ตอนที่ 403 เคนโด้ที่กลับมากับความจำเสื่อม
รอเขาล้วงโทรศัพท์ออกมา ก็เห็นว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตหมด ช่างซวยซะเหลือเกิน จะดื่มน้ำเย็นทีก็ยังเสียวฟัน
ตอนนี้คนในบริษัทก็กลับกันหมดแล้ว บริษัทก็ใหญ่ขนาดนี้ เหลือเขาแค่คนเดียว
จู่ๆ นาราก็รู้สึกหนาวขึ้นมา นึกไปถึงหนังที่เปิดในช่วงนี้ที่เป็นหนังเกี่ยวกับการฆาตกรรมโหด
ไม่กี่วันมานี้ อากาศในเมืองฮาวายนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเลือด
เพราะไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่วันไหน ได้ยินข่าวร่างของเหยื่อสาวถูกพบที่มุมของเมืองและฉากนั้นมันช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน
ฆาตกรช่างโหดเหี้ยม แล้วยังเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจหาหลักฐานอะไรไม่เจอสักที
ทางตำรวจได้ออกประกาศว่า ฆาตกรนั้นเป็นคนๆ เดียวกัน แล้วก็ได้ออกมาเตือนในสื่อว่าหญิงสาวต่างชาติที่อยู่เมืองฮาวายนั้นไม่ควรออกไปไหนมาไหนคนเดียว
เพราะมีเหยื่อหญิงสาวทุกร้ายนั้นต่างเป็นหญิงสาวที่ผมดำผิวเหลืองทั้งนั้น
นารายิ่งคิดยิ่งกลัว มองดูห้องทำงานที่ว่างเปล่าเปลี่ยว เหมือนจะมีฆาตกรกระโดดออกมายังไงอย่างงั้น ทำให้เขาสะดุ้งไปที
ไม่ได้ เขาต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด ถึงจะต้องตาฝนก็ต้องกลับไปที่ที่มีคณพศอยู่ เพราะแค่มีเขาอยู่ก็ทำให้เขาอุ่นใจแล้ว
ถึงตอนนี้ นาราเดินออกมาจากห้องทำงาน จับขึ้นลิฟต์แล้วลงไปที่ห้องรับแขก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพายุเข้ารึเปล่า พอนารากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ ไฟในห้องโถงทั้งหมดก็ดับลง
นาราตกใจจนสั่น รีบล้วงโทรศัพท์ออกมา อยากจะหาอะไรสว่าง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตหมด
ข้างนอกนั้นมีฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง ผ่าข้ามฟ้าไปมาจนดูเหมือนจะฉีกฟ้าออกจากกันยังไงอย่างงั้น
นารากลืนน้ำตา แล้วเดินฝ่าความมืดมิดไปที่ประตูใหญ่
“ครืมมม”
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จนแก้วหูของนาราแทบแตก เขามองไปที่นอกประตูด้วยความหวาดกลัว แล้วก็เห็นว่าหน้าประตูมีเงาดำๆ อยู่
ภาพนั้นทำให้เขาตกใจจนควบคุมความกลัวของตัวเองไม่ได้ ตกใจจนร้องกรี๊ดเสียงหาย “อ้ากก”
วินาทีต่อมา เงามืดนั้นก็สว่างขึ้นมา ส่องไปที่หน้าของเขา แล้วนาราก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดที่อบอุ่น
แล้วก็มีเสียงที่ทำให้นาราอุ่นใจดังขึ้น “ผมเองที่รัก”
คือคณพศนาราถึงจะโล่งใจบ้าง แล้วก็รู้สึกได้ว่าหลังของตัวเองเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
คณพศกอดหญิงสาวอย่างแน่น “ผมโทรหาคุณ แต่คุณปิดเครื่อง ยังดีที่ผมมาทัน แล้วทำไมจู่ๆ ไฟถึงดับล่ะ”
นารากำมือของคณพศแน่น “จู่ๆ ไฟก็ดับไป น่าจะเป็นเพราะพายุลมแรง ยังดีที่คุณมา เมื่อกี้ฉันตกใจแทบแย่”
คำนี้ทำให้คณพศรู้สึกซึ้งใจมาก ทำให้เขายิ่งกอดนาราแน่นขึ้น แล้วก็เดินออกไปกับเขา “ไม่เป็นไรนพ ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
ฝนที่อยู่ข้างนอกเทลงมาอย่างต่อเนื่อง นาราโดนคณพศโอบทั้งตัว ทำให้เขาไม่โดนฝนเลยสักนิด แล้วก็มองไปที่คอนโดแล้วเดินไปกับเขา
ตึกนี้ก็เป็นตึกที่ซื้อกับเคนโด้ในตอนแรก เป็นบ้านบังกะโลสามชั้น ด้านหลังเป็นสวนดอกไม้ สวยมากๆ เลยทีเดียว
ในความมืดในตอนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน่ากลัวของฟ้าผ่ารึเปล่า มองขึ้นไปแล้วกลับมองไม่เห็นความเป็นหนึ่งเดียวในวันนั้น
“คุณออกมารับฉัน แล้วมิราอยู่ยังไงล่ะ” นาราพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองทำอะไรโง่ๆ ลงไป มิรากลับมาแค่อาทิตย์ละครั้ง
คณพศโอบนาราเข้าบ้าน แล้วก็ปิดประตู แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่า “ที่รัก ถ้าเขาอยู่ล่ะก็ เขาต้องเข้มแข็งกว่าคุณแน่ๆ”
และแล้วก็มาถึงบ้านที่ตัวเองคุ้นเคย นารา ใจที่ไม่สบายใจในตอนแรกก็สงบลง
เขาเปลี่ยนรองเท้า เขาเอนตัวล้มลงบนโซฟา “พูดยากเหมือนกัน เขาอาจจะกลัวความมืดก็ได้นะ”
คณพศรีบเปิดไฟฉุกเฉิน ในตอนนี้ในบ้านถึงจะสว่างขึ้น แต่แค่ไม่สว่างเท่าปกติ แต่แสงสีเหลืองแบบนี้ก็โรแมนติกดีเหมือนกัน
“ทำงานมาทั้งวัน หิวแล้วแน่ๆ เลย ยังดีที่ผมทำของกินไว้ก่อนที่ไฟจะดับ ไม่งั้นคุณคงได้กินมาม่าแล้วล่ะ” คณพศพูดจบ
นาราลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เห็นแค่ว่ามีผ้าสีแดงคลุมอยู่ ข้างล่างต้องเป็นอาหารที่เขาเตรียมไว้แน่ๆ
“เซอร์ไพรส์” คณพศเปิดผ้าคลุมออก แล้วก็ชี้ไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร “ที่รัก นี่เป็นสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับคุณในค่ำคืนนี้ ฉลองครบรอบ7ปีที่เราไม่ได้เจอกัน”
พูดแล้ว คณพศเปิดผ้าที่คลุมถ้วยข้าวออก เขารู้สึกดีใจ “เป็นยังไงล่ะฝีมือผมก้าวหน้าใช่ไหมล่ะ”
เห็นอาหารที่คณพศเตรียมไว้ให้อย่างตั้งใจแล้ว ในใจของนาราเต็มไปด้วยความซึ้งใจ “นี่มันช่างเพอร์เฟ็คมากเลยล่ะ”
“ที่รัก เพื่อความสมบูรณ์แบบของคุณ ให้ผมทำอะไร ผมยอมทำให้ทุกอย่างเลย” คณพศพูด เขาดึงเก้าอี้ของ นาราออกให้ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ “เชิญคุณภรรยาที่สวยที่สุดของผมรับประทานอาหารได้เลยครับ”
นารานั่งลง แล้วคณพศนั่งลงตาม “ดีเลย วันนี้เรามาดื่มแบบไม่เมาไม่กลับกัน”
คำๆ นี้ช่างโดนใจของคณพศพอดี เขาเปิดไวน์แดงที่เตรียมไว้แต่แรก แล้วก็เทให้ตัวเองและนารา “เอาล่ะ ไม่เมาไม่กลับ เชียร์”
นาราพูดตามว่า “เชียร์”
ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ช่างแตกต่างกับโลกนอกหน้าต่างอย่างสิ้นเชิง
ท่ามกลางพายุฝน ที่ใครก็มองเห็นว่า มีเงาของร่างผอมๆ ที่ยืนมองบ้านของนาราอยู่กลางสายฝน
ฝนที่ตกลงมากระทบบนตัวของเขาคนนั้น จนทำให้หน้าตาของเขามัวไปหมด
แต่ดวงตาที่ว่างเปล่าของเขาก็มองทะลุฝนที่ตกหนักไปที่อาคารอพาร์ตเมนต์ที่มีไฟเปิดสว่างอยู่ข้างหน้า เขาลังเลและทำอะไรไม่ถูก
ชายคนนั้นโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ดวงตาสีดำลึกและเย็นชาราวกับปีศาจที่ชั่วร้ายและริมฝีปากของเขาก็มีรอยยิ้มที่กระหายเลือด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าตัวเองมาจากไหน
เขาเดินผ่านมาหลายเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่เมืองนี้ทำให้จิตใจของเขาสงบลง
ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เซ้นส์ของเขาบอกเขาว่า เค้าคุ้นเคยกับทุกๆ อย่างที่นี่
ถนนอาคารและแม้แต่อากาศในอากาศบอกเขาว่าที่นี่เป็นที่ของเขา
อีกทั้งยังเหมือนว่ามีคนกำลังจูงใจของเขาไว้ ทุกครั้งที่เขายืนอยู่ที่สี่แยกนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าทุกครั้งที่เขายืนอยู่หน้าบ้านที่มีสามชั้นนี้ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นสุดๆ
เขาเกือบจะลืมความอ่อนโยนนี้ไปแล้ว
คนที่ยืนตากฝนอยู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือเคนโด้ที่ตกลงไปในทะเลเมื่อหนึ่งปีก่อน แล้วก็โดนทะเลซัดหายไปจนความจำเสื่อม