ตอนที่ 349 ข่าวฉาวสะพัดอีกครั้ง…
“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ นารา ฉันรอได้ จริงๆ นะ เธอรับมันไม่ไหวในตอนนี้ฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะค่อยๆ รอไป จนกว่าเธอจะยอมรับความรู้สึกของฉัน เธอไม่ต้องรู้สึกกดดันอะไรหรอก ที่ชอบเธอมันก็เป็นเรื่องของฉันเอง ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องถูกชอบกลับหรอกนะ ขอแค่ได้เฝ้ามองเธออยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”
มองแววตาจริงใจของเคนโด้ นารารู้สึกผิดมาก หัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยคณพศมาตั้งนานแล้ว ให้ใครเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว
แต่เธอก็รู้ถึงความดื้อรั้นของเคนโด้ดี เฮ้อ ดูเหมือนจะไม่มีทางแล้ว เธอคงไม่อาจเห็นแก่ตัวปล่อยให้เคนโด้เสียสละตัวเองคนเดียวไปทั้งชีวิตหรอก
นารารู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที แอบตัดสินใจลับๆ จะต้องรีบออกห่างจากเคนโด้ให้เร็วที่สุด จะให้เขาตกลงมาอีกไม่ได้เด็ดขาด
“เคนโด้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย แต่ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ขอโทษนายคงไม่ได้ เพราะฉันไม่สามารถตอบสนองความรู้สึกของนายไม่ได้จริงๆ ได้แต่ขอโทษนาย แต่ก็หวังว่านายจะพบความสุขของตัวเองได้โดยเร็วนะ”นาราเอ่ยอย่างจริงใจ
เคนโด้รู้สึกอ้างว้างในใจ เขาไม่อยากฟังนาราเอ่ยคำขอโทษกับตัวเองอีกแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าของนาราที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง เคนโด้ยื่นมือออกไปบีบจมูกนารา “ยัยบ้า คนอื่นเขากำลังปลอบโยนหัวใจที่เจ็บปวดของเธออยู่แท้ๆ ฟูมฟายกับเธอไปจนเช้า เธออย่าคิดมากนักได้ไหม?”
ในเมื่อนาราไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เพื่อไม่ให้เธอหนักใจ เคนโด้จึงตัดสินใจฝังความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจชั่วคราว เชื่อว่าสักวัน เขาจะรอจนถึงวันที่นาราเปลี่ยนใจกลับมา
ส่วนนาราที่กำลังกังวลอยู่นั้นก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา คิดว่าคำพูดเมื่อครู่ของเคนโด้นั้นเพื่อปลอบใจเธอจริงๆ ทันใดนั้นความยุ่งเหยิงที่รู้ว่าคณพศมีแฟนใหม่ก็โล่งไปมากทีเดียว และรู้สึกดีขึ้นมามาก
เธอหยิบพู่กันขึ้นมา มองเคนโด้อย่างนึกสนุก “เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะตอบแทนนาย ฉันจะวาดภาพเหมือนให้นายฟรีเลย”
“ดีสิ”เคนโด้สนใจขึ้นมา นั่งลงบนเก้าอี้พนักพิงตัวยาว เป็นแบบให้นาราวาดภาพเต็มที่
พวกเขาเลิกพูดเรื่องของคณพศที่เมืองธิตกลไปโดยปริยาย ความสุขเกิดขึ้นมาชั่วขณะ แต่เรื่องมากมาย ก็ไม่ใช่ว่าปิดปากเงียบแล้วมันจะไม่มีอยู่จริง
*
เมืองธิตกล หลายวันมานี้คณพศแทบจะกลายเป็นคนรักกับปาปารัสซี่ทั่วเมืองธิตกลไปแล้ว พวกเขาติดตามการเคลื่อนไหวของคณพศทุกการเคลื่อนไหว อย่างกับเฝ้าระวังตลอด24ชั่วโมง ทั้งหมดต่างคชต้องการที่จะเก็บข้อมูลความใกล้ชิดหวานแหววของคณพศและ เจมม่า ให้ได้เป็นคนแรก
หน้าโรงแรมที่หรูหราที่สุดของเมืองธิตกล ด้านในที่ฟุ้งเฟ้อ โอ่อ่างามสง่า ส่วนด้านนอกนั้น เหล่าปาปารัสซี่เป็นกองทัพกำลังเงียหูฟังการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง หมอบรอเวลาให้คณพศจูงมือ เจมม่า ออกมาจากโรงแรม
“โอเค พวกเราก็รอมาตั้งหลานวันแล้ว ยังไม่เห็นคณพเดินจูงมือสาวต่างชาติคนนั้นออกมาเลย จะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย?!” นักข่าวสำนักพิมพ์คนหนึ่งที่รับหน้าที่เฝ้าดู โมโหกับการปกปิดข่าวอย่างแน่นหนาของคณพศแบบสุดๆ
นักข่าวอีกคนตบหัวเขาไปทีหนึ่ง “คิดอะไรอยู่น่ะ? คนเขาเป็นคนใหญ่คนโต สื่อนับไม่ถ้วนต้องการจะสัมภาษณ์ก็ยังทำไม่ได้ เขาจะจงใจเดินออกมาให้นายรึไง? โง่รึเปล่า?”
“ก็คือ คนรวยพวกนี้มีลูกไม้เยอะแยะ บางอย่างที่ให้คนเห็นไม่ได้จำเป็นจะต้องปกปิด ได้เห็นนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เลวแล้ว”นักข่าวอีกคนหนึ่งสอนไปด้วย
นักข่าวที่ถูกสอนตวัดสายตา “แต่แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องนะ พวกเขากินดื่มกันในโรงแรม ทำไมพวกเราต้องมาให้อาหารยุงอยู่ตรงนี้ด้วย?”
“เพราะนายกำลังทำงานไง คนอื่นกำลังมีความสุข ช่องว่างระหว่างผู้คนมันใหญ่มาก นายไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้?”นักข่าวอาวุโสดุนักข่าวหน้าใหม่เสียงต่ำ ก่อนส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย “ช่างเถอะ เฝ้าต่อเถอะพวกเรา”
ในชั้นสูงสุดของโรงแรม คณพศกำลังรินไวน์ให้กับ เจมม่า ของเหลวสีแดงค่อยๆ ไหลลงสู่แก้วใสชวนล่อใจอย่างมาก
“เอาล่ะ ด้วยความเคารพคุณหนู เจมม่า แสนสวยของเรา อวยพรให้คุณมีความสุขครับ”คณพศเอ่ยพลางแสร้งยิ้ม
เจมม่า ได้คณพศรินไวน์ให้เยอะมาก เมามายไปอย่างรวดเร็ว เธอรับแก้วไวน์อย่างโคลงเคลง แล้วแหงนหน้าดื่ม ก่อนพูดเสียงยานคาง “ค่ะ แฮปปี้ แฮปปี้”
คณพศเห็นสติของ เจมม่า เริ่มเลือนแล้ว ก็ขยิบตาให้ยชญ์ที่พามาเป็นไม้กันหมาทีหนึ่ง เป็นสัญญาณให้เขาถามเรื่องงานออกแบบ
ยชญ์ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ พูดตามตรง เขาไม่สนใจยัยสาวต่างชาติจอมหยิ่งนี่สักนิด แต่คุณชายสามนึกถึงความรู้สึกเขาซะที่ไหน เอาแต่สั่งเขาอย่างเอาแต่ใจ ไหนจะให้ถามผู้ออกแบบที่แท้จริงของผลงานพวกนั้น ไหนจะให้ไปแอฟริกาน่าหดหู่ตั้งหนึ่งเดือน
เทียบกับแอฟริกาที่เต็มไปด้วยยุง ยชญ์ต้องยอมรับคำส้่งของคณพศ ทำอย่างสุดความสามารถ หลอกล่อ เจมม่า อย่างอดทน
เมื่อเห็นสายตาของคณพศ ยชญ์ได้แต่พลีชีพเดินไปหา เจมม่า ใช้ไหวพริบคิดคำพูด “คุณ เจมม่า งานออกแบบพวกนี้ของคุณช่างน่าทึ่งจริงๆ คุณคิดงานออกแบบที่ละเอียดขนาดนี้ได้ยังไงเหรอครับ?”
ถึง เจมม่า จะเมา แต่ก็ไม่ได้เมาจนไร้สติ เธอช้อนตามองยชญ์อย่างเย้ายวน “มันจะไปยากอะไรล่ะคะ แน่นอนว่ามันออกมาจากหัวใจและจิตวิญญาณของฉันไง”
“งั้นตอนนั้นคุณออกแบบจากความรู้สึกแบบไหนเหรอครับ?”ยชญ์ถาม
ความมึนเมาของ เจมม่า ก็พลันสร่างไปไม่น้อย ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่ายชญ์ถามออกมาอย่างเจาะจงในคำพูดของเธอ เหมือนว่าตั้งแต่เริ่มติดต่อกับเธอ ก็เอาแต่ถามเรื่องงานออกแบบตลอด
หรือบางที พวกเขาอาจจะเป็นอย่างที่พี่ชายพูด เดินทางมาก็เพื่อผลงานนั้นเท่านั้นเหรอ?
ถึงแม้นิสัยของ เจมม่า จะค่อนข้างเย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่พวกไร้สมอง เธอแกล้งทำเป็นเมาต่อไป แล้วหัวเราะกับยชญ์ “ฮ่าๆ ความรู้สึกนี้น่ะคนอื่นไม่เข้าใจหรอกค่ะ ฉันเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน มันวาดไปเองตามธรรมชาติค่ะ ทำไมคะ คุณสนใจเหรอ?
ยชญ์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนรินไวน์ให้ เจมม่า “ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็แค่เห็นงานออกแบบที่ทันสมัยและมีสไตล์แบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกชื่มชมคุณ เจมม่า มากเลยน่ะครับ! ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามไปสักคำสองคำ หวังว่าคุณคงจะไม่ถือโทษอะไรนะครับ”
เมื่อคำพูดทีเล่นทีจริงของยชญ์แล้ว เจมม่า ก็เริ่มสับสนขึ้นมา หรือตัวเธอเองคิดมากเกินไปนะ? พวกเขาเป็นถึงกลุ่มบริษัทอินเตอร์ จะไปล้อเล่นจนสองฝ่ายเสียเรื่องได้ยังไง?