กวนเสว่เฟิงที่พึ่งออกมาจากหอเหล้าแสงพระจันทร์เมื่อสักครู่นี้ นำหูฟังดักฟังขนาดเล็กตัวหนึ่งออกมาจากข้างหู
บนหน้าของเขาปรากฏยิ้มเยาะออกมา “คนที่ฉันซ่อนเอาไว้ ใครจะหาเจอได้?”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินและหม่าชาวก็ออกมาจากผับเช่นกัน
“พี่เฉิน จับมันไปที่ตระกูลกวนโดยตรง ข่มขู่มันให้เอาเสี้ยวเสี้ยวออกมา แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอครับ?” หม่าชาวขับรถสะกดรอยตามพลางถามขึ้น
“ก่อนที่ยังหาเสี้ยวเสี้ยวไม่เจอ ทำแบบนี้มีเพียงแต่นำอันตรายไปให้เธอ” บนหน้าของหยางเฉินเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ
“หรือว่าปล่อยตระกูลกวนไปแบบนี้เหรอครับ?” ในสายตาหม่าชาวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“วางใจได้ ตระกูลกวนจะต้องชดใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้น” ในสายตาหยางเฉินมีความเย็นชาผุดขึ้นมาหลายระดับ
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์ที่หรูหราแห่งหนึ่ง
บนพื้นพรมกำมะหยี่ระดับสูง ผู้หญิงสองคนที่โตคนเด็กคนกำลังนั่งอยู่บนพื้น ด้านข้างพวกเธอเป็นของเล่นสารพัดอย่าง เด็กผู้หญิงกำลังเล่นแบบหน้าตามีความสุข
ส่วนที่อยู่ข้างกายของเด็กผู้หญิง มีหญิงสาวที่อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอไว้ผมยาวที่นุ่มลื่นสลวย ในมือถือหนังสือนิทานเด็กเล่มหนึ่ง กำลังอ่านให้เด็กผู้หญิงฟัง
เธอยังปัดปอยผมที่ร่วงลงมาตรงหน้าผากออกแบบไม่ขาดสาย
“คุณน้าคะ นี่คือเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด นี่คือเรื่องที่หนูชอบมากที่สุดเลยค่ะ”
เด็กผู้หญิงพูดอย่างดีใจทันที มองท้องฟ้าที่มืดด้านนอกหน้าต่าง รอยยิ้มบนหน้าหายไปฉับพลัน หล่อนเบ้ปากน้อยๆ “ทำไมพ่อถึงยังไม่มารับหนูอีกคะ?”
“เสี้ยวเสี้ยวไม่ต้องรีบนะ! พ่อกับแม่หนูกำลังทำงานอยู่ ไม่แน่ว่ารออีกสักหน่อยคงมารับหนูแล้ว” ผู้หญิงผมยาวพูดด้วยท่าทางอ่อนโยน ตอนที่มองทางเสี้ยวเสี้ยว ในสายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ในแววตาลึกยังมีความกังวลระดับหนึ่ง
รถปอร์เช่สีดำคันหนึ่งขับไปด้วยความไว กวนเสว่เฟิงที่ขับรถไม่ได้รู้สึกถึงรถโฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งกำลังตามมาด้านหลังแบบไม่ใกล้ไม่ไกล
ด้วยเทคนิคสะกดรอยตามของหม่าชาว กวนเสว่เฟิงอยากจะหาให้เจอ เดิมทีเป็นไปไม่ได้
ไม่นานรถปอร์เช่ขับเข้ามายังเขตคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมือง จอดลงด้านหน้าคฤหาสน์มีระดับหลังหนึ่งแล้ว
กวนเสว่เฟิงที่ระมัดระวังตัวดีมาก พอลงจากรถก็มองไปรอบด้านทีหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครสะกดรอยตามมา ถึงนำกุญแจออกมา เปิดประตูเข้าไปในคฤหาสน์
“พี่เฉิน เสี้ยวเสี้ยวจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?”
หม่าชาวที่หลบอยู่ในเขตป่าไม้ไม่ไกลออกไปนัก มองทางหยางเฉินที่หลบซ่อนในมุมอับเหมือนกันถามขึ้น
หยางเฉินส่ายหน้า “นายรออยู่ที่นี่ ฉันจะไปดูหน่อย”
พูดจบ หยางเฉินเหมือนเสือชีตาห์ตัวหนึ่ง ชั่วขณะนั้นหายเข้าไปในความมืดด้วยท่วงท่าแข็งแรงมีพลัง หลบผ่านแม้แต่กล้องวงจรปิดหลายตัวไปได้ ก่อนจะเข้าใกล้คฤหาสน์
ด้านในคฤหาสน์ กวนเสว่เฟิงพึ่งเปิดเข้าประตูมา มองเห็นบนพรมกำมะหยี่ด้านหน้าโซฟา ภาพเงาของผู้ใหญ่และเด็กสองคน กำลังนั่งอยู่ด้วยกัน
หลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู สายตาของผู้หญิงทั้งสองต่างมองเข้ามา
“กวนเสว่เฟิง!” หญิงสาวรีบลุกขึ้นมาทันที ในสายตายังมีความประหม่าระดับหนึ่ง
“เซี่ยเหอ เห็นฉันเข้า เธอเหมือนจะไม่ดีใจสักนิดเลย?” กวนเสว่เฟิงมองภาพคนที่สวยงามคนนั้นอยู่ ในคำพูดเต็มไปด้วยความจำใจ
เซี่ยเหอเหมือนกังวลอะไร รีบขวางด้านหน้าของเสี้ยวเสี้ยวทันทีด้วยหน้าตาเย็นชา “ดึกมากแล้ว นายมาได้ยังไง?”
“อยากมาทำอะไร หรือว่าเธอไม่รู้เหรอ?” กวนเสว่เฟิงหัวเราะแล้ว ถือโอกาสถอดเสื้อคลุมแขวนเอาไว้บนราวแขวนเสื้อ
คืนนี้เขาเกือบตายอยู่ที่หอเหล้าแสงพระจันทร์ ผู้หญิงที่เดิมทีจะนอนด้วยก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้เพียงแค่อยากระบายออกมาแรงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เผชิญหน้ากับหยางเฉิน ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาล้วนเป็นเพียงฝืนทนทำแน่นิ่ง
ไม่ว่าหม่าชาวจะทำลูกน้องสี่คนของเขาตาบอดตามอำเภอใจ หรือว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่นับร้อยที่หยางเฉินเรียกเข้ามาตอนหลัง ล้วนบอกเขาว่าครั้งนี้เขาแตะต้องโดนผู้แข็งแกร่งเข้าให้แล้ว
มีความเป็นไปได้มากเขาอาจจบชีวิตเพราะเหตุนี้ ความหวาดกลัวในใจทำให้เขาอยากเพียงแค่ย่ำยีเซี่ยเหออย่างรุนแรง มาระบายความหวาดกลัวในใจของเขาออก
รู้สึกถึงความชั่วร้ายในดวงตาทั้งสองของกวนเสว่เฟิง ในใจเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความเดือดดาล กัดฟันไว้ “นายเคยบอกว่าก่อนที่ฉันยังไม่รับปากนาย จะไม่แตะต้องฉัน”
เธอไม่ใช่ผู้หญิงของกวนเสว่เฟิง แต่คือเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดนเขาบังคับมาขังบริเวณที่คฤหาสน์แห่งนี้ จนกระทั่งช่วงพลบค่ำของวันนี้ เสี้ยวเสี้ยวก็ถูกส่งเข้ามา
กวนเสว่เฟิงหัวเราะนิ่งๆ มองเสี้ยวเสี้ยวที่หน้าตาดูประหม่า และจับชายเสื้อของเซี่ยเหอไว้แน่น จากนั้นพูดว่า “ดูแล้วเธอกับยัยเด็กน้อยคนนี้เข้ากันได้ไม่เลว”
“นายอยากจะทำอะไร?” ชั่วขณะนั้นเซี่ยเหอตกใจหน้าเปลี่ยนสี รีบปกป้องเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ด้านหลัง
“ฉันอยากจะทำอะไร เธอรู้ดีนี่ ถ้าเธอไม่อยากให้ในใจของยัยเด็กคนนี้เหลือภาพที่เลวร้ายอะไร ก็ตามฉันขึ้นห้องนอนไปดีๆ อย่าบีบฉันใช้กำลังบังคับเธอ” กวนเสว่เฟิงพยายามใช้รอยยิ้มบนหน้ามากลบเกลื่อนความหวาดกลัวในใจของตนเอง
เซี่ยเหอสีหน้าดูอับอายและโกรธเต็มที่ “นายอย่าทำเกินไปนะ!”
“เอาล่ะ ให้เวลาเธอพิจารณาสามสิบวินาที ถ้าไม่ไปห้องนอน งั้นฉันคงทำได้เพียงประหารชีวิตเธออยู่ที่นี่” กวนเสว่เฟิงลุกขึ้นยืนทันใด
บนหน้าเซี่ยเหอเต็มไปด้วยการดิ้นรนและโกรธเคือง ความจริงก่อนหน้านี้เดือนหนึ่ง ตอนที่เธอถูกจับมาที่นี่ กวนเสว่เฟิงอยากใช้กำลังบังคับเธอ เป็นเธอคว้ากรรไกรมาขู่ที่คอของตนเอง ถึงผ่านมาได้หนึ่งเดือน
ถ้ามีเพียงเธอ เธอจะไม่ลังเลสักนิดเดียว ยินยอมตาย แต่วันนี้ ข้างกายกลับมีเด็กผู้หญิงเพิ่มมาคนหนึ่ง
ตั้งแต่เธอเริ่มเจอกับเสี้ยวเสี้ยวในวินาทีแรก ก็ชอบเด็กผู้หญิงที่งดงามคนนี้อย่างมาก และปวดใจที่หล่อนถูกพาตัวมาที่นี่ด้วย
“หมดเวลาแล้ว ดูท่าเธอยังอยากปฏิเสธ งั้นฉันคงทำได้เพียงลงโทษประหารชีวิตเธอตรงนี้แล้ว” กวนเสว่เฟิงหัวเราะ ลุกขึ้นเดินไปยังเซี่ยเหอทีละก้าว
“นายอย่าเข้ามานะ!”
ชั่วขณะนั้นเซี่ยเหอร้อนใจ รีบคว้ามีดเล่มหนึ่งมาจี้ที่คอของตนเอง ท่าทางแน่นอน “กวนเสว่เฟิง นายอย่าบังคับฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตายต่อหน้านายให้ดู”
“เซี่ยเหอ ถ้าเธอไม่เป็นห่วงว่ายัยเด็กน้อยจะมีฝันร้ายในใจที่ยากจะลบเลือนไป เชิญปาได้เต็มที่ ฉันรู้ว่าเธอไม่กลัวตาย แต่ดีที่สุดเธอคิดสักหน่อย ถ้าเธอปาดลงไป เส้นเลือดใหญ่บนคอฉีกขาด จะมีเลือดสดจำนวนมากไหลออกมา”
“ฉันมองออกนะ ยัยเด็กคนนี้ก็ชอบเธอมากเหมือนกัน เธอว่าถ้าให้หล่อนมองเห็นเลือดอาบเธอทั้งตัว ล้มลงจมกองเลือดชักกระตุกตายไป หล่อนจะตกใจค้างไปหรือเปล่า?”
“ยัยเด็กคนนี้น่าจะแค่สี่ขวบเองมั้ง? ยังเด็กขนาดนี้ ถ้ามองเห็นภาพสยองขวัญแบบนี้กับตาตัวเอง ไม่แน่ว่าคงตกใจตายเลย”
ดูเหมือนกวนเสว่เฟิงไม่กังวลว่าเซี่ยเหอจะฆ่าตัวตายเลยสักนิด เดินเข้าใกล้เซี่ยเหอไปด้วย บรรยายเหตุการณ์สยองขวัญแบบหัวเราะคิกคักไปด้วย
“นายหุบปากไปเลยนะ! หุบปาก!” เซี่ยเหอน้ำตานองหน้าไปหมด ตะคอกใส่กวนเสว่เฟิงขึ้นมาด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
“แง……เสี้ยวเสี้ยวกลัว……”
ในเวลานี้ เสี้ยวเสี้ยวส่งเสียงร้องไห้ออกมาฉับพลัน ถึงแม้ว่าฟังคำพูดของกวนเสว่เฟิงไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกถึงความผิดปกติของเซี่ยเหอ
“เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้องนะ น้าอยู่ที่นี่แล้ว!” เซี่ยเหอรีบทิ้งมีดลงไปทันที วิ่งไปพูดปลอบใจเสี้ยวเสี้ยว
มุมปากกวนเสว่เฟิงฉีกรอยยิ้มนิดๆ ที่แผนการร้ายสำเร็จขึ้นมา