่ลั่ว ต่อไปไม่ต้องเกรงใจฉันแล้วนะ แค่ฉันเจอเธอเร็วขนาดนี้ ก็ดีใจมากแล้ว”
เคลลี่ลั่วมองหน้านาราที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความสุข นี่คือหวานของเขา เขาเคยรับปากไว้แล้วว่า เขาต้องแต่งงานกับเธอ เขาจะต้องทำให้เธอมีความสุข! ไม่ว่าตอนนี้เธอจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง แต่เธอก็คือหวานของเขา!
พอนาราเจอคำพูดตรงๆของเคลลี่ลั่วเข้าไปก็รู้สึกหน้าแดง เธอพยักหน้า แล้วก็ยิ้มให้เขาอย่างสดใส
เคลลี่ลั่วมองหน้าเธออย่างเหม่อลอย เธอโตแล้ว สวยมากด้วย!
“ช่วงนี้ฉันจะอยู่ที่เมืองธิตกล ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะ” พอเขาพูดจบก็ให้บอดี้การ์ดด้านหลังของเขาเอานามบัตรมาให้
พอได้นามบัตรสีทอง นาราก็ก้มมอง
นามบัตรมีความประณีตและหรูหรา บนบัตรมีลายมังกรและนกฟินิกส์และชื่อเคลลี่ลั่ว
ด้านล่างเป็นเบอร์โทรศัพท์ นอกนั้นก็ไม่มีข้อมูลอะไรอีก
“นี่เป็นเบอร์โทรส่วนตัวของฉัน ถ้าเธอมีเรื่องอะไร ก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” เคลลี่ลั่วบอกอย่างอ่อนโยน
นาราเก็บนามบัตรไว้อย่างดี “ได้ค่ะ ขอบคุณนะ”
เธอยังพูดไม่ทันจบ เคลลี่ลั่วก้าวไปข้างหน้าแล้วจับมือเธอไว้ “หวาน พี่ลั่วจะรอเธอนะ”
นารายิ้มงงๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบเขายังไงดี
ลุงบีมที่มองเหตุการณ์อยู่นั้น รู้สึกเหงื่อตกแทนคุณชายของตัวเอง ซวยแล้ว ผู้ชายคนนี้ดูชอบคุณผู้หญิงมากแล้ว เขาจะแย่งคุณผู้หญิงไปรึเปล่านะ
เขาต้องรีบรายงานคุณชาย ให้เร็วที่สุด!
ส่วนพิมมี่ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ยัยนาราคุณนี้ ช่างเป็นสุนัขจิ้งจอกที่จับผู้ชายเก่งจริงๆ พิมมี่เองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลย แต่ทำไมพวกผู้ชายเมื่อเห็นเธอแล้วต้องทำเหมือนแทบจะถวายวิญญาณให้ด้วย?!
แต่ว่าก็ดีแล้ว แต่ว่าเธอก็ไม่ได้สนใจนายฝรั่งคนนี้เลยแม้แต่น้อย ขอร้องให้เขารีบพายัยเลวนาราไปซักที แบบนี้คุณพศจะได้กลายเป็นของเธอ!
ฮ่าๆๆๆๆ อังกฤษมันดียังไงหรอ ความฝันสูงสุดของเธอ ก็คือการได้เป็นภรรยาของท่านประธานต่างหาก!
และลุงบีมที่กำลังจะโทรศัพท์ ในใจได้แต่ซุบซิบกับตัวเองว่า นายคนอังกฤษนี่อันตรายจริงๆ คุณชายต้องรู้เรื่องนี้ ไม่ให้เขาแย่งไปได้
แต่ว่านี่คือคุณหญิงของบ้านเรานะ! เธอแต่งงานแล้ว! โชคดีทีคุณชายไม่อยู่บ้าน ไม่ยังงั้นต้องสั่งปิดประตูฟาดหน้าเขาไปแล้วแน่เลย
ในใจลุมบีมมีแต่ความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เคลลี่ลั่วพูดอะไรเขาไม่ได้ยินซักอย่าง เขาได้แต่มองไปที่นารา จนถึงตอนที่เขาเอานามบัตรให้เธอ แล้วก็โบกมือลา “ฉันไปก่อนนะ หวาน อย่าลืมติดต่อมานะ”
“ค่ะ กลับดีๆนะ” นาราโบกมือให้เขา เห็นว่าเคลลี่ลั่วสั่งให้คนของเขาเดินตามมา แล้วก็พาพิมมี่ไปด้วยเช่นกัน
พอส่งเคลลี่ลั่วเสร็จนาราก็กลับมาที่ห้องแล้วมองจี้หยกที่มันหายจากเธอไปนาน แล้วประตูก็มีเสียงเคาะขึ้น
เธอไม่ได้ไปเปิดประตู ที่แท้ก็คือพิมมี่ที่กลับมาอีกครั้งนึง
พอมองไปที่หน้าขอนาราแล้วพิมมี่รู้สึกอยากจะตบหน้าเธอจริงๆ “นารา ทำไมเธอไม่กลับไปอังกฤษกับคนที่ชื่อเคลลี่ลั่วอะไรนั่นซะล่ะ? เธอเป็นรักวัยเด็กของเขาเลยนะ คงจะเป็นเพราะยัยแม่หน้าด้านๆของเธอเป็นคนจัดการให้ เธอเด็กขนาดนั้นยังยกเธอให้ผู้ชายคนอื่น เธอรีบไปเลย อย่ามายึดคนพศไว้แบบนี้ เธอควรจะรีบไสหัวไปได้แล้วไม่ใช่หรอ?”
นารารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เธอไม่ได้โดนพวกเขาพาตัวไปแล้วหรอ? ทำไมกลับมาอีกล่ะ?”
“พวกเขาพาฉันออกไปจากเขตนี้ แล้วก็แยกไปแล้ว ฉันเดินกลับมาไม่ได้รึยังไงล่ะ?”พิมมี่เงยหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “นารา ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ เธอรีบเลิกกับคุณพศซะจะดีกว่า อย่ามากินข้าวอีกชาม เสียดายอีกชาม และอีกอย่าง เอาจี้หยกของฉันคืนมา!”
นาราที่เผชิญหน้ากับการยั่วยุของพิมมี่ ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย “ไปไม่ไปมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? เธอมีสิทธิอะไรมาขอให้ฉันเลิกกับเขา? และอีกอย่าง จี้หยกนี้ก็เป็นของฉันมาตั้งแต่แรก เธอก็ยึดมันไปตั้งหลายปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว!”
เธอมองหน้าพิมมี่ด้วยสายตายั่วยุ “เธอส่งรูปมาเยอะขนาดนั้น อยากยั่วฉัน แล้วยังไงล่ะ? พิมมี่ ฉันคือภรรยาของคุณพศ ไม่ว่าเธอจะพยายามสร้างเรื่องยังไง ชีวิตฉันก็ยังคงสบายดี แต่เธอกลับเหมือนตัวตลก น่าสงสารจัง!”
“นารา เธอบอกว่าใครเหมือนตัวตลกนะ?” พิมมี่โกรธจนตัวสั่น ยื่นมือขึ้นเตรียมจะตบนารา