ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1890 : เจ้าสำนักปรากฏตัว

ตอนที่ 1890 : เจ้าสำนักปรากฏตัว

  จักรพรรดิทั้งเก้าคือผู้ปกครองสูงสุดของทะเลโกลาหล พวกเขามีอำนาจสูงสุดและไร้เทียมทาน ทั้งทะเลโกลาหลต้องทำตามคำสั่งพวกเขา ตลอดหลายยุคมานี้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของพวกเขา พวกเขาจึงชินกับอำนาจสูงสุดมาโดยตลอด

  การกระทำของสำนักคังเฉียงไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นการตบหน้าซื่อเซียวอย่างมาก !

  นี่คือเรื่องที่ซื่อเซียวไม่อาจจะรับได้ !

  บอกได้ว่าจักรพรรดิทุกคนต่างก็มีความเย่อหยิ่งอยู่ในสายเลือด พวกเขาไม่สนใจผู้คน ไม่สนใจกฎ ไม่สนใจทุกสิ่ง นอกจากจักรพรรดิที่เหลือแล้ว พวกเขาไม่เคยสนใจใคร พวกเขาสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น

  ตลอดหลายปีมานี้ ไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา แต่ตอนนี้สำนักคังเฉียงกลับกล้ามายั่วยุพวกเขาและกระทืบเกียรติของจักรพรรดิ จึงเป็นธรรมดาที่ซื่อเซียวไม่อาจจะรับได้ความเกลียดชังที่มีต่อสำนักคังเฉียงนั้นถึงกับมากกว่าความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าสวรรค์ด้วยซ้ำ

  พูดตามตรงแล้วเขาไม่ได้โกรธแค้นอะไรเผ่าสวรรค์เลย

  ระหว่างเผ่าชีวิตและเผ่าสวรรค์ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความขัดแย้งกัน ในฐานะจักรพรรดิเผ่าชีวิตแล้ว เขากับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ เพียงแค่อยู่กันคนละฝั่งเท่านั้น แต่ทั้งทะเลโกลาหลแล้ว พวกเขาต่างก็ถือว่าเป็นจักรพรรดิ พวกเขามีฐานะทัดเทียมกัน และผู้ที่อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิไม่อาจจะมาทำตัวเทียบเทียมพวกเขาได้

  ในสายตาของจักรพรรดิ พวกเขาพอรับได้หากโดนจักรพรรดิด้วยกันดูหมิ่น แต่พวกเขาไม่อาจจะรับได้ หากโดนทำแบบนั้นโดยพวกที่ต่ำต้อยกว่า

  จักรพรรดิผิดรึ ?

  บางทีสำหรับจักรพรรดิแล้ว มันไม่น่าจะมีหลักการเรื่องถูกผิดไม่ใช่หรือไง  อย่าพูดถึงจักรพรรดิเลย แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ยังคิดเช่นนั้น

  นี่คือโลกที่คนแข็งแกร่งจะได้รับความเคารพ !

  มีแค่คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์พูด มีแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ

  แต่สำนักคังเฉียงไม่เหมือนกัน เขาให้ความเคารพกับผู้คนที่เป็นมิตรเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่ใช่คนที่เป็นมิตร งั้นต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงจักรพรรดิ หรือจะเป็นจ้าวโกลาหลทั่วไป พวกเขาก็ไม่คิดจะไว้หน้า พวกเขาใช้กฎเกณฑ์อีกอย่างเป็นมาตราฐานของพวกเขามาโดยตลอด แม้จะไม่เข้ากับโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจที่จะทำเช่นนี้

  ความมั่นใจนี้มีต้นเหตุมาจากจางหยู !

  …

  ซื่อเซียวได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกโกลาหลหิน

  เขารู้สึกได้ว่ากำแพงโกลาหลของโกลาหลหินมีกลิ่นอายของคลื่นพลังเขาอยู่ นั่นคือกลิ่นอายของอาณาเขตซื่อเซียว มีแค่การจ่ายลูกปัดเท่านั้นถึงจะมีคลื่นพลังของเขาอยู่ และได้รับการปกป้องจากเขา

  ซื่อเซียวหรี่ตาลงและเดินทางเข้าไปในโกลาหลหินทันที

  ทันทีที่แผ่การรับรู้ออกไป ซื่อเซียวก็ค้นพบกับโลกป่า จากนั้นแค่ก้าวเดียวเขาก็มาถึงโลกป่าได้ในพริบตา

  การมาของเขานั้น ต้นไม้โกลาหลไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ต้นไม้โกลาหลรู้สึกได้แค่ว่ากำแพงโกลาหลสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ก็เท่านั้น

    ข้าคือจักรพรรดิซื่อเซียว หัวหน้าทีมคังเฉียงจงออกมาพบข้า !  เสียงของซื่อเซียวดังก้องไปทั่วทั้งโลกป่า

  สีหน้าของความว่างเปล่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบเข้าไปในทะเลบรรพกาลเพื่อแจ้งเรื่องนี้กับจางหยู

  จางเฮ่าหลันเรียกหาเสี่ยวเสีย เพื่อให้เสี่ยวเสียแจ้งเรื่องนี้กับจางหยูทันที

  ไม่นานคนของสำนักคังเฉียงทั้งหมดก็กลับมาที่โลกป่า ร่างแยกทั้งสามรวมถึงเจ้าสำนักสาขาและคนอื่นๆต่างก็พากันแสดงสีหน้าหนักใจออกมา

  จักรพรรดิในตำนาน ใครกันที่กล้ามองข้าม ?

  แต่คนของสำนักคังเฉียงยังแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมาอยู่ หากเปลี่ยนเป็นกองกำลังอื่นแล้ว พวกนั้นคงคุกเข่าให้กับจักรพรรดิไปนานแล้ว

  ขณะที่ทุกคนหนักใจกันอยู่นั้น ก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นในหูทุกคน จากนั้นจางหยูก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วพูดขึ้นมา   ข้าไม่อยากจะพบกับจักรพรรดิเร็วนัก ไม่คิดเลยว่าไม่อาจจะหลีกหนีได้…  แม้ว่าเขาจะกริ่งเกรงจักรพรรดิ แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่ไม่อยากจะสู้ด้วย ถึงจะสู้กันจริงๆแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถปกป้องตัวเองได้

    พวกเจ้ารอที่นี่ไปก่อน ข้าจะไปพบกับเขาเอง  จางหยูพูดขึ้นแล้วพุ่งออกไปทันที

  ที่ตีนภูเขาร้าง

  จางหยูได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายซื่อเซียว จนทำให้ซื่อเซียวตกใจ

    ใช่จริงๆ   จางหยูพูดขึ้น   ไม่ใช่ร่างหลัก … 

  หากจักรพรรดิมาที่นี่ จางหยูคงไม่อาจจะมองระดับของอีกฝ่ายออก แต่ร่างแยกนี้จางหยูรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ อย่างมากก็แข็งแกร่งแค่ระดับแม่ทัพชั้นนำเท่านั้น นี่น่าจะเป็นขีดจำกัดของร่างแยกแล้ว

    เจ้าคือหัวหน้าทีมคังเฉียงจางหยู ใช่หรือไม่ ?  ซื่อเซียวมองไปที่จางหยู

  แม้จะรู้ว่าจางหยูไม่ธรรมดา แต่ซื่อเซียวก็ไม่คิดว่าจางหยูจะแข็งแกร่งเท่ากับจักรพรรดิ เขาคิดว่าจางหยูคงแข็งแกร่งเท่ากับร่างแยกของเขา    จักรพรรดิซื่อเซียวรึ ?  จางหยูยิ้มออกมา   เราพบกันเป็นครั้งแรก ยินดีที่ได้พบ 

  ซื่อเซียวขมวดคิ้ว ท่าทีของจางหยูทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

  แม่ทัพกล้าที่จะทำตัวทัดเทียมกับเขาได้อย่างไร !

    เก่อเย่โดนร่างแยกและแม่ทัพของเจ้าทำร้ายสินะ ?  ซื่อเซียวถามขึ้นมาด้วยท่าทีเฉยเมย

  จางหยูได้รับความทรงจำมาจากร่างแยกแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจจางหยูก็ยอมรับตามตรง   ใช่ เก่อเย่อคติต่อสำนักคังเฉียง เขาไม่เคารพเรา ดังนั้นสำนักคังเฉียงจึงสั่งสอนเขา มีปัญหาอะไรรึ ? 

  มารยาทคือสิ่งที่ควรจะมี เมื่อเก่อเย่ไม่ไว้หน้าพวกเขา จางหยูก็ไม่คิดว่าการสั่งสอนเก่อเย่นั้นจะเป็นเรื่องที่ผิดอะไร

  แต่แน่นอนว่าการที่หลายคนรุมรังแกแค่คนคนเดียวนั้นดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่  ถึงจะเสียมารยาท แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มารยาทกับศัตรู

    เจ้ารู้รึไม่ว่าเก่อเย่เป็นแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ ? 

  จางหยูพยักหน้า   ข้ารู้  

  ซื่อเซียวเห็นท่าทีของจางหยูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา   แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่า เก่อเย่ถูกข้าแต่งตั้งเป็นแม่ทัพของกองทัพสังเกตุการณ์? 

    มันไม่ได้ชัดเจนแต่ก็พอเดาออก  จางหยูพูดด้วยรอยยิ้ม

  การจะเป็นแม่ทัพ มีใครบ้างที่สามารถแต่งตั้งได้ นอกจากจักรพรรดิ

    งั้นเจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายเขา?  ซื่อเซียวแสดงสายตาที่ไม่เป็นมิตรออกมา

    ร่างแยกและเจ้าสำนักสาขาของข้านั้นทำร้ายเก่อเย่ เพราะเขาไม่เคารพและไม่สุภาพกับเรา มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฐานะของเขา   จางหยูไม่สนใจสีหน้าของซื่อเซียวเขายิ้มออกมาและพูดขึ้น   อย่าว่าแต่แม่ทัพเลย ต่อให้เขาจะเป็นจักรพรรดิ แต่ถ้าหากเขาไม่มีมารยาท งั้นการที่สำนักคังเฉียงลงมือก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร 

  สุดท้ายรอยยิ้มของจางหยูก็หายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยสีหน้าเย็นชา

  เมื่อได้ยินแบบนั้นซื่อเซียวก็หงุดหงิดขึ้นมา   เจ้าบ้าไปแล้วรึ ! 

  พวกชั้นต่ำนั้นไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ จางหยูเป็นคนแรกที่พูดออกมา

    คนของข้ามีแค่ข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์สั่งสอน เมื่อไหร่กันที่หมาข้างทางจะมายุ่งกับคนของข้าได้ ?  ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น   ข้าไม่อยากพูดไร้สาระกับเจ้าแล้ว ให้คนที่ลงมืออกมาและรับการลงโทษจากข้า เจ้าเองก็ต้องตามข้าไปด้วย เพื่อรับการลงโทษจากจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ 

  ท่าทีของเขายังสูงส่งดังเดิม เขาสั่งจางหยูและไม่คิดจะพูดคุยกับจางหยูด้วยซ้ำ    หึหึ  จางหยูหัวเราะออกมา   รับการลงโทษ? จากจักรพรรดิเผ่าสวรรค์?  จางหยูฮึดฮัดออกมา   เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งนักเลย 

  ซื่อเซียวมองไปที่จางหยู   เจ้าไม่คิดจะให้ความร่วมมือสินะ ? 

  จางหยูยิ้มออกมา   เจ้าอยากให้ข้าร่วมมือยังไง ? 

    หากเช่นนั้นงั้นเจ้า, สำนักคังเฉียงและคนของเจ้าจะถูกลบจากทะเลโกลาหล  คลื่นพลังของซื่อเซียวปะทุออกมา มันน่ากลัวอย่างมาก จนทำให้โลกป่าสั่นไหวราวกับจะพังลง

  จางหยูขมวดคิ้ว เขาได้แผ่พลังออกไปเพื่อประคองโลกป่าเอาไว้ ก่อนจะมองไปที่ซื่อเซียว   เจ้าควรคิดให้ดีๆ หากลงมือไปแล้ว ก็ยากที่จะหยุดได้   หากเป็นร่างหลัก เขาอาจจะกลัวอยู่บ้างแต่นี่เป็นแค่ร่างแยก การจะรังแกจางหยูนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

    ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจตัวเองดี  ซื่อเซียวไม่เคยมองจางหยูอยู่ในสายตา เพราะเขารู้ดีว่าถึงจางหยูจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะเทียบกับจักรพรรดิได้  บางทีความแข็งแกร่งของเจ้าอาจจะอยู่ขีดจำกัดของแม่ทัพ แต่มันไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะหลงตัวเองเช่นนี้ 

  เขาเห็นจิตของจางหยูที่ประคองโลกป่าให้กลับมาเสถียรดังเดิมจนไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังของเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่แม่ทัพส่วนมากจะทำได้

  แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เขากลัวเพราะเขาก็ทำได้เช่นกัน

    ข้าไม่อยากรังแกเจ้า  ซื่อเซียวพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ   ตราบใดที่เจ้าเอาชนะร่างแยกของข้าได้ เรื่องในอดีตข้าจะไม่เอาความ แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องเดินทางไปยังดินแดนสวรรค์กับข้า   เขาหวังว่าจางหยูจะไปยังดินแดนสวรรค์กับเขา ไม่งั้นแล้วแค่ร่างแยก คงไม่อาจจะบังคับจางหยูให้ไปด้วยได้

  อันที่จริงร่างหลักของเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ แต่…นอกซะจากว่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย งั้นเขาก็ไม่มีทางออกจากเขตซื่อเซียวง่ายๆ

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท