บทที่ 155 หวาน ในที่สุดฉันก็เจอเธอแล้ว
“พศ นายยังคิดว่าเธอยังเป็นณัจยาคนเดิมกับเมื่อเก้าปีที่แล้วอีกหรอ ตอนนี้เธอจะร้ายจะตาย ถ้าเกิดว่าคืนนั้นฉันเข้าไปช้าอีกก้าวเดียว เธอคงทำแบบนั้นกับนายไปแล้ว!” เด่นภูมิพูดเสียงดังพร้อมมองหน้าพศด้วยแววตาโกรธเคือง
“ผู้หญิงคนนั้นจงใจให้นายกับพี่สะใภ้เข้าใจกันผิด” เด่นภูมิไม่กลัวว่าพศจะโกรธหรือไม่ เขารู้สึกว่าณัจยานี่ร้ายไม่เบาเลย แค่มองก็รู้แล้วว่ามีอะไรแอบแฝง
พอคุณพศได้ยินเด่นภูมิพูดดังนั้นก็รู้สึกชาไปทั้งตัว วันนั้นเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แค่ว่าเขาต้องการนารา นาราร้องไห้
เขาลุกขึ้นอย่างว้าวุ่น แล้วเดินออกไป
“ไปไหน?” เด่นภูมิแปลกใจ
“กลับบ้าน!” คุณพศไม่อยากดื่มอีกต่อไปแล้ว
“……” ไอ้บ้านี่จงใจแกล้งกันใช่มั้ย เรียกเขามากลางดึกกลางดื่นขนาดนี้ พูดไม่กี่ประโยคก็ไปแล้ว
คุณพศขับรถกลับบ้านทันที ตอนนี้ก็กลางดึกแล้ว เขาค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออก แต่ด้านในเงียบเชียบ
อ้อ ผู้หญิงของเขาอยู่ห้องนอนแขก
เขามุ่งหน้าไปที่ห้องนอนแขก ประตูไม่ได้ล็อค
แสงจากภายนอกลอดเข้ามา ทำให้เขาเห็นใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าอย่างชัดเจน เธอหลับปุ๋ยอยู่บนหมอน
คิ้วขมวดแน่น
ใบหน้าซีดเซียวดูอ้างว้างมาก
คุณพศถอดเสื้อคลุมออก แล้วก็เปิดผ้าห่มออกแล้วสอดตัวเข้าไป มือหน้ากอดรอบตัวของผู้หญิงคนนี้ไว้
แล้วดึงเธอมากอดไว้ที่อก แล้วก็ดมกลิ่นหอมจากเธอ
นาราที่กำลังฝันอยู่นั้นรู้สึกร้อนนิดหน่อย มือเล็กๆก็ค่อยๆดันเขาออก แล้วว่าเขาไม่ยอม แถมยังกอดเธอแน่นกว่าเดิม
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่หาท่าที่สบายที่สุดแล้วก็นอนต่อ
พอคุณพศได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของเธอก็รู้สึกเบาใจ แล้วก็ค่อยๆจูบที่หน้าผากของเธอ
“นารา ไม่ต้องดื้อแล้ว ฉันรักเธอ” เขากระซิบเบาๆ
นาราที่กำลังอยู่ในความฝันไม่ได้ยินคำพูดของเขา
เขากอดเธออยู่แบบนั้นแล้วหลับตาลงเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
เช้าวันรุ่งขึ้น นาราตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอผู้ชายด้านข้างแล้ว เธอบิดขี้เกียจ แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนเมื่อคืนจะมีคนมานอนกับเธอ
เธอดมที่ผ้าห่ม ที่กลิ่นเหล้าและหลิ่นบุหรี่ คุณพศนั่นเอง
เมื่อคืนเขาออกไปข้างนอกไม่ใช่หรอ? ที่แท้ก็กลับมาอีกรอบ ออกไปดื่ม แล้วยังจะกลับมานอนกับเธออีก
เธอไม่คิดอะไรต่อ ลุกไปอาบน้ำและก็ไปโรงเรียน
คุณพศออกไปบริษัทแต่เช้า แล้วก็ไปคยธุรกิจที่เมืองอื่น
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองธิตกล เคลลี่ลั่วนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่าง และมองออกไปที่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา
ผ่านไปสิบห้าปีแล้ว เขาเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดเวลา เธอโตแล้ว
เมื่อวานที่ห้องสมุด เขาเห็นดวงตาสีฟ้าของนารา ก็รู้สึกช็อคไป ผู้หญิงคนนั้นช่างเหมือนกับคนที่เขาตามหาจริงๆ
แต่เธอบอกว่าเธอเกิดที่นี่ แถมเขาก็ยังไม่เห็นหยก ถ้ายังงั้นเธอน่าจะไม่ใช้คนที่เขาตามหาอยู่
เมื่อสิบห้าปีก่อน เพราะผลประโยชน์ของครอบครัว เขาเยลถูกตามล่าโดยนักเลงชาวแมกซิกัน
ผู้หญิงคนนั้นกล้าหาญและช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนนั้นเขาสัญญากับเธอไว้ ว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ
และก็มอบหยกที่เป็นตัวแทนของครอบครัวให้เธอไว้ เป็นหยกรูปสฟิงก์!
เขารู้แค่ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อหวาน ตอนนี้อายุ20
สามปีหลังจากนั้นเขาก็ไปที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้น แต่คนดูแลที่นั่นบอกว่า หวานมีพ่อคนมารับไปเลี้ยงแล้ว
เขารีบถามว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร แต่คนดูแลได้แต่ตอบว่า เป็นคนเมืองธิตกล
ตอนนี้ตำแหน่งของเขาค่อนข้างมั่นคงแล้ว เลยตัดสินใจจะมาตามหาหวาน
เมืองธิตกลใหญ่ขนาดนี้ หวาน เธออยู่ที่ไหน? เธอจำพี่ลั่วได้มั้ย?
เขามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นมีผู้หญิงคนนึงเดินผ่านหน้าประตูร้านกาแฟไป เธอใส่เสื้อคลุมยาว สวมสร้อยคอสีแดง
เขาช็อคไปครู่นึง แล้วก็รีบลุกขึ้นเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป
พิมมี่ที่กำลังจะนัดเจอวิษณุส์ อยู่ดีๆก็โดนคนข้างหลังดึงแขนไว้ เธอหันไปเห็นฝรั่งคนนึงที่ดึงแขนเธอไว้ แล้วก็จ้องหน้าเธอ
“คุณเป็นใครน่ะ? ปล่อยฉันนะ!” เธอสะบัดมือของผู้ชายคนนั้นออกอย่างแรง แล้วจี้นั้นจะโผล่ออกมาจากเสื้อของเธอ จี้หยกรูปสฟิงก์!
“หวาน ในที่สุดฉันก็เจอเธอแล้ว!” เคลลี่ลั่วมองหน้าพิมมี่อย่างดีใจ แล้วก็จับมือเธออีกครั้ง เพราะว่ากลัวว่าเธอจะหายไป
“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” พิมมี่เห็นว่าผู้ชายคนนี้จับเธอไม่ยอมปล่อย ก็เริ่มรู้สึกโมโห
“หวาน ฉันคือพี่ลั่วไง เธอลืมฉันไปแล้วหรอ? ไม่เป็นไร ฉันมาที่นี่เพราะเธอเลยนะ” เคลลี่ลั่วยังคงมีท่าทีดีใจมากเหมือนเดิม
พิมมี่รู้สึกประหลาดใจ แต่เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีพิษภัยอะไร อาจจะแค่เพราะจำคนผิด
“คุณคะ ฉันไม่ใช่คนที่คุณตามหาหรอกนะคะ ฉันมีุระ รีบปล่อยฉันเถอะค่ะ” พิมมี่พยายามบอกเขาอย่างอดทน
“ไม่จริง เธอคิดหวาน จี้หยกนั้นพิสูจน์ได้ มันคือของที่เป็นหลักฐานยืนยันที่ฉันให้เธอไว้เมื่อ15ปีก่อน ฉันไม่มีทางจำผิดแน่!” เคลลี่ลั่วพูดออกมาเสียงดัง
“จี้หยก? ของที่ระลึก?” พิมมี่ยืนนิ่งเพราะกำลังพยายามวิเคราะห์คำพูดของผู้ชายคนนี้
จี้หยกอันนี้เธอแย่งมันมาจากนาราตั้งแต่ตอนเด็กๆ จากนั้นก็นำมาใช้เอง
พอเธอโตขึ้นก็เลยตัดสินใจ ให้หยกชิ้นนี้เป็นสมบัติที่มีราคา
เธอใส่หยกชิ้นนี้ทั้งวันทั้งคืน พอเวลาผ่านไป เพื่อความอยู่รอดนาราก็ไม่สามารถขอคืนจากเธอได้ เธอก็เลยต้องยอมแพ้ แต่ว่าเธอจำได้ว่าจี้หยกนี้ใครเป็นคนให้เธอมา
ตอนนั้นเธอจำเรื่องราวห้าปีที่ผ่านมาไม่ได้ พอโตมาเธอก็เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้เป็นของที่แม่เธอให้มารึเปล่า แต่พอพิมมี่แย่งมา เธอก็ไม่มีทางทำอะไรได้
ใช่สิ หรือว่าเขาจะอยากได้จี้หยกนี้คืน พอเธอคิดแบบนั้นก็รีบสะบัดมือเคลลี่ลั่วออก
“ฉันไม่รู้จักคุณ และก็ไม่ใช่คนที่คุณตามหาด้วย จี้หยกนี้สามีให้ฉันมา ฉันให้คุณไม่ได้หรอก” พิมมี่หันหลังเตรียมจะเดินออกมา
แต่ว่าเคลลี่ลั่วก็ดักไว้กาอน “ไม่มีทาง จี้หยกอันนี้มันเป็นจี้หยกประจำตระกูลฉัน ชิ้นนึงอยู่ที่พี่ชายองฉัน อีกชิ้นนึงอยู่ที่หวาน ที่ฉันเคยให้ไปเมื่อ15ปีก่อน”
พิมมี่มองหน้าเขาด้วยความงุนงง เธออยากจะหนี แต่ว่าหนีไม่ได้ แต่ว่าจี้หยกชิ้นนี้เธอคืนให้เขาไม่ได้จริงๆ
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่หวานที่คุณพูดถึงหรอก ฉันชื่อพิมมี่ และฉันก็ไม่เคยเจอคุณด้วย” พิมมี่สะบัดมือเขาออกอย่างแรง แล้วก็เดินออกมา
เธอเดินไปด้วยมองด้านหลังไปด้วย เพราะกลัวว่าเคลลี่ลั่วจะตามมา แต่ทันทีที่เธอเดินมาถึงมุมก็เจอชายชุดดำสองคนยืนขวางเธอไว้
เธอตกใจมาก ชายชุดดำสองคนขวางเธอไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ
ผ่านไปไม่นาน เคลลี่ลั่วก็เดินมา “หวาน เธอลืมฉันจริงๆหรอ 15ปีก่อนเธอช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันรับปากกับเธอไว้ว่าถ้าโตขึ้นเราจะแต่งงานกัน เธอลืมไปแล้วหรอ?”
พิมมี่รู้สึกเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนรักในวัยเด็กของยัยนารานั่นเอง สงสัยต้องเป็นแม่ที่ไร้ยางอายของยัยนาราเป็นคนจับคู่ให้แน่นอน
เธอยิ้มมุมปาก ดีมาก ในเมื่อคู่หมั้นของนารามาหาถึงที่ ถ้าพาเขาไปหานารา คุณพศก็จะกลายเป็นของเธอแล้วไม่ใช่หรอ?