ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1864 : เทพสงครามน้อยเผ่าสวรรค์…ซือหมิง

ตอนที่ 1864 : เทพสงครามน้อยเผ่าสวรรค์...ซือหมิง
  ” ยอดฝีมือ ! ” คนของสำนักคังเฉียงต่างก็พากันแสดงสีหน้าหนักใจออกมา แม้ว่าหัวหน้าอีกฝ่ายจะยังไม่ลงมือ แต่ความเร็วที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้น ก็เร็วกว่าคนของสำนักคังเฉียง
” อีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นแม่ทัพ ” แม้ว่าพวกเขาจะกังวลแต่พวกเขาก็ไม่ได้กลัว ” ไม่งั้นแล้วเจ้าสำนักคงลงมือไปแล้ว”
เมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่แม่ทัพ งั้นพวกเขาก็พอรับมือไหวอยู่
ผู้บัญชาการใหญ่โกรธจัดและมองคนของสำนักคังเฉียงด้วยสายตาอาฆาต
เขารับใช้กองทัพมาหลายปีแล้วแต่ไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน !
กองกำลังสิบหน่วยที่อยู่ใต้บัญชาการของเขา เสียหายไปถึงสามหน่วย กองทัพแนวราบสิบกอง เสียหายไปหนึ่งกองทัพ นี่คือความอัปยศอย่างมากสำหรับเผ่าสวรรค์!
” ตายซะ ! ” ผู้บัญชาการใหญ่หายตัวไปราวกับผีและลงมือโจมตีเหล่าศิษย์และอาจารย์
ตูม !
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมา หยวนเทียนจี, เฉินกู, จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆพากันกระเด็นออกไป แต่ละคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
การโจมตีนี้ทำให้ศิษย์และอาจารย์หลายสิบคนบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกันไป
แต่ผู้บัญชาการใหญ่กลับไม่พอใจอย่างมากกับผลลัพธ์นี้ เขาขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ” ขนาดข้าลงมือเองแต่กลับไม่อาจจะฆ่าพวกนี้ได้งั้นรึ !”
ต้องรู้ก่อนว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองแค่เพียงท่านแม่ทัพ มันมีเหตุผลที่จะบอกว่าการโจมตีของเขานั้นน่าจะฆ่าพวกนี้ได้ทันที แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือทำให้หลายสิบคนบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครตายเลยสักคน
” แข็งแกร่งจริงๆ !” เหล่าศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันตะลึงกับความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
หยวนเทียนจีปาดเลือดที่มุมปากออก พลางแสดงสีหน้าหนักใจออกมา ” เราต้องระวังตัวด้วย เขาอาจจะไม่ใช่แม่ทัพแต่ก็ใกล้เคียงระดับแม่ทัพ !”
พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับคนระดับนี้ได้
ไม่ไกลจากที่นั่น จางหยูกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาได้ตัดสินใจแล้วนอกซะจากว่าทุกคนจะเจอกับอันตรายที่ถึงกับชีวิต งั้นไม่ว่าพวกนี้จะบาดเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง
ตลอดหลายปีมานี้ที่เขาปกป้องทุกคนมาอย่างดี พวกนี้ไม่ค่อยได้เจอกับอันตรายเท่าไหร่นัก มันทำให้พวกนี้ราวกับไข่ในหิน หากเจอคนที่อ่อนแอกว่าก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่เมื่อเจอกับคนที่เท่าเทียมกันรึแข็งแกร่งกว่า พวกนี้ก็ไม่อาจจะแสดงฝีมือออกมาได้
การเดินทางมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้หาประสบการณ์
” ชายคนนี้ปล่อยให้เราจัดการเอง ” จ้านเทียนเกอบอกกับหยวนเทียนจีและคนอื่นๆ ” เรามีประสบการณ์มากกว่า แม้จะไม่ได้เหนือกว่ามากนัก แต่เราก็พอรู้วิธีปกป้องตัวเอง พวกเจ้าไปจัดการทหารคนอื่นๆ ”
ซุนเมิ่ง, ซังหนานเทียน, ซื่อซิน, หงอีและคนอื่นๆพากันไปรวมตัวที่ฝั่งจ้านเทียนเกอ
หยวนเทียนจีส่ายหน้าและพูดขึ้นมา ” ในด้านประสบการณ์พวกเจ้าอาจจะเหนือกว่า แต่ในด้านระดับการบ่มเพาะ เราเหนือกว่าพวกเจ้าเล็กน้อย ” หยวนเทียนจี, อู่โม่, เซียวเหยียนและคนอื่นๆทดสอบได้สีแดงเข้มเกือบสีทอง ” ความแข็งแกร่งของชายคนนี้เหนือกว่าทุกคนที่เราได้เจอมา หากคิดจะเอาชนะเขา เราต้องร่วมมือกัน ”
” พูดอะไรไร้สาระ พวกเจ้าต้องตายกันที่นี่ทั้งหมด ! ” ผู้บัญชาการใหญ่เรียกสติของทุกคนกลับมา เมื่อเห็นว่าคนของสำนักคังเฉียงยังมีอารมณ์มานั่งเถียงกันอยู่ เขาก็รู้สึกเหมือนโดนดูถูก เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับมีดสีขาวปรากฏขึ้น ต่อมาเขาก็ได้ฟันออกไปข้างหน้าทันที
คนของสำนักคังเฉียงต่างก็พยายามจะต้านทานเอาไว้ แต่อีกฝ่ายแกร่งเกินไป พวกเขาโดนคลื่นพลังกระแทกเข้าอย่างจัง จนทำให้พลังของพวกเขาอ่อนแอลง
เมื่อเห็นแบบนั้นคนอื่นๆก็ไม่กล้าที่จะประมาท
หยวนเทียนจีตะโกนออกมา ” เราต้องร่วมมือกัน ก่อนอื่นเราต้องเอาชนะเขาให้ได้เสียก่อน ! ”
เมื่อพูดจบ หยวนเทียนจีก็ระเบิดพลังออกมาทันที เขากางนิ้วทั้งห้าออกก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีทหารคนอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน อู่โม่, หงอคงและคนอื่นๆก็ได้ระเบิดพลังออกมาเช่นกัน พวกเขาร่วมมือกันกับหยวนเทียนจีเข้าโจมตีผู้บัญชาการใหญ่ทันที
” พวกมดปลวก ” ผู้บัญชาการใหญ่ฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะตวัดมีดฟันหยวนเทียนจีและคนอื่นๆ
เมื่อพลังบรรพกาลกว่าสิบสายได้ปะทะเข้ากับดาบ ก็เกิดคลื่นพลังผันผวนกระจายออกมา พื้นที่รอบข้างสั่นไหวอย่างรุนแรง  หยวนเทียนจีและคนอื่นๆกระเด็นออกมา แต่ผู้บัญชาการใหญ่ยังไม่ทันได้ไล่ตามก็รับรู้ได้ถึงการโจมตีที่พุ่งเข้าหาตัวเขา มันสายเกินไปที่จะป้องกัน เขาได้แต่พึ่งร่างกายตัวเองรับการโจมตีเอาไว้ ด้วยความช่วยเหลือของโล่เขาจึงพอรับมือได้บ้าง
ตูม !
ร่างกายเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก จากนั้นเขาก็ฟันมีดใส่พวกที่อยู่ด้านหลัง
ผู้บัญชาการใหญ่ทวีความโมโหมากขึ้นไปอีก เขารับไม่ได้ที่ตัวเองต้องมาบาดเจ็บเพราะมดปลวกพวกนี้!
แม้ว่ามดพวกนี้จะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่แล้วยังไง ?
เขาคือคนที่เป็นรองแค่แม่ทัพ เขาแข็งแกร่งที่้สุดรองจากแม่ทัพ นอกจากนี้คนที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้ก็ยังเป็นเผ่าชีวิต นี่คือความอับอายที่เขาไม่อาจจะลืมเลือนได้ !
ทหารเผ่าสวรรค์พากันมองหน้ากันด้วยความตะลึงและกลัว
พวกเขาจะไม่ตะลึงได้ยังไงเมื่อผู้บัญชาการใหญ่ที่ไร้เทียมทานกลับต้องบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาพวกเขา ?
พวกเขาอยากเข้าไปช่วยแต่จากแรงสะท้อนของพลังแล้ว พวกเขาไม่อาจจะเข้าไปยุ่งได้เลย นอกจากหัวหน้าหน่วยที่พอจะรับพลังผันผวนได้แล้ว คนอื่นๆหากเข้าไปก็เท่ากับเดินเข้าหาความตาย
” พวกนี้บ้าไปแล้วรึ ! ” ทหารเผ่าสวรรค์อึ้ง “หรือว่าพวกนี้เป็นทีมราชาที่มาจากชายแดน ? ”
อาณาเขตของเผ่าสวรรค์นั้นอยู่ใจกลางทะเลโกลาหล
จางหยูมองดูสนามรบก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ” ไม่เลว เหนือกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ซะอีก ”
เขาพอใจกับความสามารถของทุกคน พวกนี้ไม่ยอมแพ้ให้กับศัตรูที่แข็งแกร่งและไม่คิดที่จะหนี แต่ทุกคนกลับร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับอีกฝ่าย
” กองทัพซื่อเซียวบ้าไปแล้วงั้นหรือ? หรือว่าพวกเขาจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาโดยรวบรวมเหล่าผู้บัญชาการและผู้บัญชาการใหญ่ไว้ด้วยกัน เพื่อรุกรากพวกเราอย่างนั้นหรือ? ” ผู้บัญชาการใหญ่ไม่คิดว่าคนของสำนักคังเฉียงจะเป็นคนของทีมราชาไปได้
แม้ว่าคนของสำนักคังเฉียงทุกคนจะใส่ตราระดับราชา แต่ผู้บัญชาการใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าพวกนี้จะเป็นทีมระดับราชา
ล้อเล่นรึไงกัน ?
ทีมระดับราชานั้นอย่างมากก็มีคนระดับผู้บัญชาการแค่ 2-3 คนเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นทีมลั่วชา ทีมอันดับหนึ่งของทีมระดับราชา แต่พวกเขาก็มีคนระดับผู้บัญชาการใหญ่แค่หนึ่งคน และผู้บัญชาการทั่วไปสามคนเท่านั้น
แม้แต่ทีมระดับความตายก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้บัญชาการเยอะแบบนี้ได้ มันเป็นไปได้หรือที่คนที่แข็งแกร่งจำนวนมากจะรวมตัวกันอยู่ทีมระดับราชา ?
ผู้บัญชาการใหญ่ดูมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาบาดเจ็บ แม้ว่าเขาจะโกรธแต่เขาก็มีสติอยู่ เขารู้ว่าหากโจมตีแบบซึ่งๆหน้าแล้วคงยากจะเอาชนะพวกนี้ได้ หรือบางทีเขาอาจจะตายได้
” ถ้าอย่างนั้นข้าจะจัดการพวกนี้ทีละคน ” ผู้บัญชาการใหญ่ได้ความคิดนี้ขึ้นมา ” ถึงจะป้องกันการโจมตีของข้าได้สักสองรอบ แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะทนได้ถึง 7-8 รอบ ” เขาเป็นรองแค่แม่ทัพ หากเขาคิดจะฆ่าใครแล้ว เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการกับอีกฝ่ายได้
ต่อมาเขาก็ได้ฟันมีดของตนออกไป พลังนั้นได้พุ่งเข้าใส่หยวนเทียนจี, อู่โม่และคนอื่นๆ
หลังจากนั้นเขาก็รับการโจมตีของคนที่เหลือ มันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา ที่ปากเขามีเลือดพุ่งออกมา จิตของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่ร่างของเขากลับหายไป เขาได้โจมตีหยวนเทียนจีกับคนอื่นๆอีกรอบ การโจมตีนี้มีเป้าหมายเพื่อฆ่าหยวนเทียนจีและคนอื่นๆ หากอีกฝ่ายไม่ตายเขาก็ไม่คิดที่จะหยุด แม้ว่าเขาจะต้องบาดเจ็บหนักก็ตาม
หยวนเทียนจีและคนอื่นๆต่างก็หน้าถอดสี พวกเขาต้องรีบโคจรพลังเพื่อรับมือเอาไว้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยพลังที่ต่างกันอย่างมากแล้ว เมื่อรับการโจมตีบ่อยเข้า พวกเขาต่างก็บาดเจ็บหนัก รวมไปถึงยูไล, ถังซัมจั๋งและคนอื่นๆด้วย
แน่นอนว่าผู้บัญชาการใหญ่ก็ไม่ได้สู้ดีนัก ราคาของการโจมตีนี้มากกว่าที่เขาคิดไว้ จิตของเขาสั่นไหว ทั้งหมดพิสูจน์แล้วว่าเขาได้รับการโจมตีอย่างหนัก สภาพของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนของสำนักคังเฉียง แต่เขาแค่ยังไม่หมดพลัง !
เขาคือผู้บัญชาการใหญ่ ในสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนแล้ว เขาคือคนระดับแนวหน้า แม้ว่าจะบาดเจ็บหนักแต่เขาก็ไม่คิดที่จะถอยแม้แต่น้อย
” ตายซะ ! ” ผู้บัญชาการใหญ่ฟันมีดออกไป แม้จะบาดเจ็บหนักแต่เขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างมาก เขาได้โจมตีหยวนเทียนจีกับคนอื่นๆอีกรอบ
ที่ด้านนอกอาณาเขตเผ่าสวรรค์
จางหยูถอนหายใจออกมา “ถึงเวลาออกโรงแล้วสินะ? ”
แต่ต่อมา จางหยูก็ต้องชะงักไป  ในเวลาเดียวกันที่ตรงหน้าหยวนเทียนจี, อู่โม่และคนอื่นๆ ก็มีดาบแสงปรากฏขึ้นมา
ดาบแสงนั้นพุ่งผ่านหยวนเทียนจีและคนอื่นๆ เข้าปะทะกับการโจมตีของผู้บัญชาการใหญ่
ตูม !
มิติสั่นไหวอย่างรุนแรง ผู้บัญชาการใหญ่จ้องเขม็งไปที่เบื้องหน้า จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของหยวนเทียนจีและคนอื่นๆ ” สมกับที่ถูกเรียกว่าเทพสงครามน้อยซือหมิง แม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ”
แม้ว่าผู้บัญชาการใหญ่จะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังทำให้ลั่วชากดดันอย่างมาก
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท