ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1856 : ทีมคังเฉียง

ตอนที่ 1856 : ทีมคังเฉียง
  ซีหยุนที่เห็นผลทดสอบของจางหยูก็ตกตะลึง เขาถึงกับลนลานขึ้นมา
นี่คือระดับแม่ทัพ !
สำหรับซีหยุนแล้วนี่ถือว่าเป็นบุคคลในตำนานที่มีอำนาจในโกลาหลซื่อเซียว แม้แต่ในทะเลโกลาหลก็ยังถือว่าเป็นคนใหญ่โต
ซีหยุนคิดว่าผลการทดสอบของจางหยู อย่างมากก็เป็นสีทองไม่ก็ทองอ่อน แต่ผลลัพธ์นี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า….เขาประเมินจางหยูต่ำเกินไป
ชายที่ดูธรรมดาราวกับเด็กหนุ่มทั่วไปนั้นกลับอยู่ระดับเดียวกับแม่ทัพ !
ด้วยความตะลึงที่มีทำให้ซีหยุนพูดอะไรไม่ออก เขาถึงกับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ในสายตาของเขาแล้วภาพลักษณ์ของจางหยูดูยิ่งใหญ่ขึ้นมาในทันที นี่คือตัวตนที่ยิ่งใหญ่!
สายตาอันเยือกเย็นราวกับหุบเหวไร้ก้นหลุม หน้าตาที่ราวกับเด็กน้อยแต่กลับมีพลังของแม่ทัพอยู่ในตัว
แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ซีหยุนเพ้อไปเอง อันที่จริงแล้วจางหยูไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย หลังจากผลทดสอบออกมาแล้ว ฐานะของเขากลับสูงส่งขึ้นในสายตาของซีหยุนก็เท่านั้น
จางหยูไม่ได้หัวเราะกับท่าทีของซีหยุนที่เปลี่ยนความคิดที่มีกับตัวเขาไป เขาเข้าใจความรู้สึกของซีหยุนเป็นอย่างดี
เขารอให้ซีหยุนใจเย็นลงสักพัก และถามขึ้นมาว่า “ หินนี่ทดสอบความแข็งแกร่งของจักรพรรดิได้รึไม่ ?”
เขาอยากรู้ว่าเขาห่างจากจักรพรรดิมากแค่ไหน เขาอยากรู้ว่าเขากับจักรพรรดินั้นใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่ากัน
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซีหยุนก็ก้มหน้าด้วยความเคารพยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะตอบกลับตามจริง “ หินนี่ทดสอบได้แค่ระดับแม่ทัพเป็นอย่างมาก….แม้ว่าจักรพรรดิจะมาทดสอบเอง แต่ก็เป็นแค่สีขาวเท่านั้น”
“ งั้นรึ …” จางหยูผิดหวังนิดๆและถามขึ้นมา “ มันมีอะไรทดสอบความแข็งแกร่งของจักรพรรดิได้บ้าง ?”
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาแกร่งระดับไหน บางทีอาจจะทัดเทียมกับแม่ทัพหรืออาจจะแข็งแกร่งกว่า ผลลัพธ์จาการทดสอบนี้อาจจะไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา
ซีหยุนส่ายหน้าและพูดขึ้น “ เท่าที่ข้าน้อยรู้มา นอกจากหินทดสอบแล้ว มันไม่น่าจะมีอะไรทดสอบความแข็งแกร่งของจักรพรรดิได้ ยิ่งกว่านั้นพลังของจักรพรรดิก็เหนือกว่าคนในทะเลโกลาหล มันไม่น่าจะตรวจสอบได้ง่ายๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจางหยูก็ยอมแพ้กับการหาคำตอบ
มันไม่อาจจะตัดสินพลังของจักรพรรดิผ่านการทดสอบได้
ซีหยุนลังเลสักพักและพูดขึ้นมา “ ตามหลักการแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งที่ท่านมีรวมถึงความแข็งแกร่งของคนอื่นๆ ท่านจะได้อยู่ทีมระดับความตาย แต่ข้าไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะรับรองพวกท่านได้ อย่างมากก็แค่ส่งคำขอไป ข้าไม่รู้ว่าท่านจะถือสารึไม่ ?”
“ ทีมระดับความตายงั้นรึ ?” จางหยูครุ่นคิดอยู่สักพัก “ นี่คือระดับของทีมรึ ? เจ้าช่วยอธิบายได้รึไม่ ?”
ซีหยุนเห็นว่าจางหยูไม่ได้โกรธก็โล่งอกขึ้นมา จากนั้นเขาก็อธิบายออกมา “ ตามเกณฑ์ความแข็งแกร่งของทีมแล้ว โดยทั่วไปจะแบ่งเป็นระดับพิฆาต, สงคราม, ราชา, ความตายรวมถึงทลายโลก ”
“ ปกติแล้วทีมระดับพิฆาตจะประกอบไปด้วยจ้าวโกลาหลที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ความแข็งแกร่งของหัวหน้าทีมต่ำกว่าหัวหน้าหน่วยย่อยของกองทัพเทียนลั่ว ทีมแบบนี้มีจำนวนมากที่สุด พวกนี้คอยทำงานเล็กๆน้อยๆให้กับกองทัพอย่างเช่นงานขนส่งของ”
“ ทีมระดับสงคราม สมาชิกไม่ได้อ่อนแอกว่าคนในกองทัพเทียนลั่วเลย ความแข็งแกร่งของแต่ละคนเทียบเท่ากับทหารในกองทัพ หัวหน้าทีมทัดเทียมกับหัวหน้าหน่วยย่อยในกองทัพเทียนลั่วได้ ทีมแบบนี้จะเข้าร่วมการต่อสู้ที่อันตราย พวกนี้มักจะถูกใช้เป็นกองกำลังเสริม”
“ ทีมระดับราชา ความแข็งแกร่งของแต่ละคนนั้นเทียบเท่ากับหัวหน้าหน่วยย่อยของกองทัพเทียนลั่ว ส่วนหัวหน้าทีมทัดเทียมได้กับผู้บัญชาการ ทีมแบบนี้ในโกลาหลซื่อเซียวนั้นมีแค่สิบทีมเท่านั้น นี่คือทีมระดับสูง ความแข็งแกร่งของพวกเขา เหนือกว่าคนส่วนใหญ่ในกองทัพซือเซียวเสียอีก”
“ ทีมระดับความตาย ความแข็งแกร่งต่ำสุดของแต่ละคนนั้นเทียบเท่ากับผู้บัญชาการ หัวหน้าทีมจะแกร่งเท่ากับแม่ทัพ ตอนนี้มีทีมระดับความตายแค่เพียงทีมเดียวเท่านั้นในโกลาหลซื่อเซียว”
“ ทีมระดับทลายโลก มันเป็นทีมที่ทัดเทียมกับสามกองทัพได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีทีมแบบนั้นเพราะหัวหน้าทีมระดับโลกจะต้องทัดเทียมกับจักรพรรดิได้เท่านั้น แต่การจะสร้างทีมแบบนั้นขึ้นมาได้ จะต้องมีคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากแค่ไหนกัน ?”
ในมุมมองของซีหยุนแล้ว ทีมของจักรพรรดินั้นจะเป็นทีมธรรมดาได้ยังไง ?
“ แสดงว่าเราก็ผ่านเกณฑ์ทีมระดับความตาย แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรองเรางั้นรึ ?” จางหยูเข้าใจแล้วว่าซีหยุนพูดถึงอะไร  ซีหยุนละอายใจ “ ขอโทษด้วย ข้าไม่มีสิทธิ์พอที่จะรับรองทีมระดับความตาย”
“ งั้นใครที่มีสิทธิ์รับรองได้บ้าง ?” จางหยูถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ ทีมเทพปีศาจคือทีมในตำนาน แรกเริ่มเดิมทีทีมเทพปีศาจอยู่แค่ระดับสงคราม แต่หัวหน้าทีมได้ทำให้ทีมเทพปีศาจเติบโตขึ้นมา สุดท้ายแม่ทัพทั้งสามต่างก็พากันยอมรับและให้ตราทีมระดับความตายกับพวกนั้น” ซีหยุนตอบกลับตามจริง “ หากท่านต้องการจะยกระดับของทีม นอกจากความแข็งแกร่งที่ผ่านเกณฑ์แล้วก็ยังต้องสร้างผลงานให้กับโกลาหลซื่อเซียว รวมถึงได้รับการยอมรับจากแม่ทัพทั้งสามด้วย”
จางหยูคิ้วขมวด “ ซับซ้อนแบบนั้นเลยรึ ?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของซีหยุน จางหยูก็สลัดความคิดที่จะพัฒนาทีมทิ้งไป
เวลาของเขามีค่า เขาไม่ได้สนใจจะยกระดับทีม
“ อันที่จริงระดับราชามันก็ไม่เลว“ จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าให้เราอยู่ระดับราชาก็ได้”
แม้จะยอมแพ้เรื่องการยกระดับทีม แต่จางหยูก็ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับหัวหน้าทีมของทีมเทพปีศาจ หากเขามีโอกาส เขาก็อยากจะเรียนรู้จากอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูด ซีหยุนก็แปลกใจนิดๆ แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดขึ้น “ ขอบคุณผู้อาวุโสที่เข้าใจ !”
“ ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสจะตั้งชื่อทีมนี้ว่าอะไร ? ” ซีหยุนถามขึ้นมา
“ เรียกเราว่าทีมคังเฉียงก็ได้ ” จางหยูไม่ได้คิดอะไรมาก เขาใช้ชื่อของสำนักมาเป็นชื่อทีม เขาเปลี่ยนจากสำนักคังเฉียงมาเป็นทีมคังเฉียง และเขาที่เป็นเจ้าสำนักก็เปลี่ยนมาเป็นหัวหน้าทีม
ซีหยุนบันทึกชื่อทีมและถามขึ้นมา “ ท่านจะลงทะเบียนสมาชิกกี่คน ?”
“ มีจำกัดด้วยรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ตามกฎแล้ว ทีมระดับราชาจะต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 101 คน มันไม่ได้จำกัดว่าจะมีมากเท่าไหร่ แต่ใน 100 คนนี้จะต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับหัวหน้าหน่วยของกองทัพเทียนลั่ว รวมถึงหัวหน้าทีมที่ต้องอยู่ระดับผู้บัญชาการ มันไม่สำคัญว่าจะมีสมาชิกเพิ่มอีกกี่คน แต่ตราบใดที่เงื่อนไขนี้ผ่านก็เพียงพอแล้ว ” ซีหยุนตอบกลับ
“ งั้นก็ลงทะเบียนทุกคน ” จางหยูพูดขึ้นมา
ซีหยุนพยักหน้าและทำการลงทะเบียนให้ทีละคนๆ ผ่านไปสักพักซีหยุนก็ลงทะเบียนให้ทุกคนเสร็จ เขาแจกตราให้กับทุกคน ตรานี้เป็นรูปเสือดูดุดัน และมันคือเครื่องหมายของทีมระดับราชา
“ นี่คือตราของทีมระดับราชา มันใช้แทนตราของโกลาหลซื่อเซียวได้ ใช้บอกตัวตนของทีมระดับราชา” ซีหยุนจ้องมองคนของสำนักคังเฉียงด้วยสายตาอิจฉา หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งของเขา เขาคงลาออกและเข้าร่วมทีมคังเฉียงไปแล้ว ยังไงซะทีมนี้ก็มีคนระดับแม่ทัพเป็นหัวหน้าทีม การอยู่กับคนแบบนี้เขาจะไม่แข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง ?
“ ข้าไม่รู้ว่าหากข้าลาออกจากตำแหน่ง ข้าจะเข้าร่วมทีมนี้ได้รึไม่ ?” ในใจของซีหยุนได้แต่เดา
ถึงจะมีความคิดมากมายในหัว แต่ซีหยุนก็ยังแสดงสีหน้าจริงจังออกมา เขาควบคุมตราหยกและส่งต่อข้อมูลไปยังสำนักงานกองทัพสาขาหลัก ทั้งยังส่งข้อมูลไปยังกองทัพซื่อเซียวกับกองกำลังสังเกตการณ์ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ทีมคังเฉียงเข้าไปอยู่ในสายตาของสามกองทัพอย่างเป็นทางการ และสามารถรับการจ้างวานจากสามกองทัพได้
แน่นอนว่าเรื่องผลการทดสอบของจางหยูที่เป็นสีขาวนั้น ซีหยุนไม่กล้าบันทึกมันเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนที่ฐานะทัดเทียมกับแม่ทัพต้องหงุดหงิด
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท