บทที่ 333 ผมก็อยากกิน
เห็นเคลลี่ลั่วหัวเราะจนเซไปข้างหลัง ไลลาก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! ทำไมยังมีคนแบบนี้อีก นายไม่ยอมรับก็ช่างมันเถอะ แต่ทำไมยังมาโกหกอีกช่างเป็นวิธีที่อ่อนหัดเหลือเกิน! ”
“ไม่ ไม่ คุณภรรยา ผมไม่ได้โกหกจริงๆ” เคลลี่ลั่วอธิบายพร้อมยิ้มออกมา เขาพูดพลางควักมือถือออกมา “นี่ มือถือเครื่องนี้แหละที่ส่งข้อความนั่น ไม่เชื่อคุณก็ลองเปิดดู”
ไลลามองเคลลี่ลั่วตาขวาง โทรกลับไปยังเบอร์มือถือที่ส่งข้อความมาให้เคลลี่ลั่ว เป็นอย่างที่เขาว่า มือถือเครื่องนั้นดังขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?” ไลลาถามอย่างไม่เข้าใจ
เคลลี่ลั่วหัวเราะแหะๆ “คุณภรรยาสุดที่รัก ช่วงนี้คุณมัวยุ่งอยู่แต่กับเรื่องของลูก ผมรู้สึกเหมือนโดนทิ้งไว้ข้างหลัง นี่มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย ผมเลยอยากจะเรียกร้องความสนใจจากคุณ ก็เลยจงใจส่งข้อความที่แสดงความคลุมเครือแบบนั้นให้ตัวเอง ผมอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วผมอยู่ตรงไหนในใจคุณ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณก็หึงเป็นนิ อีกอย่างผมน่าจะเข้าไปอยู่ในใจคุณบ้างแล้วแหละ”
ไลลาเขินจนหน้าแดง เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเคลลี่ลั่วจะไม่มีอะไรทำจนทำเรื่องแบบนี้ บ้าไปแล้วจริงๆ
เคลลี่ลั่วพูดต่อ “คุณภรรยา ผมก็คือเจ้าแมวน้อยแสนอ่อนโยนเอง รอผ่านเที่ยงคืนอันพร่ามัวไปพร้อมกับเธอไง ไม่รู้ว่าเธออยากจะผ่านค่ำคืนไปกับผมไหม”
ไลลาคิดไม่ถึงว่าเคลลี่ลั่วไม่แม้แต่จะอาย หนำซ้ำยังหน้าไม่อาย กลางวันแสกๆ ยังจะพูดเรื่องแบบนั้น หน้าไม่อายจริงๆ เลย!
เธอหน้าแดง ก้มหน้างุด พูดเบาๆ ว่า “ใครอยากจะยอมผ่านค่ำคืนไปกับนาย ฝันไปเหอะ!”
มือใหญ่หนาคว้าเอวบางของไลลา พูดแบบเกิดอารมณ์ “แต่ผมคิดถึงคุณจนจะบ้าตายแล้ว คุณภรรยา คุณยอมๆ เถอะน่า เป็นของผมเหอะนะ”
“น่าเกลียด!”
ไลลาดุเคลลี่ลั่ว ท่าทีเขินอายของเธอกลับเป็นการเชิญชวนที่น่าดึงดูดที่สุดในสายตาเคลลี่ลั่ว เคลลี่ลั่วกอดไลลาไว้ทันที เขาก้มลงมอบจูบที่น่าหลงใหลให้กับไลลา
ประจวบเหมาะกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง สายลมอุ่นพัดผ่านมาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ พัดพาเอากลิ่นหอมที่ทำให้คนลุ่มหลงไปชั่วขณะ
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านต่อให้นานขึ้น เสียงร้องจากเด็กน้อยในเปลก็ดังขึ้น “อุแว้” เสียงร้องดังลั่น
ไลลาผละออกจากเคลลี่ลั่วทันที “ลูกตื่นแล้ว ลุกขึ้นมาเร็ว”
เคลลี่ลั่วทำได้เพียงปล่อยไลลาออก “ไลลา คุณคิดว่าเด็กนี่ตั้งใจขัดจังหวะหรือเปล่า รอให้เขาโตก่อนผมจะจับเขามาตีก้น!” เขามองกางเกงตัวเองที่เป้าตุงอยู่อย่างเขินๆ เดินไปดูลูกด้วยกันกับไลลา
ไลลาเลิกเสื้อขึ้นเพื่อจะให้นมลูก
เคลลี่ลั่วเมื่อเห็นความขาวเนียนนุ่มนั้น ก็สูดหายใจเฮือก ลูกกระเดือกขยับไม่หยุด เห็นลูกที่กำลังดูดนม เขาถึงกับกลืนน้ำลายตาม!
“คุณภรรยา……” เขาขยับเข้าไปใกล้ไลลา เอามือจับนมอีกข้างของเธอ “ผมก็อยากกินด้วยอะ”
ไลลาหน้าแดงก่ำ “ไปไกลๆ เลย!”
เคลลี่ลั่วเกาะไลลาติดหนึบเหมือนลูกอมหนิวผี สุดท้ายเธอก็ถูกเขาชิมไปหนึ่งคำ
ไลลาอายจนต้องหาที่หลบ แต่กลับได้ยินผู้ชายโม้กันว่า “หวานมาก มิน่าล่ะเด็กนั่นพอได้กินนมแล้วก็เงียบทันทีเลย”
ท้องฟ้าสีครามสดใสราวกับน้ำ เครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กลำหนึ่งกำลังบินผ่านกลุ่มเมฆขาวไปอย่างมั่นคง จุดหมายปลายทางคือกรุงโรมประเทศอิตาลี
ขณะอยู่บนเครื่องบิน คณพศตั้งตารอการไปกรุงโรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก ใช้เวลาไม่นาน เขาก็ถึงบริษัทที่มีผลงานการออกแบบที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของนารา
เพื่อที่จะทำให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น ยชญ์วางเรื่องทุกอย่างลงและรับหน้าที่เป็นองครักษ์ พาคณพศไป บริษัทTM
“คณพศอีกครึ่งชั่วโมงกว่าก็จะถึงกรุงโรมแล้ว” ยชญ์ยกแก้วเหล้าขึ้นมาเป็นการฉลองให้กับคณพศล่วงหน้า “ต่อไปนายจะเจอภรรยาของนายอย่างสวัสดิภาพ ชน!”
ดูผิวเผินเหมือนว่าสภาพจิตใจของคณพศจะดีขึ้น เขายกแก้วขึ้น “แน่นอน อีกไม่นานก็จะได้เจอนาราแล้ว ฉันเชื่อว่าดีไซเนอร์คนนี้จะต้องเป็นนาราอย่างแน่นอน แต่ฉันก็รู้สึกกังวลใจเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ออกจากบ้านไปที่ไกลๆ น่ะ”
คำพูดของคณพศชวนให้ยชญ์ขำขึ้นมา “ฮ่าฮ่า คณพศ ถ้าภรรยาของนายรู้ว่านายเป็นกังวลขนาดนี้ จะต้องขำตายแน่ๆ” เขามีความสุขจนหัวเราะออกมา นานแล้วที่ไม่เห็นท่าทีของคณพศเป็นแบบนี้
“งั้นให้เธอขำน่ะดีแล้ว แค่ให้เธอมีความสุข แค่หาเธอเจอ ให้เธอหัวเราะได้ตามสบายเลย” คณพศพูดมันออกมาจากห้วงลึกในใจ ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเมฆขาวลอยอยู่ คล้ายกับเห็นใบหน้าของนาราที่ทำให้คนหลงใหล
เมื่อเห็นสายตาที่กำลังครุ่นคิดของคณพศ ยชญ์จึงไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นจึงหมุนตัวเดินไปห้องนักบิน เพื่อเร่งนักบินให้เพิ่มความเร็วเครื่องบินขึ้นหน่อย เพราะว่าคณพศแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ในขณะเดียวกันบริษัทTM ก็ยุ่งเหยิงเสียแล้ว เจ้าของบริษัทนี้ชื่อว่าวิลเลียม อายุครึ่งร้อย รูปร่างขาวๆ อ้วนๆ ใบหน้าอมชมพูมักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ
เดิมร้านของวิลเลียมเป็นเพียงร้านเล็กๆ ที่ทำเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ต่อมาเนื่องจากเสื้อผ้าสวยและราคาถูก ไม่นานก็มีกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกและทำให้เขามีเงินก้อนแรกในชีวิต
จากนั้นเขาก็ใช้โอกาสที่ธุรกิจกำลังไปได้ดีจดทะเบียนบริษัทเสื้อผ้า แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าการเปิดบริษัทมีค่าใช้จ่ายมากมาย เสื้อผ้าของเขาขายได้ดีตามท้องถนนทั่วไป แต่เมื่อเปิดบริษัทแบบจริงจังเพื่อที่จะตีตลาด ทำให้เขารู้ว่ายังมีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจอีกมากมาย
ผ่านไปไม่นาน เงินก้อนแรกที่เขาหาได้ถูกใช้จนแทบจะไม่เหลือแล้ว อีกทั้งเสื้อผ้าที่เขาทำสไตล์ไม่ทันสมัยเลยไม่ดึงดูดความสนใจของลูกค้าวัยรุ่น เงินทุนก็ไม่พอจะหมุนเวียน เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ภายใต้วงจรที่โหดร้ายนี้ บริษัทของเขาก็ใกล้จะต้องปิดตัวลง
ในช่วงวิกฤตนี้ ได้นาราเข้ามาในบริษัทพอดี เมื่อเธอเข้ามาในบริษัทเธอก็รีบอัปเดตเสื้อผ้าแฟนชั่นผู้หญิงแบบใหม่ล่าสุด เสื้อผ้าที่ขายออกไปทุกแบบได้รับความนิยมอย่างล้นหลามหนำซ้ำยังถึงขั้นสินค้าไม่พอกับความต้องของลูกค้าอีกด้วย
การมาของเธอช่วยบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย วิลเลียมรู้สึกขอบคุณนาราเป็นอย่างมาก เลื่อมใสเธอเราวกับเป็นเทพเจ้าให้กราบไหว้อย่างไรอย่างนั้น
วิลเลียม รูปร่างใหญ่ อุปนิสัยเป็นคนที่เปิดเผย เพราะว่านารามาช่วยบริษัทของเขา เขาเคยไปคุยกับนาราเพื่อที่จะแบ่งหุ้นของบริษัทให้เธอส่วนหนึ่ง
แต่นารากลับเสนอเงื่อนไขของตัวเอง ทุกๆ เดือนเธอรับหน้าที่ในการร่างแบบภาพให้บริษัท เธอรับเพียงเงินเดือนที่บริษัทจ่ายให้กับดีไซเนอร์ เงื่อนไขเดียวของเธอก็คือ ห้ามเอาข้อมูลส่วนตัวของเธอไปแพร่งพรายที่ไหน เงื่อนไขที่นาราเสนอมานั้น ทำให้วิลเลียม ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเดี๋ยวนี้ดีไซเนอร์ทั้งหลายไม่ขอชื่อเสียงก็ขอผลประโยชน์ ใครที่ไหนจะซ่อนตัวเพราะกลัวคนอื่นเห็นผลงานตัวเองกัน?