ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1869 : คำถามของลั่วชา

ตอนที่ 1869 : คำถามของลั่วชา
  บางทีเพราะกังวลว่าแรนเดลจะไล่ตาม ทีมคังเฉียงและทีมลั่วชาจึงไม่ได้หยุดพักเลยจนกระทั่งออกมาจากอาณาเขตของเผ่าสวรรค์ได้
ระหว่างทางพวกเขาเจอทหารเผ่าสวรรค์อยู่บ้าง แต่ทีมคังเฉียงและทีมลั่วชาก็ไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นและยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ยังไงซะแม่ทัพของเผ่าสวรรค์ก็จับตามองอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
ขามาพวกเขาใช้เวลาหลายวัน แต่ขากลับกลับใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ออกมาจากอาณาเขตของเผ่าสวรรค์ได้
” เฮ้อ…ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว ” ทีมคังเฉียงต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อ้าวอู่เหยียนพูดด้วยท่าทีเสียดาย ” น่าเสียดาย ระหว่างทางเจอทหารเผ่าสวรรค์ตั้งมากมาย แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ”
คนอื่นๆเองก็เสียดายเช่นกัน พวกเขาพยายามกันอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ต้องหนีออกมาก่อนที่จะจัดการกับพวกนั้นได้ทั้งหมด
คนในทีมลั่วชาได้พูดขึ้นมา ” รอดมาได้ก็ดีแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะชิงอาณาเขตนี้มาได้รึ ? ”
อีกคนพูดขึ้น ” อย่าเห็นว่าพวกเจ้าฆ่าทหารของเผ่าสวรรค์ไปจำนวนมาก จะทำให้พวกนั้นวุ่นวาย แต่อันที่จริงแล้ว พวกเจ้ายังเข้าไปไม่ถึงพื้นที่หลักของพวกนั้นด้วยซ้ำ…”
หยวนเทียนจีคิ้วขมวด ” หมายความว่ายังไง?”
” อาณาเขตที่พวกมันประจำการอยู่ในตอนนี้ เคยเป็นพื้นที่ของโกลาหลซื่อเซียวมาก่อน พื้นที่เหล่านั้นเคยอยู่ใต้การปกครองของจักรพรรดิซื่อเซียว แต่ต่อมาก็ถูกเผ่าสวรรค์ยึดครองไป ” คนในทีมลั่วชาอธิบาย ” นอกจากโกลาหลที่กำเนิดขึ้นมาตามธรรมชาติแล้ว โกลาหลที่ถูกสร้างโดยเผ่าชีวิตล้วนแต่โดนเผ่าสวรรค์ทำลาย โกลาหลอื่นๆที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้คือโกลาหลที่ไม่มีเจ้าของ ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันหดหู่ขึ้นมา
” เกิดอะไรขึ้นกับจ้าวโกลาหลที่ไม่มีโกลาหล ? ” หยวนเทียนจีลังเลและเอ่ยถามขึ้นมา
คนที่ตอบคำถามนี้คือลั่วชา ” ระดับการบ่มเพาะหยุดไปตลอดกาล จิตได้รับความเสียหายอย่างหนัก ระดับการบ่มเพาะลดลงและไม่อาจจะฟื้นฟูกลับมาได้ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทีมคังเฉียงต่างก็พากันเงียบไป
พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะสิ้นหวังขนาดไหน หากไม่สามารถพัฒนาการบ่มเพาะหรือระดับการบ่มเพาะต้องลดลง
” การต่อสู้ของจ้าวโกลาหลโหดร้ายกว่าที่พวกเจ้าคิดเอาไว้อย่างมาก ” ลั่วชาจ้องมองทีมคังเฉียงแล้วกล่าวต่อไปว่า “สภาพแวดล้อมของเผ่าชีวิตนั้นแย่กว่าที่พวกเจ้าคิดเอาไว้หลายเท่า คนส่วนใหญ่มองเห็นแค่ความสงบและความเจริญของโกลาหลซื่อเซียว แต่กลับไม่เคยเห็นความโหดร้ายในสนามรบแนวหน้า ”
นอกซะจากว่าเผ่าสวรรค์จะหายไป ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีความสงบสุขอย่างแท้จริง
เย่ฟานถอนหายใจออกมา ” ข้าคิดถึงประโยคหนึ่งที่บ้านเกิด ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสงบสุข ที่รู้สึกเช่นนั้นได้เพราะมีคนรับหน้าที่แบกภาระให้แทน”
คนในกองทัพซื่อเซียวนั้นน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก หากไม่มีพวกเขาคอยขวางกั้น กองทัพของเผ่าสวรรค์คงบุกรุกเข้ามาแล้ว ทั้งโกลาหลซื่อเซียวก็จะถูกขยี่เป็นชิ้นๆภายใต้คมเขี้ยวของพวกมัน จากนั้นเปลวไฟสงครามก็จะกลืนกินไปทั่วทุกแห่งหน
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ฟาน ลั่วชาก็ใจสั่นขึ้นมา ” นี่คือเหตุผลที่กองทัพซื่อเซียวถึงได้รับความเคารพ ”
ที่ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของกองทัพซื่อเซียว ไม่ใช่แค่เพราะความแข็งแกร่งของกองทัพซื่อเซียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะกองทัพซื่อเซียวรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังต้านทานการโจมตีของเผ่าสวรรค์เอาไว้เพื่อแลกกับความสงบสุข
แน่นอนว่าบางคนถูกดึงดูดด้วยค่าจ้างที่กองทัพซื่อเซียวมอบให้ แต่ไม่ว่าจะมีเป้าหมายอะไร มันก็ไม่อาจจะลบล้างผลงานที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาต่อมวลมนุษย์ได้
” เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องหนักๆกันเถอะ ว่าแต่น้องชาย พวกเจ้าจะไปที่ไหนกันต่อ ? ” คนในทีมลั่วชาถามขึ้นมา
หยวนเทียนจีพูดขึ้น ” เราตั้งใจจะกลับไปที่สถานีกองทัพซื่อเซียวก่อน ”
” แล้วยังไงต่อ ? ”
” รอ ”
” รออะไร ? ”
” รออาจารย์กลับมา ”
” ข้าขอถามเจ้าหน่อย ใครคืออาจารย์ของเจ้า ?”
” หัวหน้าทีมของพวกเรา ” หยวนเทียนจีตอบกลับด้วยท่าทีสุขุม ” แต่อาจารย์ชอบให้เรียกว่าเจ้าสำนักมากกว่า “  ลั่วชามองไปที่หยวนเทียนจี ” แล้วหัวหน้าพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ?”
ที่นางมายังอาณาเขตของเผ่าสวรรค์ก็เพื่อมาพบกับทีมคังเฉียง นางอยากรู้ว่าทีมคังเฉียงโดดเด่นจริงรึไม่ ซึ่งแน่นอนว่าทีมคังเฉียงนั้นโดดเด่นจริงๆ พวกนี้ถึงกับแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดเอาไว้ แม้แต่ซือหมิงก็ยังต้องบาดเจ็บเพราะการร่วมมือกันของพวกนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทีมลั่วชาจะเทียบได้ แม้ว่านางจะลงมือด้วยตัวเองแต่ก็ไม่อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้
ทีมคังเฉียงเป็นทีมที่แทบไม่มีจุดอ่อนเลย ทั้งทีมคังเฉียงนั้น มีตัวถ่วงแข้งถ่วงขาแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆล้วนทัดเทียมกับผู้บัญชาการ หรือผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าหากพวกเขาเผชิญหน้ากัน ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันหรือแม้แต่นางลงมือเอง แต่เกรงว่าคงรับมือทีมคังเฉียงไม่ได้
เมื่อเห็นทีมคังเฉียง เป้าหมายในการมาของนางก็ถือว่าสำเร็จแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เพราะยังไม่ได้พบกับหัวหน้าทีมคังเฉียง
นางสงสัยว่าตัวตนแบบไหนกันที่สร้างทีมที่แข็งแกร่งขนาดนี้ขึ้นมาได้ สมาชิกในทีมต่างก็อยู่ระดับผู้บัญชาการทั้งนั้น แล้วหัวหน้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?
ก่อนที่จะได้พบกับทีมคังเฉียง นางรู้สึกไม่พอใจมาก นางอยากเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของทีมคังเฉียง เมื่อได้เห็นทีมคังเฉียงแล้ว มันก็ยิ่งทำให้นางสงสัยในตัวหัวหน้าลึกลับของทีมนี้ยิ่งกว่าเก่า
” ใช่ หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ?” คนในทีมลั่วชาถามขึ้นมา ” ตอนที่แม่ทัพปรากฏตัว เขาก็ไม่ยอมออกมา ไม่ใช่ว่าเขาหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวรึ ? ไม่งั้นแล้วเหตุใดเขาถึงไม่ปรากฏตัวอีก ?”
ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่ทีมคังเฉียงก็ไม่ได้โกรธ พวกเขาราวกับได้ยินเรื่องตลก
เย่ฟานได้พูดขึ้นมา ” พวกเจ้าไม่รู้จักอาจารย์ การที่จะสงสัยนั้นเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เรื่องตลกเช่นนี้เจ้าไม่ควรพูดออกมาอีก มันน่าตลกจริงๆ ”
” อาจารย์ของเจ้าแข็งแกร่งมากรึ ?” คนในทีมลั่วชายักคิ้ว
” เราไม่อาจจะบอกอะไรได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ ” เย่ฟานมองไปที่อีกฝ่ายและพูดขึ้น ” มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าอยู่แล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ”
” เจ้านี่ปากแข็งจริงๆ ” ชายคนเดิมรู้สึกจนใจเล็กน้อย
เขาไม่มีทางคิดว่าหัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นจะเป็นคนกระจอก การสร้างทีมที่แข็งแกร่งแบบนี้ขึ้นมาได้ ยิ่งระดับการบ่มเพาะของหยวนเทียนจี, เย่ฟาน, อู่โม่และคนอื่นๆเกือบจะถึงระดับผู้บัญชาการใหญ่ได้นั้น ในฐานะหัวหน้าทีมจะอ่อนแอได้ยังไง ?
หากลองคิดดูดีๆแล้วก็พอเดาออกว่าหัวหน้าทีมนี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างมาก
เพียงแค่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหนนั้น พวกเขาไม่อาจจะเดาได้
การหาข้อมูลจากทีมคังเฉียงคงเป็นเรื่องยาก ไม่คิดเลยว่าทีมที่เพิ่งก่อตั้งจะเป็นทีมที่กลมเกลียวกันเช่นนี้
” บางที…พวกเราอาจจะดูถูกหัวหน้าพวกเจ้าเกินไป ” ลั่วชาเหมือนนึกบางอย่างออกและพูดขึ้นมาว่า ” ข้าสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของแรนเดล มันเกี่ยวข้องอะไรกับเขารึไม่ ”
คนในทีมลั่วชาต่างก็พากันอึ้งไปเช่นกัน ” คงจะไม่ใช่หรอก ? ”
” แม่ทัพแรนเดล ! ” คนในทีมลั่วชาพูดขึ้น ” นอกจากจักรพรรดิทั้งเก้า หากมองทั้งทะเลโกลาหลแล้วแน่นอนว่าแรนเดลถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ฐานะของเขาทัดเทียมกับแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวได้ ที่นี่ยังเป็นอาณาเขตของเผ่าสวรรค์ด้วย หัวหน้าทีมคังเฉียงยิ่งใหญ่ซะจน ทำให้แรนเดลยอมแพ้ในอาณาเขตตัวเองเลยรึ ? ”
ถึงแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวจะมาเองแต่ก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ !
” นั่นคือสิ่งที่ข้าหาคำอธิบายไม่ได้ ” ลั่วชาขมวดคิ้วและพูดขึ้นอีก ” แรนเดลยอมปล่อยเรามา แน่นอนต้องไม่ใช่เพราะความเมตตา มันต้องมีเหตุผลที่บังคับให้เขาทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น มันมีอะไรที่คุกคามเขา จนทำให้เขาต้องปล่อยเรามา?”
ทีมคังเฉียงพากันแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา พวกเขาอยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องทนเอาไว้
หลังจากฟังที่ลั่วชาวิเคราะห์แล้ว พวกเขาก็พอเดาความจริงของเรื่องนี้ออก แต่ไม่อาจจะเปิดเผยความจริงออกมาได้ ยิ่งพวกเขาฟังคนในทีมลั่วชาวิเคราะห์ พวกเขาก็ยิ่งอยากจะหัวเราะ
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท