ตอนที่ 251 ไปให้พ้น
หลังจากเก็บกวาดอาหารที่ตกลงพื้นแล้ว โลลิต้าจึงเดินออกไปอย่างจนปัญญา ก่อนจะไปเธอเอ่ยเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ” คุณหนู มีคำกล่าวอยู่ว่าผู้รู้ทันการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ(คนที่รู้จักประเมินสถานการณ์ คนที่คล้อยตามกระแสทันนั้นคือคนที่จะเอาตัวรอดได้ ) ร่างกายนี้เป็นของตัวคุณเอง หากคุณทำร้ายร่างกายของตัวเอง ก็ไม่มีใครที่จะสามารถแบกรับแทนได้นะคะ ”
” ไปซะ! ไปให้พ้นหน้าฉัน! ” ไลลามั่นใจว่าเธอใกล้จะบ้าเต็มที เธอตวาดใส่โลลิต้าอย่างต้องการจะเอาความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดระบายออกมา
โลลิต้ารู้ว่าตัวเธอคงยากที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้ จึงไม่เอ่ยอะไรอีกแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ภายในห้องเหลือเพียงไลลาอีกครั้ง เธอเอนตัวพิงกับผนังอย่างอ่อนล้า รู้สึกเหมือนตัวเองนั้นสกปรกไปหมด
ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยจูบของผู้ชายไร้ยางอายคนนั้น บวกกับความรู้สึกเหนียวหนืดนี้ ไลลาแทบอยากจะอาเจียน
เธอถอนหายใจยาวเหยียดก่อนลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงมุมห้อง
ในมุมห้องนั้นมีห้องน้ำอยู่ เธออยากจะชำระล้างร่างกายตัวเอง
ตอนนี้ตัวเธอช่างสกปรกเหลือเกิน!
วันทั้งวัน ไลลาถูกขังอยู่ในปราสาทของเคลลี่ลั่ว ทั้งอ้างว้างและอับจนหนทาง
ส่วนนารานั้น เพราะเมื่อคืนเธอพักอยู่ที่คฤหาสน์ของคณพศ ด้วยความเป็นห่วงว่าไลลาจะโกรธที่ตัวเองทิ้งให้เธออยู่ที่อพาร์ทเม้นท์คนเดียว เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จจึงพามิรากลับไปที่อพาร์ทเม้นท์
แน่นอน ยังคงมีคณพศที่ติดหนึบกลับมากับเธอด้วย
หลังจากอิ่มหนำสำราญมาทั้งคืน คณพศอิ่มเอิบซะจนวางมาดไม่อยู่
เขาฮัมเพลงไปตลอดทาง วนไปวนมาอยู่ท่อนเดียว ” เธอคือขนมสายไหมในใจของฉัน แสนหวานปานน้ำผึ้ง…… ”
นาราได้ยินเนื้อเพลงน่าอายนั่นจนขนลุกไปหมด แม้ว่าเสียงของคณพศจะเพราะมาก แต่เนื้อเพลงท่อนนั้นก็ชักจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว
ถึงนาราจะกลอกตาใส่คณพศหลายรอบแล้ว แต่อารมณ์ของเขาก็ยังหวานเชื่อมปานน้ำผึ้งอยู่นั่น
ไม่นาน เขาก็พานาราและมิรากลับมายังอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ นั้น
นาราเดินไปเปิดประตูอพาร์ทเม้นท์แล้วเรียก ” ไลลา? ไลลา? ”
แต่จนเธอเดินเข้าไปถึงภายในห้องก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากไลลาเลย
คณพศจูงมิราเดินเข้ามาด้วยกัน ” ไม่อยู่รึเปล่า? สงสัยว่าเมื่อคงจะไม่ได้กลับมา ยังไงอังกฤษก็มีหนุ่มหล่อมากมาย เผื่อว่าบางทีเธออาจจะออกไปหาอะไรใหม่ๆ ก็ได้นะ? ”
คณพศพูดพลางหัวเราะล้อเลียนเบาๆ
นาราจิกสายตาใส่คณพศก่อนพูดดุ ” ไร้สาระ คิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเองกันหมดรึไง ที่ในหัวจะคิดแต่เรื่องอย่างว่าน่ะ? ”
คณพศแบมือออก สีหน้าน้อยใจ ” ที่รัก คุณกล่าวโทษผมผิดไปแล้ว ผมไปคิดเรื่องอย่างว่าอะไรที่ไหนกัน ถึงจะมีบ้าง แต่มันก็ต้องเป็นกับคุณเท่านั้นนะ! ”
นาราถูกคณพศพูดจนหน้าแดง เธอปากมุ่ยพูดอย่างเก้ๆ กังๆ ” ต่อหน้าลูกยังจะพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ได้ จริงๆ เลย ”
คณพศได้ยินนาราพูดแบบนั้นก็สั่นหัวอย่างพึงพอใจ ” ก็คือกับภรรยาตัวเอง ให้คนอื่นฟัง ก็ยังไม่แปลกเลยนะ ”
นาราเกาหัวอย่างไม่มีอารมณ์โมโหอะไร เอาเถอะ ยอมในความมั่น
เธอเดินหาไปรอบห้องก็ไม่เจอวี่แววของไลลา แต่กลับเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ
ตัวอักษรบนกระดาษแผ่นนั้นตวัดเขียนไว้อย่างสวยงาม : นารา ฉันมีเรื่องด่วนต้องรีบกลับไปก่อนนะ ระวังตัวด้วย!
” คิกคิกคิก ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก เห็นไหม ไปไม่ลาเลยสักนิด ผมว่าต้องได้ฉายเด่นเบ่งบานแล้วแน่ๆ ” คณพศพูดทีเล่นทีจริง
นาราส่ายหน้า ” ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ลายมือของไลลา ลายมือของเธอเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ขยุกขยิกอย่างนี้แน่ ”
เธอพูดพลางยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาไลลา
เสียงสัญญาณดังอยู่สองสามครั้งก่อนจะขึ้นแจ้งเตือนว่ากำลังปิดเครื่อง
นาราคิ้วขมวด “ ทำไมปิดเครื่องล่ะ? “
“ ที่รัก รบกวนใช้สมองสักนิด จากอังกฤษกลับเมืองธิตกลก็ต้องนั่งเครื่องบิน นั่งเครื่องใช้โทรศัพท์ไม่ได้ เรื่องธรรมดาแบบนี้ก็ลืมแล้วเหรอ? “ คณพศฌเอ่ยขณะขยิบตาให้นารา
นาราใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา เจ้าหมอนี่ แค่พูดก็พอแล้วทำไมต้องขยิบตาด้วย!
“ โอเคๆ เธอก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่หายไปไหนแน่ คุณวางใจได้แล้ว ” คณพศเกลี้ยกล่อมนาราให้เธอไม่ต้องเอาแต่กังวลกับเรื่องอะไรแบบนี้ มีความพยายามก็ไม่เท่าให้กำลังใจกับตัวเองให้มากเข้าไว้
นาราเองก็รู้สึกว่าไลลาน่าจะมีเรื่องให้ต้องไป จึงไม่ได้ว่าอะไรต่อ รอจนถึงตอนเย็นค่อยโทรหาเธออีกครั้งก็ได้
” ช่างเถอะ เธออาจจะมีธุระจริงๆ ก็ได้ ตอนเย็นฉันค่อยติดต่อเธออีกครั้ง ” นาราพูดพลางวางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วก้มลงถามมิรา ” มิรา หิวน้ำไหม? ถ้าหิวเดี๋ยวแม่จะไปเอาน้ำผลไม้มาให้ ”
มิราพยักหน้า ถึงจะไม่กระหายเท่าไหร่แต่ถ้าจะได้ดื่มน้ำผลไม้ที่คุณแม่เอามาให้ก็ต้องดื่มสิ!!
“ โอเคจ้ะ รอเดี๋ยวนะ หม่ามี๊จะรีบกลับมา “ พูดจบนาราก็เดินไปที่ห้องครั้วเพื่อเตรียมน้ำผลไม้ให้กับมิรา
คณพศรู้สึกไม่พอใจทันที เขาบ่นพึมพำอยู่ด้านหลัง “ ที่รัก ทำไมคุณเลือกที่รักมักที่ชังแบบนี้ล่ะ แล้วผมล่ะ ผมก็คอแห้งเหมือนกันนะ! “
“ คุณไปทำอะไรถึงได้คอแห้งนักล่ะ? “ นารากลอกตาใส่คณพศ ทะเลาะแม้แต่กับเด็กรึไง!
“ เฮ้เฮ้ “ คณพศยิ้มยิงฟัน “ คุณพูดนะ? แน่นอนว่าก็รอคุณอยู่ไง “
นาราหน้าแดง หมอนี่ ต่อหน้าลูกก็ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ไร้การสั่งสอนจริงๆ
เธอตวัดสายตามองคณพศก่อนรีบเดินออกไป กลัวว่าถ้าเดินช้าแล้วตัวเองจะโดนผู้ชายคนนั้นหยอกล้ออีก
หลังจากรีบจนมือไม้จะพันกัน นาราก็ถือน้ำมะม่วงคั้นสดเดินออกมา
เธอวางน้ำมะม่วงแก้วให้ลงบนโต๊ะก่อนถามอย่างสุภาพ “ ใส่น้ำแข็งมั้ยจ้ะ? “
“ ใส่ครับ! “
“ ผมก็ใส่! ”
เสียงเล็กใหญ่ตอบขึ้นพร้อมกัน สายมองไปยังน้ำมะม่วงแก้วนั้นอย่างอิจฉาราวกับไม่เคยดื่มมันมาก่อน
นาราส่ายหัวเบาๆ อย่างจนใจ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ สองคนนี้ก็อย่างกับเด็กอย่างของเล่นกันซะอย่างนั้น เฮ้อ
เธอแบ่งน้ำมะม่วงให้พวกเขาเป็นสองแก้วแล้วใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อย ขณะที่นารากำลังจะใส่น้ำแข็งลงในแก้วของตัวเองก็กลับถูกคณพศรั้งมือเอาไว้ “ ที่รัก ผมแนะนำว่าช่วงนี้คุณอย่ากินอะไรเย็นเลยดีกว่านะ “
“ ทำไมล่ะ? “ นาราชะงักเล็กน้อย อากาศก็ร้อน กินน้ำแข็งเย็นๆ รู้สึกดีออก
คณพศขยิบตาให้กับเธอ “ เมื่อคืนนี้พวกเรา…..เผื่อว่า…..คุณก็รู้ “
นาราอดขมวดคิ้วไม่ได้ พอกันที ทำไมเวลาอยู่ข้างผู้ชายคนนี้ต้องโยงเข้าเรื่องอย่างว่าได้ทุกทีเลย?
แต่ว่าเมื่อนึกถึงความชุลมุนเมื่อคืน เหมือนว่าจะไม่ได้ป้องกันเลยจริงๆ
เผื่อว่าอาจจะมี…..
พระเจ้า เธอถูกผู้ชายคนนี้เล่นเข้าอีกแล้ว!
นาราทั้งเขินทั้งอาย แอบตำหนิตัวเองว่ายังหนักแน่นไม่พอ ถูกคณพศนำอยู่ตลอดเลย