ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1884 : จักรพรรดิมาเยือน

ตอนที่ 1884 : จักรพรรดิมาเยือน

  ซื่อเซียวเริ่มสงสัยตัวเอง แต่ไม่นานเขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป

  หากเป็นเรื่องอื่นคงไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่เรื่องนี้เขาไม่อาจจะลืมได้ เขาจะลืมได้ยังไงในเมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ ?

  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของคนอื่น !

  เขาสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของจักรพรรดิคนที่เหลือและป้ายความผิดมาให้เขา

  แต่เขาก็สลัดข้อสงสัยนี้ไปทันทีเพราะมันไม่ได้ส่งผลดีต่อจักรพรรดิคนอื่นๆเลย

  แม้ว่าจักพรรดิเผ่าชีวิตทั้งสี่คนจะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน ตำแหน่งก็ทัดเทียมกัน การป้ายความผิดให้กับเขานั้นมีแต่จะส่งผลเสีย

  รึว่ามีคนทรยศเลือกที่จะเข้าข้างเผ่าสวรรค์ ?

  เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไปอีก ในฐานะจักรพรรดิเผ่าชีวิตแล้ว เขารู้ว่าผลกระทบจากการหักหลังนั้นมันหนักหนาแค่ไหน

  เขาไม่คิดว่าคนอื่นๆจะโง่

    งั้นใครที่เป็นคนทำ ?   ซื่อเซียวเริ่มสับสน

  ตอนนั้นเองเทียนตู้ก็ได้พูดขึ้นมา   หลักฐานชัดเจนเช่นนี้ ซื่อเซียว เจ้ามีอะไรจะพูดอีกรึไม่ ? 

    ไม่ว่าจะเชื่อรึไม่ แต่ข้าขอยืนยันว่าข้าไม่ได้ทำ  ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นมา

    จนถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมาเล่นลิ้นอยู่อีกรึ ? มันสนุกรึไง ?  ฉิวหวังแสดงท่าทีเย็นชาออกมา   อย่าทำให้ข้าดูถูกเจ้าไปมากกว่านี้เลย ! 

  เทียนตู้พูดขึ้น  จักรพรรดิเผ่าชีวิตเป็นพวกกล้าทำแต่ไม่กล้ารับรึ? 

  ประโยคนี้ทำให้จักรพรรดิเผ่าชีวิตทั้งหลายพากันขมวดคิ้ว

    ไม่ทำก็คือไม่ทำ   ซื่อเซียวมั่นใจอย่างมาก   ข้าชดเชยการสูญเสียคนเผ่าสวรรค์ให้กับเจ้าได้ แต่เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่มีวันรับ  

  ท่าทีของซื่อเซียวทำให้จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้าไม่พอใจอย่างมาก ยังไงซะ ซื่อเซียวก็ทำผิดกฎ เขาฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างเผ่าชีวิตและเผ่าสวรรค์ ตามข้อตกลงเดิมแล้วซื่อเซียวต้องโดนลงโทษ

    ก็ได้ ถ้าจะพูดเช่นนี้ล่ะก็ ข้าจะไปยังเขตซื่อเซียวแล้วเข่นฆ่าทหารของฝ่ายเจ้า จากนั้นข้าก็จะไม่ยอมรับความผิดนี้  ฉิวหวังแสยะยิ้มอย่างเกรี้ยวกราด  ก็แค่เปลี่ยนหน้าเฉยๆไม่ใช่หรือ? ข้าก็ทำได้เช่นกัน 

  อู่หมิงขมวดคิ้ว แม้ว่าฉิวหวังจะพูดจาไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ซื่อเซียวก็เป็นฝ่ายผิด  ซื่อเซียวเป็นฝ่ายผิดก็เท่ากับว่าเผ่าชีวิตเป็นฝ่ายผิดด้วยเช่นกัน

    รึไม่…เจ้าก็ยอมรับมันซะ  อู่หมิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะบอกกับซื่อเซียว   ฉิวหวังคงไม่ยอม ข้าเกรงว่ามันอาจจะกลายเป็นสงครามจริงๆก็ได้ 

  แม้ว่าเผ่าสวรรค์และเผ่าชีวิตจะก่อสงครามกันบ่อยๆ แต่มันก็เป็นสงครามขนาดเล็ก หากเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ผลกระทบนั้นพวกเขาไม่อาจจะรับไหว

  เทียนตู้มองไปที่ซื่อเซียวก่อนจะมองไปที่ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า   ข้าแค่อยากรู้ความคิดของพวกเจ้า ! พวกเจ้าคิดว่าซื่อเซียวควรได้รับการลงโทษรึไม่ ? 

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์คนที่เหลือต่างก็มองไปยังตงหยางกับคนอื่นๆ

  เวลานี้จักรพรรดิเผ่าชีวิตต่างก็พากันรู้สึกกดดันอย่างมาก

    ช้าก่อน !  ตงหยางกับคนอื่นๆยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ซื่อเซียวก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นว่า   ให้เวลาข้า 1 ปี ข้ารับปากว่าจะหาคำตอบที่พวกเจ้าพอใจมาให้ ! หากข้าทำไม่ได้ ข้ายอมรับการลงโทษ ! 

  นี่ก็เพื่อประนีประนอมกับฉิวหวัง

  เมื่อเห็นว่าซื่อเซียวยอมอ่อนข้อ จักรพรรดิทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

  ไม่มีใครอยากก่อสงครามขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนเผ่าสวรรค์หรือเผ่าชีวิต ไม่งั้นแล้วก็ต้องมีการสูญเสีย

    ปีหนึ่ง ? ได้ ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 ปี หวังว่าเจ้าจะให้คำตอบที่ข้าพอใจได้ ! 

  ฉิวหวังไม่กล้ากดดันซื่อเซียวมากไป เขาควรให้เกียรติอีกฝ่ายบ้าง

    งั้นข้าขอตัวก่อน  ซื่อเซียวไม่สนใจจะอยู่ต่อ เมื่อได้รับการยอมรับจากทุกคนแล้ว ร่างแยกก็ได้สลายไปทันที

  ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิงได้พยักหน้าให้กับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ ก่อนจะรีบเดินทางออกมา

  วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้นไปชั่วคราว ไม่ว่าซื่อเซียวจะจัดการยังไงก็เป็นเรื่องของซื่อเซียว ตงหยางและคนอื่นๆไม่คิดจะยุ่งด้วย

  ที่พวกเขาต้องทำคือต้องมั่นใจว่าซื่อเซียวนั้นยังรอดอยู่

  นอกอาณาเขตซื่อเซียว

  ซื่อเซียวลุกขึ้นจากม้านั่งและโยนขวดลงไปที่พื้น

    รังแกกันเกินไปแล้ว !  ซื่อเซียวสีหน้าอึมครึม สายตาของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก

  เขาเป็นถึงจักรพรรดิของเผ่าชีวิต แล้วจะเคยได้รับความคับข้องใจได้อย่างไร?

  สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดคือแม้แต่ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิงก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเขา และตัดสินว่าเขาเป็นคนที่ทำเรื่องนี้

    ทีมคังเฉียงรึ ? ดี ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเป็นเจ้าสารเลวตัวไหนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ !  ซื่อเซียวหายตัวไปจากจวนทันที

  เขาแผ่การรับรู้ออกไปทั่วเขตซื่อเซียวแต่ก็ต้องคิ้วขมวด

  เขาค้นหาคนของทีมคังเฉียงแต่กลับไม่พบร่างของหัวหน้าทีมหรือสมาชิกคนอื่นๆเลย

  ต่อมาเขาก็เดินทางเข้าไปในเขตซื่อเซียวก่อนจะตรงไปที่เมือง

  ภัตตาคารฮุ้ยชุ่ย เป็นภัตตาคารอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองเทียนซิง ที่นี่มักจะมีคนจากตระกูลใหญ่, นิกาย,ทีมทหารรับจ้าง รวมถึงสมาชิกระดับสูงของกองทัพมารวมตัวกัน

  ตอนนั้นเองลั่วชาและคนในทีมก็ได้นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง นางดื่มเหล้าอย่างเงียบๆ ส่วนยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการทั้งสามคนในทีม กำลังพูดคุยถึงเรื่องการร่วมมือกับทีมคังเฉียงในการฆ่าคนเผ่าสวรรค์ สีหน้าของพวกเขาดูภูมิใจอย่างมาก

  ตอนนั้นเองที่นอกหน้าต่างกลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ในเวลาเดียวกันแรงกดดันก็ครอบคลุมไปทั้งตึกทันที นี่คือแรงกดดันจากจักรพรรดิ

  ทุกคนในตึกต่างก็พากันตัวสั่น

  แม้แต่ลั่วชาก็ยังมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าตะลึง นางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้น   จักรพรรดิ !  

  แม้ว่าจะไม่เคยเห็นซื่อเซียวตัวเป็นๆ แต่รูปปั้นของซื่อเซียวก็มีอยู่ทั่วทุกที่ ลั่วชาไม่มีทางจำผิดแน่และแรงกดดันที่ไม่อาจจะต้านทานได้นี้ นอกจากซื่อเซียวแล้วจะมีใครอีกที่มีมันได้

  คนที่เหลือต่างก็พากันคุกเข่าลงไปกับพื้น   จักรพรรดิ ! 

  ภายใต้แรงกดดันอันน่ากลัวนี้ทุกคนต่างก็พากันกังวลอย่างมาก พวกเขากลั้นหายใจและไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ราวกับว่าจะกลัวทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ

    ลั่วชา  ซื่อเซียวพูดขึ้น   เจ้าเคยพบกับทีมคังเฉียงรึไม่ ?    แม้ว่าในใจจะโกรธแค้นทีมคังเฉียง แต่ซื่อเซียวก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้

    ใช่เจ้าค่ะ จักรพรรดิ !  ลั่วชาไม่ลังเลและตอบกลับทันที

    เจ้ารู้รึไม่ว่าทีมคังเฉียงนั้นมาจากไหน ?  ซื่อเซียวถามขึ้น

    ขออภัยด้วย ข้าน้อยก็มิทราบ   ลั่วชารีบตอบกลับ

    จริงรึว่าทีมคังเฉียงได้โจมตีกองทัพเผ่าสวรรค์ ?   ซื่อเซียวถามต่อ

    จริงเจ้าค่ะ !  ลั่วชาตอบกลับตามจริง   ข้าเห็นทีมคังเฉียงเอาชนะทหารเผ่าสวรรค์และหัวหน้าหน่วยมากมายมาได้ รวมถึงปะทะกับผู้บัญชาการใหญ่ซือหมิงด้วย… 

    จริงรึไม่ที่หัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นทำให้แม่ทัพเผ่าสวรรค์บาดเจ็บสาหัส!  

    นี่…  ลั่วชานิ่งไปชั่วครู่   ข้าน้อยไม่รู้  

  หากซื่อเซียวไม่พูด ลั่วชาคงไม่เชื่อว่าจางหยูจะทำให้แรนเดลบาดเจ็บสาหัส นางคิดว่าจางหยูอาจจะแกร่งกว่าแรนเดลเล็กน้อย แต่ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งจะต่างกันถึงเพียงนี้

  ซื่อเซียวมองลั่วชาอยู่สักพัก ลั่วชารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมา จากนั้นซื่อเซียวก็ละสายตากลับมาก่อนที่แรงกดดันนั้นจะหายไป เมื่อแรงกดดันสลายไป นางก็พบว่าซื่อเซียวหายตัวไปแล้ว

  เขาไม่หวังจะได้คำตอบจากลั่วชา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ผิดหวัง

  จนกระทั่งซื่อเซียวจากไปสักพัก ทุกคนถึงได้สติกันกลับมา

  ลั่วชาค่อยๆลุกขึ้นยืน ในใจนางยังคงอึ้ง   เขาแกร่งจริงๆ ! 

  คนที่เหลือเองก็ใจสั่นเช่นกัน

    จักรพรรดิมาถามหาทีมคังเฉียงด้วยตัวเอง ! 

    พระเจ้า หัวหน้าทีมคังเฉียงทำให้แม่ทัพเผ่าสวรรค์บาดเจ็บสาหัสรึ ? 

    ทีมคังเฉียงนี่มันอะไรกัน ! น่ากลัวจริงๆ ! 

    นั่นคือจักรพรรดิ ! แม้แต่ตอนที่เสียเทียนโด่งดัง จักรพรรดิก็ไม่ได้สนใจเขาไม่ใช่รึ ? 

    ไร้สาระ เสียเทียนกับจักรพรรดิไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ทำไมจักรพรรดิต้องสนใจเสียเทียนด้วย ? 

  ก็แค่ระดับแม่ทัพคนหนึ่งไม่ใช่หรือ

  ซื่อเซียวไม่ได้สนใจผลกระทบที่ตนถามหาทีมคังเฉียง ตอนนี้เขาต้องการค้นหาตัวทีมคังเฉียงโดยเร็วที่สุดเพื่อหาว่าใครกันที่ป้ายความผิดใส่เขา

    เก่อเย่   หลังจากที่ออกจากภัตตาคาร ซื่อเซียวก็ได้ไปที่สำนักงานของกองทัพสังเกตการณ์

    จักรพรรดิ !   เก่อเย่ที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนต้องเกรงกลัว ได้คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพ

    ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 ปี ใน 1 ปีนี้เจ้าต้องไปหาว่าทีมคังเฉียงมาจากไหน หากเจ้าทำไม่ได้ คงไม่ต้องถามใช่ไหมว่าข้าจะทำเช่นไร   ซื่อเซียวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท