บทที่ 150 นึกถึงร่างกายของเธอเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ยังดีที่เธอรีบออกมา จึงไม่ต้องไปเป็นก้างขัดขวางความรักของพวกเขา และไม่ทำให้ตัวเองต้องย่ำแย่ถึงขั้นนั้น
หลายวันนี้เธอไม่กล้าแม้จะเปิดโทรศัพท์ ไม่อยากเจอเขา แม้ว่าเธอจะไปเที่ยวทั่วฝรั่งเศสกับผิงผิงก็ตาม แต่หัวใจของเธอนั้นระทมทุกข์แทบไม่ไหว
เมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของผิงผิงคือตรัญ เธออยากจะรับหนีไป แต่ตรัญบอกกับเธอยิ้มๆว่า “น้องสะใภ้ คณพศบอกให้ผมดูแลคุณให้ดี แค่เส้นผมหายไปเพียงเส้นเดียวเขาได้เอาผมตายแน่”
ฟังที่ตรัญบอก เธอนิ่งงัน เขารู้หรอว่าเธอมาฝรั่งเศส แล้วยังให้ตรัญดูแลเธอ มองเบอร์เขาที่โทรมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เดิมทีหลายวันมานี้อารมณ์เธอดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แล้วข้อความจากพิมมี่ครั้งนี้ได้ผลักเธอลงนรกไปแล้ว….
เธอยืนพิงผนัง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง คณพศ คุณใจร้ายมากจริงๆ
ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่า ครั้งนี้ราวกับเธอทำอะไรหายไปกับบ่อนการพนัน
นิทรรศการกำลังดำเนินไป จากคำแนะนำจากคณะกรรมการ ภาพการ์ตูนของนารา 《วิญญาณ》ได้รับรางวัลอันดับสอง
“นารา มาเร็ว แนะนำภาพวาดของเธอหน่อย” ไลลากวักมือเรียกเธอ บอกให้นาราที่กำลังมองโทรศัพท์อยู่ให้รีบมา
“อืม” เก็บกักความเศร้าโศกเสียใจและความผิดหวังไว้ในใจ นารายิ้มออกมาเดินไปหาไลลา
แม้ว่าจะพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ แต่ในใจกลับเจ็บปวดรวดร้าว
ยืนหยัดจนนิทรรศการจบลง นาราแกล้งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมก่อนคนอื่น
เธอกลับมาถึงโรงแรมก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว น้ำตาไหลออกมาราวกับมหาสมุทร ไหลอาบใบหน้าซีดเซียว
คณพศ เราได้กลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันไปแล้ว…
ถ้าหมดรักแล้ว ทำไมยังให้ความหวังเธอ
เธอเช็ดน้ำตายืนอยู่ริมหน้าต่าง มองแสงอาทิตย์ตกซับสีเลือด เธอจะไม่เสียน้ำตาอีกแล้ว
เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาตัดสินใจรีบกลับมหาลัย เมื่อการแข่งขันจบลง นาราที่มีไลลาเคียงข้าง จิตใจแหลกสลายกลับเมืองธิตกล
ยังไม่ทันได้ลงเครื่อง คณพศได้รับโทรศัพท์จากเด่นภูมิ “คณพศ นารากำลังจะลงเครื่องแล้ว”
“อะไรนะ” คณพศไม่อยากจะเชื่อรีบลุกขึ้นยืน ทิ้งการประชุมห้องใหญ่ที่บริษัท รีบเร่งเดินออกไป “รู้เวลาแน่นอนรึยัง?”
ฝั่งเด่นภูมิยื่นโทรศัพท์ออกห่างจากตัว เกรงว่าหูตัวเองจะถูกคณพศทำให้หนวกซะก่อน “ใช่ ถูกต้องแน่นอน อีกครึ่งชั่วโมงน้องสะใภ้ก็มาถึงแล้ว เครื่องจะถึงเมืองธิตกลแล้ว”
ได้ฟังดังนั้น คณพศพลันรู้สึกว่าบรรยากาศตรงหน้านั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดีใจจนตะโกนไปตามสาย “ผมจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้”
นารากลับมาแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองใช้ชีวิตยังไงตลอดหลายวันมานี้ ทุกวันนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องที่เยือกเย็นนั้น ไม่มีเธออยู่เคียงข้าง โลกทั้งขาดสีสัน
นารา กลับมาก็ดีแล้ว เขาอยากบอกเธอว่าเขาคิดถึงเธอ
พอวางสายโทรศัพท์ เขารีบวิ่งลงตึกไป ขับรถมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
ผู้บริหารทั้งหลายในห้องทำงานรอแล้วรอเล่า กลับไม่เห็นว่าคณพศจะกลับมา เริ่มกระซิบกระซาบกัน แต่ก็ไม่กล้าหนีออกจากห้องประชุม ได้แต่เฝ้ารอให้ผู้อำนวยการของพวกเขากลับมา
แต่เวลานี้ท่านผู้อำนวยการของพวกเขา กำลังโบยบินไปที่สนามบิน ในหัวพร่ำจินตนาการวาดฝันการพบหน้ากันของเขาและเธอ ใครจะมีกะจิตกะใจสนใจพวกเขากัน
ครั้งนี้เส้นทางราบรื่น คณพศไม่เจอกับรถติด ขับมาถึงสนามบินได้อย่างรวดเร็ว
เขาตั้งใจยืนอยู่ในจุดที่ชัดเจนที่สุด กลัวว่านาราจะมองไม่เห็นเขา
เขาเฝ้ารอนาราวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเขา คิดถึงอ้อมกอดของคนตัวเล็ก ร่างกายของเขาพลันร้อนรุ่ม มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที
เขาขยับร่างกาย บ้าเอ๊ย แค่คิดถึงร่างกายเธอ เขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว
ในขณะที่คณพศกำลังเฝ้ารออย่างร้อนรน เครื่องบินกลับเมืองธิตกลค่อยๆลงจอด
ผ่านไปไม่นาน นาราและไลลา อีกทั้งอาจารย์ที่ปรึกษากับพื่อนอีกหนึ่งคน เข็นกระเป๋าสัมภาระออกจากด่านตรวจมา
นาราสวมชุดเดรสสีฟ้าสวย ผมยาวสลวย ใบหน้าผอมเล็กไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ใบหน้างดงามนั้นทำให้ใจของคณพศราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มลงในใจ
เธอผอมลง
เพราะมีอาจารย์มาด้วย คณพศไม่กล้าวิ่งเข้าไปกอดภรรยาของเขา
รอจนอาจารย์และเพื่อนอีกคนแยกออกไป เห็นว่านารากับไลลากำลังจะเรียกรถจากไป
เขารีบเดินออกไป “นารา ผมอยู่ตรงนี้”
คณพศเดินเข้าไปหา หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวทั้งสอง มองสำรวจนารา ทนไม่ไหว ยกมือขึ้นไปกุมมือน้อยของเธอ ค่อยยกกระเป๋าเธอขึ้นมา ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไปอีก
นาราพึ่งเดินออกประตูมา ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หันกลับไปมอง พลันต้องตกใจที่เห็นคณพศยืนอยู่ตรงนั้น
ยังไม่ทันเรียกสติกลับมา ก็ถูกเขาคว้ามือเอาไว้ มือใหญ่อบอุ่นกอบกุมมือน้อยของเธอเอาไว้ ยื่นมือไปรับกระเป๋าของเธอ
นารามึนงง เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เขามารับเธอหรอ?
เวลานี้ ไม่ใช่เขาควรอยู่กับณัจยาหรอกหรือ?
เขายังจำเมียคนนี้ได้หรอ เหยียดหยามเป็นที่สุด ผู้ชายก็แสดงละครเก่งไม่ใช่เล่น
นาราค่อยๆปิดดวงตาสีฟ้าสวยลง เปิดตาขึ้นอีกครั้งบิดมือเธอกลับคืนมา ก้าวถอยห่างจากเขา
คณพศมองท่าทางตกใจของนารา ยังคิดว่าเธอจะวิ่งเข้ามากอดตนเอง
ใครจะคิดว่าเธอจะก้มหน้าไม่สนใจเขา เดินหนีเขาไป
“นารา” เสียงทุ้มต่ำเจือด้วยความโกรธ นี่หนีไปไม่บอกไปกล่าวกันไปเป็นสัปดาห์ กลับมาก็ไม่สนใจเขา ถึงจะเข้าใจผิดยังไงก็ต้องคุยกันต่อหน้าตรงๆไม่ใช่หรอ?
เธอยังมาทำหน้าเย็นชาให้เขาอีก หลายวันมานี้เขาคิดถึงเธอจนจะป่วยแล้ว พอกลับมาแล้วทำราวกับเขาไม่มีตัวตน
นาราได้ยินเสียงเรียกจากคณพศ เธอชะงักไป แต่เท้ากลับไม่ยอมหยุด เดินออกจากสนามบินไป
คณพศโมโหขึ้นมาทันที วิ่งตามนาราไป “นารา หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นาราที่เห็นคณพศวิ่งมายังตนก็ยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น เร่งรัดไลลาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว “เราไปกันเถอะ”
ไลลาถูกผลักไป หันกลับไปมองอย่างมึนงง “นารา คุณคณพศมารับเธอ เธอก็กลับไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะ”
“ไม่จำเป็น ไลลา ฉันจะไปบ้านเธอ” นาราลากไลลาเดินออกจากสนามบินไป
ไลลาได้แต่วิ่งตามการลากจูงของนาราออกจากสนามบินไป เธอหันกลับไปมองด้านหลัง
ใบหน้าหล่อเหลาของคณพศทมึนทึง วิ่งตามนารามา ไลลายิ้มอย่างมีเลศนัย “ให้ฉันไปไล่เขาแทนไหม”
นาราวิ่งไม่รู้ทิศรู้ทางไปข้างหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน “เรารีบไปดีกว่า อย่าก่อเรื่องเลย”
คณพศโมโหอย่างมาก ดื้อรั้นขึ้นมา น่ากลัวเป็นที่สุด
ตอนนี้เธอไม่อยากสนใจเขา ปล่อยไปสักพักค่อยยื่นข้อเสนอเลิกกับเขา