ตอนที่ 402 หลังจากที่รักษาคนที่อยู่ตรงหน้ามาปี
พอฟังแองเจลล่าพูดจบ นาราก็ไม่ได้สังเกตอะไร แล้วเขาก็มองไปหาคณพศที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ
คณพศพยักหน้า “ปล่อยเขาไปเถอะ นี่เป็นกรรมที่ยชญ์ติดค้างไว้แล้วก็ต้องรับผิดชอบ ควรให้เขาได้เผชิญกับมัน ถ้าเขาเข้ากันได้จริงๆ ผมก็ดีใจนะที่จะมีผู้หญิงมาคอยคุมเค้า ให้เขาได้สัมผัสรสชาติของการถูกรักบ้าง”
พูดแล้ว คณพศก็โอบนาราเข้ามาเพื่อเปิดทางให้กับแองเจลล่า แล้วก็พูดอย่างมั่นใจว่า “เจ้าหญิงแองเจลล่าครับ คุณบังคับเขาได้แต่อย่าทำร้ายเขาเลยนะครับ”
แองเจลล่ารีบพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ ฉันรักเขาซะขนาดนั้น จะทำร้ายเขาได้ยังไงล่ะคะ คุณไม่ไว้ใจฉันแบบนี้แปลว่าคุณไม่เชื่อหรอคะ”
พูดจบแองเจลล่าก็แบกยชญ์ที่สลบอยู่นั้น แล้วก็เดินออกไปจากอพาร์ทเม้นของนารา
ดูแองเจลล่าที่เดินไปแล้ว คณพศก็ซุบซิบเบาๆ ว่า “ก็เพราะรู้ว่าแกเป็นพวกเดียวกับเคลลี่ลั่ว ฉันเลยไม่วางใจ”
นาราไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูด เชิดหน้าแล้วถามว่า “คุณพูดอะไร”
คณพศส่ายหัว “เปล่าๆ แบบนี้ดีแล้ว ที่มีผู้หญิงคุมไอ้เจ้ายชญ์นั่น”
นารายังรู้สึกคาใจอยู่ “แต่ว่าแองเจลล่าทำไมถึงแรงเยอะได้ขนาดนั้น”
“มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ กะหล่ำปลีหัวไชเท้ามีความรักเป็นของตัวเอง ยชญ์ที่เลือกนั่นเลือกนี่ รู้สึกว่าการดูแลผู้หญิงมันยาก เหอะๆ ตอนนี้มีภูเขาหล่นลงมาทับอกเขาแล้วล่ะ ไม่แน่อาจจะเป็นคนที่ใช่ก็ได้” คณพศพูดแล้วก็โอบไหล่ของนาราแล้วก็พูดสารภาพว่า “ที่รัก ผมยอมที่จะดูแลคุณไปตลอดชีวิต”
นาราไม่ได้สนใจในสิ่งที่คณพศพูดอย่างซึ้งใจ แต่กลับผลักคณพศออก “ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว ฉันดูฉันดูแลตัวเองได้”
คณพศหน้าเสียแล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเสียใจ “แต่ว่าที่รัก ผมต้องการการดูแลจากคุณนะ”
นารายิ้มและไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก คณพศรีบเดินตามไปทันที เหมือนกลัวว่าวินาทีต่อไปนาราจะจากเขาไปยังไงอย่างงั้น
ในห้องรับแขก ไลลาและเคลลี่ลั่วพากันสังเกตด้วยการณ์และพิจารณา ความเข้าใจผิดของพวกเขาถูกคลายออกแล้ว กำลังหวานกันเลยล่ะ
นาราถอนหายใจเบาๆ แล้วก็พูดเยาะว่า “พวกเธอคืนดีกันเร็วขนาดนั้นเลยหรอ”
ไลลาก็มีความสุขพอสมควร ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “แน่นอนสิ ชีวิตคนเรามันทั้งสั้นทั้งลำบาก งั้นก็คงต้องทำชีวิตตอนนี้ให้ดีแล้วล่ะ”
“ก็ดีหวาน หวังว่าคุณจะลดทิฐิลงได้ ได้รับความสุขที่แท้จริง” เคลลี่ลั่วกำลังพูด “ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้าคณพศแต่ฉันก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า เขาสามารถให้ความสุขกับเธอได้”
นาราโดนเขาสองสามีภรรยาพูดกรอกหู จนทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา “จริงๆ แล้วก็อยากจะหัวเราะคุณสองคนอยู่หรอก แต่กลับโดนพวกคุณหัวเราะกลับซะงั้น น่าอายจริงๆ”
คณพศรีบเปล่งเสียง “อะไรถึงเรียกว่าถูกเยาะเย้ย ไม่ได้ยินเคลลี่ลั่วชมผมรึไง ในเมื่อพวกคุณพูดไม่รักษาน้ำใจกัน ผมจะให้คุณไปลิ้มลองกับความสวยงามในฮาวาย เป็นยังไงล่ะ”
เคลลี่ลั่วถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขากับคณพศต่างก็เกลียดกัน ไม่หักแข้งหักขากันก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ
ไลลาตอบกลับเสียงดังว่า “งั้นก็ดีเลยล่ะ แต่ฉันอยากที่จะกลับไปที่อังกฤษจะแย่อยู่แล้ว ฉันจะไปเผชิญหน้าถามโลลิต้า เขาทำเรื่องไว้เยอะขนาดนี้ ตอนกลางคืนเขาจะฝันร้ายหรือเปล่า”
พูดแล้ว ไลลาก็มองเคลลี่ลั่วด้วยสายตาอาฆาต “ฉันจะถามแม่บ้านของเธอเอง เธออย่ามาเสียใจทีหลังละกัน”
เคลลี่ลั่วรีบโบกมือ “ไลลาถูกขังไว้ชั้นใต้ดินนานแล้วล่ะ แล้วก็รอต้อนรับเธออยู่ตลอดเวลาด้วยนะ”
“เหอะๆ ก็ยังพอโอเค” ไลลาค่อยดีใจขึ้นมาหน่อย เขาหันกลับไปหานารา “นารา ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันอยากจะรีบกลับไปจัดการกับยัยโลลิต้านั่น ทำให้อยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ได้”
นาราไลลาด้วยความห่วงใยไปหนึ่งที “ไม่เป็นไรนะ คุณยุ่งกับงานของคุณเถอะ สุดท้ายผลออกมาเป็นยังไงก็บอกฉันอีกทีละกันนะ ฉันจะได้วางใจด้วย”
ไลลาและเคลลี่ลั่วพากันบอกลานารา แล้วก็พาเคลลี่ลั่วไปจากเกาะฮาวายด้วย
อพาร์ทเม้นท์ที่วุ่นวายในตอนแรก แต่เพราะไลลาและยชญ์ไปแล้ว กลับกลายเป็นเงียบสงบ คนที่เสียใจที่สุดคงจะเป็นมิราเพราะเคลลี่ลั่วต้องไปแล้ว เขาต้องขาดเพื่อนที่เล่นด้วยไปอีก1คน ทำให้ไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก
นาราพูดปลอบใจมิรา บอกว่าชีวิตเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องเจอเพื่อนใหม่ แล้วบอกตาเพื่อนเก่าในทุกการเติบโตของชีวิต
แต่คำพูดของ คณพศกลับต่างออกไป เขายื่นคำขาดว่ายังไงมิราก็อยากมีน้องชายไม่ก็น้องสาว ตามตื๊อนาราทั้งวัน แล้วก็เริ่มปฏบัติวางแผนการสร้างคนด้วยตัวเอง
คณพศหน้าด้านหน้าทน นาราทำได้แค่แล้วแต่เขา และยอมรับการตามตื๊อทั้งวันทั้งคืนของเขา
เมื่อเขานึกถึงคำพูดของเคลลี่ลั่วแต่ลึกๆ แล้วในใจเขาก็เปิดใจบ้างแล้ว
ใช่สิ ชีวิตคนเรามันทั้งสั้นและลำบาก แค่ทำตอนนี้ให้มันดีก็พอแล้ว สิ่งที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปกับสายลมเถอะ
คณพศสัญญาว่าจะทำตามคำพูดของตัวเอง และอยู่ที่ฮาวายกับนารา แล้วก็ย้ายบริษัทของเขามาด้วย ยังไงเขาก็เป็นผู้จัดการ ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ากลับค่ำ แค่ต้องตรวจดูงานอาทิตย์ละครั้งก็พอแล้ว
นารายุ่งอยู่กับงานบริษัทที่ทำขึ้นกับเคนโด้ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไรจากเคนโด้เลย แต่นาราเชื่อว่า เขายังมีชีวิตอยู่ และสักวันนึงจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอ
เพราะฉะนั้น เขาต้องรีบจัดการเรื่องบริษัทให้เรียบร้อย รอเคนโด้กลับมาให้ข่าวดีกับเขา
มิราเรียนอยู่ในโรงเรียนไฮโซใกล้บ้าน แล้วก็พูดอยู่ตลอดเวลา ถามนาราว่าเมื่อไหร่จะมีน้องชายน้องสาวให้เขาสักที
แต่เรื่องการคลอดลูกนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแรง แล้วก็พยายามที่จะสร้างคนในทุกๆ คืน แต่ท้องของนาราก็ยังไม่มีการสะทกสะท้านใดๆ
ยังดีที่คณพศไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาแค่อยากจะมีความรักที่สดใสกับนาราอีกครั้ง แล้วก็เชื่อว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะโชคชะตายังมาไม่ถึงก็แค่นั้น
ก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อวันเวลาผ่านไปพวกเขาสามคนก็ค่อยๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น จากฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน จากฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว ยังไม่ทันไรก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว……
ฤดูฝนมาถึงแล้ว เสียงฝนดังซ่าไม่หยุด เม็ดฝนที่กระเซ็นลงมาเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
นาราขมวดคิ้วแล้วมองดูฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่าง วันนี้ตอนขามาเขารีบจนไม่ได้พกร่มมาด้วย
บริษัทอยู่ใกล้กับที่พักของเขามากแบบมากๆ เพราะฉะนั้นปกติแล้วนาราจะเดิน เพราะจะได้เป็นการออกกำลังกาย แล้วยังได้สูดบรรยากาศที่สดชื่นของลมทะเล
ฟ้าค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ นาราล้วงโทรศัพท์ออกมา อยากจะโทรหาคณพศให้เขามารับตัวเอง