บทที่162 ไม่ว่าเธอจะผ่านอะไรมาผมก็จะพาเธอไป
เขาอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง ตะโกนเรียกลุงบีม ก่อนพาเธอเข้าไปในรถ แล้วออกไปโรงพยาบาล
หมอที่ประจำอยู่เมื่อเห็นคณพศอุ้มนาราเดินเข้ามาก็รีบยืนขึ้นทันที ” ท่านประธาน วางผู้ป่วยลงบนเตียงเลยค่ะ ”
” เธอมีไข้ ช่วยรีบตรวจอาการให้หน่อยนะ ” คณพศเป็นกังวลจนเหงื่อตก
หมอผลักเตียงเข้าไปเพื่อตรวจอาการให้เธอ ” ไข้สูง40องศา จำเป็นต้องให้น้ำเกลือค่ะ ”
” งั้นก็รีบให้เร็วสิ! ” เขากุมมือเล็กที่ร้อนฉ่าของนาราไว้แน่น
” ค่ะค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ ” หมอมองแววตามืดครึ้มของคณพศก่อนรีบเดินออกไปสั่งยา
คนคนนี้โดนเขาทำจนป่วยเองแล้วยังจะมาเหวี่ยงใส่หมออย่างพวกเธออีก เฮ้อ แต่ใครจะกล้าหือกับประธานคณพศกันล่ะ
ตอนที่นาราตื่นขึ้นก็เป็นเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว เธอลืมตาขึ้นและขยับมือเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่แปลกที่ เธอพยายามลุกขึ้นทันที แต่ร่างกายกลับไม่มีแรง
เมื่อเห็นสีขาวสะอาดในคลองสายตา เธอจึงรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล เธอป่วยงั้นเหรอ?
สิ่งที่เธอจำได้คือคณพศ เจ้าลูกหมานั่น เธอไม่ยอม เขาก็ยัง…..
นึกถึงเรื่องพวกนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายยังปวดไม่หาย เดิมทีเขาไม่ได้แคร์ว่าเธอเจ็บไหมอยู่แล้ว เขากับณัจยาก็ยังคลุมเครือไม่ขาดกัน แล้วก็กลับไปหาหล่อนอีก……
จมูกเธอพลันตื้อขึ้นมา น้ำตาไหลล้นเป็นสาย
ขณะนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก พยาบาลเดินเข้ามา ส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ ” คุณผู้หญิงนารา ตื่นแล้วเหรอคะ เมื่อคืนนี้คุณมีไข้ คุณชายสามพาคุณมาส่งโรงพยาบาล ตอนที่คุณชายอุ้มคุณมาเขาเป็นกังวลมาก ดูเหมือนว่าคุณชายจะเป็นห่วงคุณมากเลยนะคะ ”
พยาบาลคนนี้ยุ่มย่ามเกินไปแล้ว นาราไม่พูดอะไร เธอมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างพลางครุ่นคิด
เขาพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล เธอก็ไม่ขอบคุณหรอก ในใจของเธอไม่รู้สึกดีสักนิด เธอควรทำยังไงดีล่ะ
เมื่อเธอให้น้ำเกลือเสร็จแล้วก็เห็นว่าแม่บ้านส่งอาหารมาให้ เธอกินไปเล็กน้อยโดยข้าวแทบจะไม่พร่องก็ลุกขึ้นพูดกับพยาบาล ” ฉันหายดีแล้วค่ะ คุณไปบอกหมอที ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ”
แม่บ้านผงะไป ” คุณผู้หญิง คุณชายบอกว่าคุณต้องอยู่โรงพยาบาลสักสองวันนะคะ อาการป่วยของคุณครั้งนี้รุนแรงมาก เขาเพิ่งจะกลับไปเปลี่ยนชุดไปบริษัท บอกว่าอีกเดี๋ยวก็มาแล้วนะคะ ”
” ไม่ต้องหรอก ร่างกายของฉันฉันรู้ดี ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเถอะค่ะ ฉันยังต้องไปเรียน ” นาราพูดกับแม่บ้าน
” …… ” แม่บ้านเดินออกไปทันที ก่อนต่อสายถึงคณพศ รายงานสถานการณ์ทางนี้ให้กับเขา
” คุณผู้หญิงอยากจะทำอะไรก็ให้เธอทำ คุณเป็นคนรับใช้ประสาอะไร เรื่องแค่นี้ยังต้องรายงาน! ” คณพศตวาดมาทางโทรศัพท์
แม่บ้านรีบตอบ ” ขออภัยค่ะ เข้าใจแล้ว ”
แม่บ้านช่วยทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้นารา ไม่นานลุงบีมก็มาถึง
” คุณนารา ขึ้นรถเถอะครับ ” ลุงบีมโค้งให้อย่างนอบน้อม
” ไม่เป็นไร ฉันจะไปวิทยาลัยต่อ ” นาราต้องการไปเรียน อีกแค่ครึ่งปีเธอก็จะจบแล้ว จะให้อาจารย์สอนล่าช้าออกไปแบบนี้ไม่ได้
” คุณผู้หญิง คุณชายบอกว่าคุณป่วยอยู่ กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ รอหายป่วยแล้วค่อยไปเรียน ” ลุงบีมกล่าวอย่างสุภาพ
” ฉันจะไปเรียน! ”
” คุณนารา อย่าทำให้เราลำบากใจเลยครับ คุณชายสั่งว่าคุณจะต้องกลับไปครับ ”
ได้ยินคำพูดของลุงบีม ในที่สุดนาราก็เข้าใจ คณพศไม่ยอมให้เธอเรียน!
อยู่ๆ หัวใจของเธอก็เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอตามใจชอบ นี่คือความรักของผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ!
เธอขึ้นรถอย่างเงียบๆ แล้วกลับไปคฤหาสน์
เธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน รอจนคนรับใช้ออกไปแล้วจึงเปิดลิ้นชัก เห็นหยกชิ้นนั้น คุณเคลลี่บอกว่าหยกชิ้นนี้เป็นของที่เขาให้มา เขาสามารถช่วยเธอตามหาแม่ได้
แต่ทำไมเขาต้องให้หยกชิ้นนี้มาด้วยล่ะ? เธอรีบหานามบัตรของเคลลี่ลั่ว เมื่อเห็นเบอร์โทรบนนั้น หัวใจเธอเต้นระส่ำ
เธออยากไปหาแม่ บนโลกใบนี้ เธอมีแค่แม่เท่านั้น ถ้าหากเธอพบแม่แล้ว ขอแค่ได้เห็นสักครั้ง ชีวิตนี้เธอก็ไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว
แต่มิสเตอร์เคลลี่คนนี้จะช่วยเธอหาแม่เจอได้จริงๆ น่ะเหรอ?
หลังจากคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงเก็บนามบัตรกับหยกไว้ในลิ้นชัก เธอหลับตาลง ความเจ็บปวดในใจบีบคั้นดั้งจมูกจนปวดตื้อ
เพราะเมื่อคืนมีไข้ เธอจึงหลับไปอีกครั้ง
คณพศที่จัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขาก้าวเบาๆ เข้าไปในห้อง
เห็นเด็กสาวที่หลับอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวขึ้นสีแดงจางๆ
เขาใจชื้นขึ้นมาทันที เขาเดินเข้าไปอย่างเบาๆ สัมผัสใบหน้าเนียนของเล็ก
รอยน้ำตาเปียกชื้นบนใบหน้า ทำให้หัวใจของคณพศบีบรัด
” นารา ผมจะไม่ปล่อยให้คุณหนีไป เป็นเด็กดีนะ~ ”
นาราที่อยู่ในห้องความฝันไม่อาจได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของเขา
ขณะคณพศกำลังเตรียมจะออกไป มองเห็นลิ้นชักที่หัวเตียงยังปิดไม่ปิดสนิท
ด้ายสีแดงด้านในนั้นดึงดูดสายตาของเขา เขาเปิดลิ้นชักเบาๆ หยกและนามบัตรวางไว้ด้วยกันอย่างเรียบร้อย
เขาหยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมาดู ดวงตาพลันปรากฏรังสีอันตราย มืดมิดน่าหวาดหวั่น
……
ณ ร้านกาแฟริมทะเลของรีสอร์ต นอกจากเสียงเปียโนอันไพเราะ ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
คนรวยเท่านั้นที่จะสามารถมาที่นี่ได้ เคลลี่ลั่วมาถึงไม่ได้สักพักแล้ว
เชิ้ตแฮนด์เมดสีขาวสะอาดและรองเท้าหนังดำขลับ สวมอยู่บนร่างสูงเกือบถึง190เซนติเมตรรับกับผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ดูสง่าและสูงค่าไม่น้อย
นัยต์ตาสีน้ำตาลทอดมองไปยังทะเลอย่าเงียบงัน พลางคนกาแฟในแก้ว เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนยกยิ้มมุมปาก
คณพศมาถึงในอีกสิบนาที เขาผลักประตูร้านกาแฟก็เห็นชายอังกฤษคนนั้นทันที เป็นชายที่ห้องสมุดในวันนั้นอย่างที่คิด
เขาลากเก้าอี้แล้วนั่งลงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ลุคเย็นชาทำเอารู้สึกราวกับว่าเหินห่างไปไกลหลายไมล์ ประกายตาคมกริบกวาดมองเคลลี่ลั่ว
เคลลี่ลั่วเงยหน้าทักทายเขาทางสายตาและยิ้มเล็กน้อย ” คุณคณพศ ”
คณพศไม่เอ่ยอะไร แล้วหยิบหยกชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง วางไว้ตรงหน้าเคลลี่ลั่ว ” คงได้เวลาให้ของชิ้นนี้ คืนสู่เจ้าของ! ”
เมื่อเห็นเคลลี่ลั่วมองหยกอย่างตกตะลึง แววตาของเขาก็ฉายแววเสียดสี ” คุณเคลลี่ นาราเป็นภรรยาของผมแล้ว หยกที่แสดงถังสัญลักษณ์ของตระกูลเคลลี่ชิ้นนี้คงไม่เหมาะสมกับเธอ ยังไงคุณเคลลี่ก็ทำหยกชิ้นนี้หายไปหลายปีแล้ว วันนี้หาเจอแล้วคงจะดีใจนะครับ เท่าที่ผมรู้ หากไม่มีหยกชิ้นนี้ ก็จะไม่สามารถสืบทอดตระกูลได้ ผมต้องขออภัยด้วยที่ภรรยาของผมเอาหยกของคุณมาตั้งหลายปี ”
คณพศเอนตัวพิงบนเก้าอี้อย่างสง่างาม มองเคลลี่ลั่วอย่างไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
เคลลี่ลั่วเอื้อมหยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมา ใช้นิ้วมือลูบสัมผัส ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังคณพศ ” คุณคณพศ คุณคงยังไม่เคยได้ความลึกลับอีกเรื่องของเคลลี่สินะครับ ที่เมื่อทายาทของตระกูลมอบหยกให้หับหญิงที่ตนรัก หญิงสาวคนนั้นจะต้องมาเป็นภรรยาของเขา!”
” สิบปีก่อน หวานได้ช่วยผมไว้ และผมให้หยกนี้กับเธอ เธอคือคู่หมั้นของผม ผมกำลังรอให้เธอโตขึ้น ไม่ว่าเธอจะผ่านอะไรมา ผมก็จะพาเธอไป ”
ดวงตาสีน้ำตาลของเคลลี่ลั่วฉายแววหนักแน่น คณพศกำกำปั้นทั้งคู่แน่นทันที ดวงตาคมกริบราวกับดาบ หากว่าสายตาสามารถฆ่าคนได้ ชายอังกฤษตรงหน้าเขาก็คงตายไปแล้ว
” คุณเคลลี่ คุณพาไปไม่ได้หรอก ตอนนี้เธอคือภรรยาของผม ผมขอเตือนว่าอย่าทำเรื่องให้ตระกูลเคลลี่ต้องเสื่อมเสียดีกว่า และที่นี่คือเมืองธิตกล คุณเคลลี่ หากได้ของแล้วก็เชิญกลับไปเถอะครับ