ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1862 : ฝ่ายเฝ้าระวัง

ตอนที่ 1862 : ฝ่ายเฝ้าระวัง
  “ ทีมคังเฉียงรับภารกิจรบระยะยาวไป” ต้าฮวงไม่ได้ปิดบัง “ พวกเขาไปยังแนวหน้าของสนามรบ ”
ลั่วชาขมวดคิ้ว “ เจ้าหมายถึงภารกิจโจมตีเมืองรึ ?”
ต้าฮวงพยักหน้า “ ใช่ ”
คนอื่นๆในทีมต่างก็พากันอึ้ง
การรับภารกิจนี้หมายความว่าทีมคังเฉียงนั้นกล้าไม่ใช่น้อย !
ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ทีมพวกเขาเองก็ยังไม่กล้ารับภารกิจนี้มา
แน่นอนว่านั่นคือที่ที่อันตรายที่สุดและมีอัตราการตายมากที่สุด
“ เจ้ามั่นใจรึว่าพวกเขารับภารกิจนั้น ? ” ลั่วชาแสดงสีหน้าหนักใจออกมา
“ ข้ามั่นใจ” ต้าฮวงพูดขึ้น “เพราะข้าเป็นคนรับภารกิจให้พวกเขาเอง”
ลั่วชามองต้าฮวงด้วยสายตาเย็นชา “ เจ้ารู้รึไม่ว่าการทำแบบนี้เท่ากับส่งพวกเขาไปตาย !”
“ แน่นอนข้ารู้ว่าภารกิจนี้อันตรายแค่ไหนแต่ผู้อาวุโสนั้นแน่วแน่ ข้าไม่อาจจะเกลี้ยกล่อมเขาได้เลย….”
ลั่วชามองไปที่ต้าฮวงและพูดขึ้น “ ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็รับภารกิจนั้นให้เราด้วย”
ต้าฮวงจ้องมองลั่วชาด้วยท่าทีกังวล “ ท่านลั่วชา อย่าหุนหันไป”
คนในทีมต่างก็พากันตกใจและรีบพูดขึ้น “ หัวหน้า อย่าหุนหันไป !”
“ ทีมคังเฉียงน่ะบ้าไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องบ้าตามพวกนั้น”
“ เราไม่กลัวตายก็จริงแต่หากเราตายในดินแดนของพวกนั้นคงไม่คุ้มค่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคนในทีม ลั่วชาก็มองไปที่พวกนั้นก่อนจะถามขึ้นมาว่า “ พวกเจ้ากลัวรึ ?”
ทุกคนต่างก็นิ่งไป ก่อนจะพากันตอบกลับ “ ใครบอกว่าเรากลัว ? เราแค่คิดว่ามันไม่คุ้ม….”
“ ใช่ ! ภารกิจนี้อันตราย แถมค่าจ้างก็ไม่ได้สูงกว่าภารกิจอื่นนัก มันไม่คุ้มค่า”
“ หัวหน้า ท่านลองคิดทบทวนดีๆ ”
กลัวน่ะแน่นอนว่ากลัว แต่ทุกคนไม่อาจจะยอมรับออกมาได้
“ พวกเจ้าจะตามข้าไปหรึอว่าออกจากทีมก็เลือกเอาก็แล้วกัน ” ลั่วชาพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถอนตัวออกจากทีม โดยเฉพาะพวกที่อยู่มานาน ทีมนี้เหมือนกับบ้านของพวกเขา และทุกคนในทีมก็เหมือนกับญาติของพวกเขา จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่อาจจะถอนตัวได้
เมื่อเห็นทุกคนเงียบ ลั่วชาก็มองไปยังต้าฮวง “ เร็วเข้า”
ต้าฮวงไม่อาจจะเกลี้ยกล่อมลั่วชาได้ เขาได้แต่ต้องรับภารกิจให้กับนาง
“ ข้ารับให้เจ้าแล้ว ” หลังจากนั้นสักพักต้าฮวงก็เก็บหยก
ลั่วชาพยักหน้าและถามขึ้น “ พวกนั้นไปทางไหน ?”
ต้าฮวงชี้ไปที่ทางหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ ทางนั้น ”
“ ไปกันเถอะ ” ลั่วชาไม่ลังเล นางรีบเดินทางออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าทีมลั่วชาจากไปแล้วต้าฮวงก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ วันนี้มันอะไรกัน…ไม่มีใครถามเรื่องภารกิจนี้มานานแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีทีมระดับราชาสองทีมรับภารกิจนี้ไป…”
แต่ในใจเขาก็สงสัย เขาไม่รู้ว่าทีมลั่วชาจะตามทีมคังเฉียงทันรึไม่ ไม่รู้เลยว่าทีมระดับราชาทั้งสองทีม ทีมไหนจะทำได้ดีกว่ากัน ?
ในด้านความแข็งแกร่งแล้วทีมคังเฉียงอาจจะแกร่งกว่ามาก แต่ทีมลั่วชานั้นมีหัวหน้าที่แข็งแกร่ง นางมีความสามารถที่น่าทึ่งในสนามรบ บางทีอาจจะไม่แพ้ให้กับทีมคังเฉียงก็ได้
ลั่วชาคือหนึ่งในคนระดับสูงที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ !
หากมองทั้งทะเลโกลาหลแล้ว ลั่วชาก็คือคนแข็งแกร่งคนหนึ่ง ดังนั้นต้าฮวงจึงไม่กล้าตัดสินว่าทีมคังเฉียงจะเอาชนะทีมลั่วชาไปได้
หลักๆแล้วเพราะจางหยูยังไม่แสดงฝีมือออกมา จึงทำให้ต้าฮวงไม่อาจจะตัดสินความแข็งแกร่งของจางหยูได้ หากเขาได้รู้ว่าผลการทดสอบของจางหยูว่าเป็นสีขาว เขาคงไม่คิดแบบนี้แน่
….   ทะเลโกลาหลอันไร้ที่สิ้นสุด
เขต 6 เป็นเหมือนกับหยดน้ำในทะเล เมื่อผ่านเขต 6 มาได้ คนของสำนักคังเฉียงก็บินต่อมาเกือบครึ่งเดือน พวกเขาผ่านเขตที่พักต่างๆก่อนจะมาถึงแนวหน้าของสนามรบ ที่นี่คือเขตสงครามแห่งโชคชะตา !
เขตสงครามนี้คือสนามรบระหว่างเผ่าสวรรค์กับเผ่าชีวิต ในทะเลโกลาหลแล้วมันมีเขตสงครามแห่งโชคชะตาอยู่ 4 แห่ง และนี่คือเขตสนามรบระหว่างกองทัพซื่อเซียวกับเผ่าสวรรค์ ซึ่งมันถูกเรียกว่าเขตสงครามที่ 4
เมื่อมันมีเขตสงครามที่ 4 จึงเป็นธรรมดาที่จะมีเขตสงครามที่ 1 , 2 และ 3
แต่เขตสงครามที่เหลือนั้นอยู่ในพื้นที่ของจักรพรรดิคนอื่น มันอยู่ห่างไกลจากที่นี่
ไม่นานมานี้เผ่าสวรรค์และเผ่าชีวิตเพิ่มเริ่มสงครามครั้งใหญ่ไป ตอนนี้อยู่ในช่วงเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่าย ในเวลาสั้นๆคงยากจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมา
ตอนนี้ที่ชายแดนของเขตสงครามที่ 4 สามารถมองเห็นทหารของกองทัพซื่อเซียว และทหารจากเผ่าสวรรค์ที่อยู่อีกด้านอย่างชัดเจน
ซึ่งทหารของทั้งสองฝ่ายต่างก็แยกกันอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าห้ำหั่นกัน
“ พวกนั้นทำอะไร ?” คนของสำนักคังเฉียงพากันมองไปที่ทหารทั้งสองฝ่ายด้วยความสงสัย ไม่ว่าจะเป็นทหารของกองทัพซื่อเซียวรึเผ่าสวรรค์ต่างก็ทำแค่เดินไปมาที่ชายแดน ราวกับว่าคอยคุ้มกันบางอย่าง แต่ชัดแล้วว่าพวกนั้นไม่ได้ระวังกันเองแต่กลับเป็นระวังอย่างอื่นแทน
ในตอนที่คนของสำนักคังเฉียงเดินทางเข้าไปที่นั่น คนของกองทัพซื่อเซียวก็ได้เข้ามาหา
ผู้บัญชาการป้องมือให้กับคนของสำนักคังเฉียงแล้วพูดขึ้น “ ข้าขอถามทีว่าพวกท่านมาจากทีมไหน ?”
เขามองไปรอบๆและพบตราระดับราชา เขาถึงกับสงสัยขึ้นมาว่าโกลาหลซื่อเซียวมีทีมระดับราชาเพิ่มมาตอนไหนกัน ?
“ เราเป็นคนของทีมคังเฉียงทั้งหมด ข้าคือหัวหน้าทีม จางหยู ” จางหยูแนะนำตัวและอธิบายออกมา “ พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ ?”
ผู้บัญชาการได้ตอบกลับทันที “ ข้าคือผู้บัญชาการฝ่ายเฝ้าระวัง…เจียงจั่ว”
“ ฝ่ายเฝ้าระวังรึ ?” จางหยูสงสัยขึ้นมา
“ สิ่งที่เรียกว่าฝ่ายเฝ้าระวังคือกองกำลังพิเศษของกองทัพซื่อเซียว หน้าที่ของเรามีแค่อย่างเดียวก็คือจับตาดูการเคลื่อนไหวของกุยหลิง เราไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย “ เจียงจั่วอธิบายออกมา “ จักรพรรดิต่างก็มีกองกำลังพิเศษนี้ เผ่าสวรรค์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หน้าที่ของเรามีแค่คอยเฝ้าระวังกุยหลิง งานที่เหลือเราไม่ต้องรับผิดชอบอะไร”
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าสวรรค์และเผ่าชีวิตคือ….กุยหลิง
ความน่ากลัวของกุยหลิงนั้นคงไม่ต้องพูดซ้ำ
“ ฝ่ายเฝ้าระวัง ฟังดูน่าสนใจดี “ จางหยูคิด
จะบอกว่าพวกนี้คือยามก็ไม่แปลก
หากไม่มียามพวกนี้อยู่ งั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันและมีกุยหลิงฝ่าเข้ามา ทหารของทั้งสองฝ่ายก็ต้องพบกับหายนะ
“เผ่าสวรรค์เหล่านั้นก็เป็นพวกเฝ้าระวังรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
เจียงจั่วพยักหน้า “ ใช่ พวกนั้นก็เหมือนกับเรา”
“ เจ้าเคยพบกุยหลิงรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นอีก
เจียงจั่วเงียบไปสักพักและส่ายหน้า “ คนที่พบกุยหลิงนั้นโอกาสที่จะรอดเป็นศูนย์ นอกจากคนที่โชคดีจริงๆ แล้ว คนอื่นๆล้วนไม่รอด หลายสิบล้านปีก่อนมีฝ่ายเฝ้าระวังพบกุยหลิงเข้า พวกเขาโดนกำจัดจนเกือบหมด มีแค่สามคนเท่านั้นที่รอดไปได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ก่อตั้งหน่วยนี้ขึ้นมาใหม่”
ค่าจ้างของยามพวกนี้สูงกว่าทหารในกองทัพซื่อเซียวมาก แต่มันคืองานที่อันตรายที่สุด
ทุกคนต่างก็ภูมิใจที่ได้เข้าร่วมกองทัพซื่อเซียว แต่ก็กลัวที่จะรับหน้าที่ในหน่วยนี้
โชคดีที่ยามเหล่านี้ไม่ได้มีกำหนดตายตัว มันจะสลับกันไปเรื่อยๆ ไม่งั้นแล้วคงไม่มีใครคิดจะเข้าร่วมหน่วยนี้แน่
บอกได้ว่านี่คือการเอาชีวิตมาเสี่ยง หากชนะพวกเขาก็จะรอด หากแพ้พวกเขาก็ตาย
นี่ถือว่าเป็นภารกิจพิเศษของพวกเขาเลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้ทหารของเผ่าสวรรค์หรือเผ่าชีวิตก็จะไม่แตะต้องยามของอีกฝ่าย
“ พวกเจ้าพยายามกันได้ดีจริงๆ” จางหยูมองไปที่เจียงจั่วด้วยท่าทีสุภาพกว่าเก่า ไม่ว่าเจียงจั่วจะเต็มใจรับหน้าที่นี้รึไม่ แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความดีของเขาได้
หลังจากพูดคุยกับเจียงจั่วได้สักพัก จางหยูก็หยุดรบกวนพวกนั้นและพาคนอื่นๆเดินทางกันต่อ
เจียงจั่วมองดูแผ่นหลังของคนจากสำนักคังเฉียงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ ทีมคังเฉียงรึ ? ทีมนี้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พวกนี้ถึงกับกล้าพอที่จะเข้าไปในดินแดนสวรรค์…”
��
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท