ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1855 : สีขาว

ตอนที่ 1855 : สีขาว
  ซีหยุนลืมไปเลยว่าไม่ได้ประหม่าแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วคือการเข้าทดสอบของกองทัพเทียนลั่ว
มันมีเหตุผลที่จะบอกว่าหลังจากที่รับใช้กองทัพมาหลายปี จิตใจของเขาก็เยือกเย็นกว่าเดิม แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ แม้แต่ตอนที่พูดออกมาเขาก็ยังตื่นเต้น
ไม่ใช่แค่ซีหยุน แม้แต่กวนเองก็เบิกตากว้าง เขาคิดว่าคนของสำนักคังเฉียงนั้นมีคนมากก็จริง แต่ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะขึ้นไปถึงระดับสีแดงเข้มได้แบบนี้
นี่สามารถเทียบเท่ากับผู้บัญชาการเลยก็ว่าได้!
เขารู้สึกว่าโชคดีที่ไม่ได้สู้กับลิง ไม่งั้นแล้วหากเขาโดนอัดจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นไหวรึไม่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลิงนี่ต้องแกร่งกว่าเสี่ยวเสีย เสี่ยวเสียน่ะอย่างมากก็ทัดเทียมกับซีหยุนได้ บางทีอาจจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ลิงนี่แข็งแกร่งกว่าซีหยุนอย่างแน่นอน
จ้าวโกลาหลไม่ได้มีการแบ่งลำดับชั้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าหัวหน้าหน่วยย่อยหรือคนที่เพิ่งเข้ามาในทะเลโกลาหลต่างก็เป็นจ้าวโกลาหลที่แข็งแกร่ง หากทั้งสองปกปิดคลื่นพลัง งั้นก็ยากจะมองเห็นถึงความแตกต่างได้ แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของทั้งสองนั้นต่างกันสุดขั้ว
จ้าวโกลาหลคือจุดเริ่มต้นในการบ่มเพาะตัวเอง ดังนั้นช่องว่างระหว่างพลังจึงขึ้นอยู่กับพลังโกลาหลและจิตของตน บางคนบ่มเพาะมาไม่รู้กี่ยุครวมกับการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ดังนั้นพลังจึงหนาแน่น พวกเขาจึงแข็งแกร่งจนสามารถจัดการกับจ้าวโกลาหลทั่วไปได้
นอกจากจักรพรรดิทั้งเก้าแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองไร้เทียมทาน
แม้ว่าจะไม่นับจักรพรรดิแต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุด
แม่ทัพใหญ่ทั้งสาม และเจ้าเมืองทั้งสิบเองก็เช่นกัน
เพราะเท่าที่ทุกคนรับรู้มานั้น ความแข็งแกร่งของจ้าวโกลาหลแทบไม่มีขีดจำกัด หากบอกว่ามีขีดจำกัด งั้นขีดจำกัดก็คือจักรพรรดิทั้งเก้า นั่นคือเพดานสูงสุดของทุกคน !
มันยากที่จ้าวโกลาหลจะรับรู้ระดับของคนอื่นได้ นอกซะจากว่าช่องว่างจะต่างกันมาก ดังนั้นจ้าวโกลาหลส่วนมากจึงสำรวมตัวเองและไม่คิดมีเรื่องกับคนอื่นหรือสร้างศัตรู
พูดโดยทั่วไปแล้ววิธีการยืนยันความแข็งแกร่งนั้นนอกจากจะใช้หินทดสอบแล้ว ก็ตัดสินได้จากชื่อเสียง
เมื่อแข็งแกร่งเพียงพอ ความสำเร็จก็ต้องน่าทึ่ง จึงเป็นธรรมดาที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉะนั้นสิ่งนี้จึงพอตัดสินความแข็งแกร่งได้
ความแข็งแกร่งของสำนักคังเฉียงนั้นอยู่ในระดับผู้บัญชาการ มีไม่กี่คนที่ใกล้เคียงกับแม่ทัพได้
หงอคงก็ทำให้ซีหยุนตกตะลึงไม่ใช่น้อย มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจของสำนักคังเฉียงได้
“ พี่ลิง ข้าลองบ้าง” นาจาที่เปลี่ยนร่างเป็นผู้ใหญ่ได้พูดขึ้นมาและวางมือลงไปบนหิน
ต่อมาหินก็เปล่งแสงสว่างออกมา แสงได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นเขียว, ฟ้า, ส้มและสุดท้ายก็เป็นสีแดงเข้ม ซึ่งชัดแล้วว่าอยู่ระดับเดียวกับหงอคง
“ฮ่าฮ่า ข้าก็สีแดงเข้มเหมือนกัน” นาจากลับคืนสู่ร่างเด็กและกล่าวออกมาอย่างยินดี “อาจารย์ ข้าสีแดงเข้มล่ะ!”
จางหยูกล่าวออกมาอย่างจนปัญญา “สีแดงเข้มก็สีแดงเข้มสิ อย่าตื่นเต้นไปนัก”
หัวใจของซีหยุนแทบกระดอนออกมาจากอก “สีแดงเข้มอีกแล้ว! งั้นก็เป็นยอดฝีมืออีกคน!”
อีกทั้งเขายังสังเกตคำเรียกที่นาจากล่าวถึงจางหยู เมื่อนึกถึงสถานะของจางหยู ที่ว่าเป็นเจ้าสำนักคังเฉียง มิใช่ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะเหนือกว่าเหล่าศิษย์และอาจารย์คนอื่นๆ รึ?
สามารถให้กำเนิดศิษย์อาจารย์ที่น่าเกรงขามเช่นนี้ได้ ฉะนั้นในฐานะเจ้าสำนักก็ต้องน่ากลัวกว่าพวกนั้นหลายเท่ามิใช่หรือ?
ชั่วขณะหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกของซีหยุนก็ตีกันขึ้นมา ยามที่มองไปทางจางหยูจึงแฝงไปด้วยความยำเกรงหลายเท่า
เวลาผ่านไปช้าๆ
ทุกคนได้สลับกันเข้าไปทดสอบ แต่ผลลัพธ์นั้นก็ไม่ได้น่าแปลกใจนัก หินได้แสดงสีแดงอ่อน, แดง, แดงเข้มสลับกันไปมา บางครั้งก็มีสีแดงอ่อนติดต่อกันไม่ก็แดง บางครั้งก็เป็นสีแดงเข้ม นอกจากต้นไม้โกลาหลที่ทดสอบคนแรกแล้วก็ไม่มีใครได้ต่ำกว่าสีแดงอ่อนเลย
ในกองทัพเทียนลั่วนั้นโดยทั่วไปแล้วระดับผู้บัญชาการจะอยู่สีแดงอ่อนและสีแดง ส่วนสีแดงเข้มนั้นหมายถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ในอีกความหมายคือนอกจากต้นไม้โกลาหลแล้ว คนอื่นๆต่างก็เพียงพอจะเป็นผู้บัญชาการได้ และมีบางคนที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ !
กองกำลังนี้แทบหาใครมาเทียบไม่ได้ !
ซีหยุนถึงกับอึ้ง เขารู้สึกราวกับฝันไป
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองเขาคงไม่เชื่อว่าในพื้นที่ที่ห่างไกลเช่นนี้ จะมีผู้บัญชาการกำเนิดขึ้นมาจำนวนมาก ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ในกองทัพเทียนลั่ว ระดับผู้บัญชาการก็ยังมีไม่มากเช่นนี้ แม้แต่ในเขตใหญ่ๆ คนระดับผู้บัญชาการก็ไม่ได้มีมากแบบนี้
เขาถึงกับสงสัยว่าสองกองทัพอื่นคิดจะปั่นหัวพวกเขาหรือไม่
เดาว่าคงมีแค่กองทัพซื่อเซียวและกองกำลังสังเกตการณ์ร่วมมือกันเท่านั้น จึงจะเป็นไปได้ที่จะมีคนระดับผู้บัญชาการจำนวนมากเช่นนี้ได้
กวนตัวแข็งทื่อ เขาราวกับคนโง่และมองไปที่คนจากสำนักคังเฉียง
“ ช่างเป็นสำนักที่น่ากลัวจริงๆ !” ซีหยุนกลืนน้ำลาย “ ระดับผู้บัญชาการสองพันคน กองกำลังแบบนี้นอกจากแม่ทัพและคนระดับสูงอื่นๆลงมือแล้ว ไม่อย่างนั้นทั้งกองทัพเทียนลั่วก็อาจจะสู้กับสำนักคังเฉียงไม่ได้ !”
แม้ว่ากองทัพเทียนลั่วจะมีความแข็งแกร่งและจำนวนน้อยที่สุดในหมู่สามกองทัพ แต่ก็ไม่ใช่กองกำลังที่ใครจะสั่นคลอนได้ สำนักคังเฉียงกลับทำแบบนี้ได้ซึ่งเพียงพอแสดงให้เห็นแล้วว่าน่ากลัวแค่ไหน
ทั้งสำนักคังเฉียงเทียบได้กับหนึ่งกองทัพ !
“ ความแข็งแกร่งของเราเพียงพอเข้าสายตาท่านซีหยุนรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ซีหยุนตอบกลับทันที “ แน่นอนว่าได้ ! การร่วมมือระหว่างกองทัพเทียนลั่วและสำนักคังเฉียงล้วนเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย !”
“ งั้น…เรามาทำสัญญากันเลยรึไม่ ? ” จางหยูถามขึ้นมา
“ แน่นอน….” พูดมาได้ครึ่งทาง ซีหยุนก็ได้สติ “ ไม่ พวกเขาทดสอบความแข็งแกร่งกันหมดแล้ว แต่ท่านจางหยูยังไม่ได้ทดสอบ !” ท่าทีของเขาที่มีต่อจางหยูนั้นดูเคารพมากกว่าเก่า นี่ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของจางหยูเลย ด้วยฐานะของ จางหยูที่สามารถสั่งการคนของสำนักคังเฉียงได้ ก็เพียงพอจะทำให้ซีหยุนเคารพได้
จางหยูยักคิ้ว “ ข้ารึ ? ข้าต้องทดสอบด้วยรึ?”
ซีหยุนถามขึ้นมา “ ท่านมีอะไรต้องกังวลรึ ?”
“ ข้าไม่ได้กังวลอะไร เพียงแค่ไม่อยากเด่นก็เท่านั้น ” จางหยูยิ้มออกมา “ หากข้าทดสอบความแข็งแกร่ง เดาว่าคงไม่อาจปกปิดตัวตนได้อีก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซีหยุนก็ยิ้มออกมา “ ท่านจางหยูสบายใจได้ ผลลัพธ์ของการทดสอบนั้นเราจะปิดไว้เป็นความลับไม่เผยแพร่ออกไป นอกจากคนระดับสูงที่มีสิทธิ์ตรวจสอบแล้ว ข้ายืนยันได้” เขาสงสัยในความแข็งแกร่งของจางหยูมากกว่าเดิม สุดท้ายแล้วจางหยูแกร่งขนาดไหนถึงได้มั่นใจเช่นนี้ ?
“ งั้นก็ดี ” จางหยูไม่ปฏิเสธ “ งั้นก็ทดสอบ “
อันที่จริงเขาก็อยากเห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไปอยู่ระดับไหนกัน
ปกติแล้วหินนี่จะส่องแสงสีเขียว, ฟ้า, ส้ม, แดง, ทองและขาว
ผลลัพธ์ของศิษย์และอาจารย์ทุกคนต่างก็เป็นสีแดง ด้วยความแข็งแกร่งของจางหยูแล้วคงไม่ต่ำกว่าสีทอง มันน่าจะอยู่สีขาว
“ เชิญ !” ซีหยุนมองไปที่จางหยูด้วยความสงสัยและคาดหวัง
กวนเองก็คาดหวังกับตัวจางหยูเช่นกัน สัญชาตญาณบอกเขาว่าผลการทดสอบของจางหยูนั้นจะต้องน่าทึ่งอย่างมากแน่นอน
ในทางกลับกันแล้วเหล่าศิษย์และอาจารย์พากันใจเย็นกว่า พวกเขามั่นใจในตัวจางหยูอยู่แล้ว พวกเขาเชื่อว่าผลการทดสอบนั้นนอกจากสีขาวแล้วก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่น
ตอนที่จางหยูวางมือลงไปบนหิน สีก็ได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นขาวทันที มันข้ามสีอื่นๆไปราวกับว่าหินนี่เป็นสีขาวอยู่แล้ว มันเป็นสีขาวจางๆ จางหยูเผยรอยยิ้มพอใจออกมา “ เหมือนกับที่ข้าคิดเอาไว้”
ซีหยุนและกวนต่างก็พากันตัวแข็งทื่อ พวกเขาอุทานกันออกมาเสียงหลง “ สีขาว !”
สีขาวแทนถึงพลังสูงสุดรองจากจักรพรรดิ มันคือขีดจำกัดของหินนี่
ตำนานบอกว่ามีแค่แม่ทัพทั้งสามและหัวหน้าทีมลึกลับจากทีมเทพปีศาจเท่านั้นที่จะเปลี่ยนหินให้กลายเป็นสีขาวได้
ตอนนี้กลับมีคนที่ห้าปรากฏตัวแล้ว !
“ คนระดับสูง !” ซีหยุนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท