ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1900 : หมาเฝ้าประตู

ตอนที่ 1900 : หมาเฝ้าประตู

    เจ้าเพิ่งกลับมาเลยไม่รู้อะไร  จิงหงตอบกลับอย่างใจเย็น   เจ้าลองออกไปถามดูแล้วจะรู้ว่าทีมคังเฉียงนั้นมีอำนาจมากแค่ไหนในตอนนี้ 

  ตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงจ้าวโกลาหลทั่วไป ทีมคังเฉียงต่างก็ได้รับความสนใจจากทุกคน

  ชื่อเสียงของทีมคังเฉียงนั้นโด่งดังอย่างมากในตอนนี้ !

  ในหมู่พวกนั้น ซื่อเซียวคือคนที่ให้ความสนใจกับทีมนี้อย่างมาก

  การเติบโตของทีมคังเฉียงทำให้เกิดความวุ่นวาย จนแม้แต่ซื่อเซียวก็ยังต้องสนใจ

    ทีมคังเฉียงอยู่ที่ไหน  ซูจิงถามขึ้นมา

    ข้าเองก็ไม่รู้   จิงหงตอบกลับ   เจ้าไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอัน บางทีผู้ดูแลอาจจะรู้บางอย่าง  จิงหงเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นต่อ   ข้าไม่รู้ว่าทีมคังเฉียงกับซุนกวนเกี่ยวข้องกันยังไง แม้ว่าพวกเขาจะตามหาเจ้าแต่ก็ไม่รู้ว่ามีท่าทียังไง ดังนั้นเจ้าควรระวังตัวเอาไว้ด้วย 

  อันที่จริงแล้วระวังตัวไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะหากทีมคังเฉียงหวังร้ายต่อซูจิงจริงๆ งั้นไม่ว่าซูจิงจะหนีไปที่ไหนก็ไร้ประโยชน์

  นอกซะจากว่าจักรพรรดิจะมาปกป้องเขา ไม่งั้นก็คงไม่มีแม่ทัพคนไหนหยุดทีมคังเฉียงได้

  ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิงก็ไม่ใช่แม่ทัพ

    ขอบคุณท่านแม่ทัพที่บอก  ซูจิงตอบกลับ

  การปรากฏตัวของทีมคังเฉียงนั้น ทำให้เขาเกิดความหวังขึ้นมา

  จิงหงพูดขึ้น   ข้าเพียงแค่บอกว่าทีมคังเฉียงอาจจะช่วยเจ้าได้ แต่ผลลัพธ์จะเป็นยังไงนั้นข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน 

  ซูจิงยิ้มออกมา   ไม่สำคัญ ตราบใดที่มีความหวังน้อยนิดก็เพียงพอแล้ว 

  เมื่อเห็นแบบนั้นจิงหงก็พยักหน้า   เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว ธุระของกองทัพข้าจะจัดการเอง ไว้เจ้าจัดการเรื่องพวกนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ค่อยกลับมารายงานข้า อีกเรื่อง ช่วยข้าตรวจสอบด้วยว่าทีมคังเฉียงเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิคนไหนรึไม่ เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าอนุญาตให้เจ้าลาพักได้อย่างเต็มที่ และหวังว่าเจ้าจะสมปรารถนา 

  ซูจิงโค้งให้ก่อนจะรีบเดินทางไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันทันที

  หลังจากที่ซูจิงออกไป จิงหงก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพึมพำ   ข้าหวังว่าเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ 

  เขาอยากให้ซูจิงก้าวข้ามอดีตที่แสนเจ็บปวดนั่น ในอีกด้านก็เป็นการทดสอบว่าทีมคังเฉียงเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิคนไหน บอกได้ว่ายิงศรดอกเดียวได้นกสองตัว

  เขาไม่ลืมงานที่จักรพรรดิมอบหมายมาให้กับเขา ซูจิงคือคนที่เหมาะที่สุดที่จะทำภารกิจนี้

  …   ที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน

  หลังจากผ่านมาหลายปี ในที่สุดซูจิงก็ได้กลับมายังหมู่บ้านอันห่างไกลนี้อีกครั้ง

  แต่หากเทียบกับในอดีตแล้ว ตอนนี้หมู่บ้านเล็กๆกลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างมาก มันมียอดฝีมือจำนวนมากอยู่ที่นี่ รวมไปถึงคนระดับผู้บัญชาการด้วย

  ซูจิงได้เข้าพบลั่วเกา นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้พบกับลั่วเกา   ผู้ดูแลลั่วเกา เจ้ายังจำข้าได้ไหม? 

  เมื่อเห็นซูจิง ลั่วเกาก็ต้องสะดุ้ง ตอนแรกเขาจำซูจิงไม่ได้ แต่เมื่อเห็นซูจิงใส่ตราของกองทัพเทียนลั่ว ความทรงจำในอดีตก็ค่อยๆกลับมา   ท่าน…ท่านคือคนระดับสูงคนนั้นรึ ? 

  ในกองทัพเทียนลั่วนั้นมีผู้บัญชาการใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก คนที่ถูกเรียกว่าคนระดับสูงของกองทัพนั้นกลับมีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

  ซูจิงคนนี้คือผู้บัญชาการใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพเทียนลั่ว !

    ข้าได้ยินว่าทีมคังเฉียงตามหาข้าใช่รึไม่ ?  ซูจิงถามขึ้นมาตามตรง

  ลั่วเกาตอบกลับมาด้วยความเคารพ   ใช่ขอรับ! เจ้าสำนักบอกว่าซุนกวนมีบุญคุณกับพวกเขา และมีบางคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนกวน ดังนั้นเขาจึงอยากตรวจสอบการตายของซุนกวน… 

    เจ้าสำนักรึ ? 

    ท่านเจ้าสำนักคือหัวหน้าของทีมคังเฉียง  

    พวกเขาตามหาข้าเพื่อตรวจสอบเรื่องซุนกวนรึ ?  ซูจิงสงสัย   พวกเขาเป็นสหายของซุนกวนรึ? 

  ไม่ ความแข็งแกร่งของซุนกวนนั้นอยู่ระดับทั่วไป เขาจะมีสหายที่แข็งแกร่งแบบนั้นได้ยังไง ซูจิงพอจะรู้เรื่องซุนกวนอยู่บ้าง เขาจำไม่ได้ว่าซุนกวนไปมีสหายที่แข็งแกร่งแบบนั้นเมื่อไหร่กัน  แต่หากนี่ไม่ใช่สหายของซุนกวน แล้วพวกนี้เป็นใคร ?

    รึว่าเป็นสหายของพี่เขย ?  ซูจิงเริ่มสับสนขึ้นมา

  พี่เขยของเขาเคยโด่งดัง และถูกเรียกว่าดวงดาวแห่งอนาคตของเขตซื่อเซียว เขามีศักยภาพมากพอที่จะเป็นผู้นำของแม่ทัพ เขามีสหายมากมาย ซึ่งอาจจะมีคนระดับแม่ทัพอยู่1-2คน

  แต่ถ้าหากเป็นสหายของพี่เขยแล้วทำไมไม่พูดชื่อของพี่เขย แต่เป็นชื่อของซุนกวนแทน ?

  รึกลัวปัญหาที่จะตามมา ?

  เรื่องนี้ไม่น่าจะเรียบง่ายอย่างที่คิด

    พวกเขาอยู่ที่ไหน?  ซูจิงถามขึ้นมา   เจ้าพาข้าไปหาพวกเขาได้รึไม่ ? 

  บางเรื่องต้องไปถามด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจได้ ตอนนี้เดาไปก็ไร้ประโยชน์

  ลั่วเกาตอบกลับอย่างสุภาพ   ตามที่เจ้าสำนักบอกมา พวกเขาอยู่ในโกลาหลหินที่ซุนกวนได้สร้างขึ้น หากท่านอยากพบพวกเขา ท่านก็เดินทางไปที่โกลาหลหินได้เลย 

    โกลาหลหินรึ ?  ซูจิงแปลกใจ   โกลาหลนั่นยังไม่โดนทำลายอีกรึ ? 

    ต้นไม้โกลาหลรับสืบทอดโกลาหลหินแทน เขาได้กลายเป็นจ้าวโกลาหลแล้ว  ลั่วเกาอธิบายออกมา

  ซูจิงพยักหน้า   ต้นไม้โกลาหลนั่นโชคดีจริงๆ  

  โดยทั่วไปแล้วเมื่อร่างหลักตายไป โกลาหลที่สร้างก็จะโดนทำลายไปด้วย

  มันยากที่ต้นไม้โกลาหลจะสืบทอดโกลาหลได้เพราะเงื่อนไขมันยากอย่างมาก

  หลังจากที่รู้ตำแหน่งของทีมคังเฉียงแล้วซูจิงก็ได้ออกจากหมู่บ้านเสี่ยวอัน ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ทำให้ใครรู้ถึงการมาของเขานอกจากลั่วเกาคนเดียว

  ….   ที่โลกป่าในโกลาหลหิน

  คนของสำนักคังเฉียงรวมถึงร่างแยกของจางหยู ต่างก็พากันดูดซับลูกปัดดั้งเดิมกันอย่างบ้าคลั่ง ลูกปัดพันล้านลูก แม้ว่าจะแบ่งให้กับทุกคน แต่ก็ยังเป็นจำนวนมากอยู่ดี พวกเขาได้ทำการดูดซับกันตลอดทั้งวันทั้งคืน ด้านนอกผ่านไปหมื่นปี แต่ด้านในกลับผ่านไปกว่าล้านล้านปีแล้ว สุดท้ายลูกปัดพันล้านลูกนี่ก็ถูกดูดซับจนหมด

  ตอนที่ซูจิงมาถึงสำนักคังเฉียง ทุกคนก็แทบพร้อมจะออกมาจากโลกตันเถียนแล้ว

    ข้า ซูจิง ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่ว ขอเข้าพบท่านจางหยูด้วย  ที่ตีนเขา ซูจิงไม่ได้ถ่อมตัว เขากลับตะโกนออกมาเสียงดังก้อง

  เสี่ยวเสียที่เพิ่งจะดูดซับลูกปัดเสร็จก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ตีนเขา   เจ้าเป็นใครกัน ? นายท่านยุ่งอยู่ไม่มีเวลามาพบเจ้าหรอก ! 

  เมื่อเห็นหมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า ซูจิงก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น   เจ้าเป็นใคร ?      ข้ารึ ?  เสี่ยวเสียเชิดหน้าด้วยความภูมิใจ   ฟังให้ดีๆ ! ข้าคือเสี่ยวเสีย ! คนโปรดที่แข็งแกร่งที่สุดของนายท่าน! หากเจ้าต้องการพบกับนายท่าน ก็ต้องผ่านข้าไปให้ได้ซะก่อน ! 

  เพราะเพิ่งดูดซับลูกปัดเสร็จก็ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เมื่อพบกับยอดฝีมือคนอื่นเข้า เสี่ยวเสียจึงคันไม้คันมือขึ้นมา

  ซูจิงถามขึ้นมา   ข้าจะพบกับนายเจ้าของเจ้าได้ยังไง ? 

    ประตูของสำนักคังเฉียงไม่ใช่ว่าใครจะผ่านไปก็ได้  เสี่ยวเสียพึมพำออกมา   เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่ว เจ้าคงแข็งแกร่งสินะ ? หากอยากพบกับนายข้า เจ้าต้องสู้กับข้า ชนะรึแพ้ค่อยว่ากัน แต่ต้องสู้กันก่อนแล้วข้าจะไปบอกนายท่านให้เอง 

  เป็นแค่หมากลับกล้าดีขนาดนี้เลยรึ ?

  ซูจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทีมคังเฉียงนี่แข็งแกร่งจริงๆ แม้ว่าหัวหน้าทีมจะจัดการกับแรนเดลได้ แต่คนอื่นๆในทีมก็แข็งแกร่งระดับผู้บัญชาการ แต่เขาที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่และเป็นรองแค่จิงหงจะไม่กล้าสู้กับหมาเลยรึ ?

    ได้ งั้นลงมือ  ซูจิงพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

  เสี่ยวเสียพูดขึ้น   ที่นี่สู้ไม่ได้ ไปที่ทะเลโกลาหล 

  ซูจิงยักคิ้ว หมาตัวนี้คิดจริงจังว่าจะจัดการกับเขาได้เลยรึ !

    ได้ เอาตามที่เจ้าต้องการได้เลย  ซูจิงเดินทางออกไปนอกกำแพงโกลาหลและเข้าไปยังทะเลโกลาหล

  เสี่ยวเสียรีบตามไปทันที มันแลบลิ้นออกมาและเห่าใส่ซูจิง ก่อนจะพูดขึ้น   เด็กน้อย เจ้าพร้อมรึยัง ? ท่านเสี่ยวเสียจะลงมือแล้ว ! 

  ซูจิงไม่คิดจะใส่ใจกับคำพูดของเสี่ยวเสียแม้แต่น้อย ทีมคังเฉียงนั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่คนที่แข็งแกร่งจริงๆน่าจะเป็นหัวหน้าทีมลึกลับ ส่วนสมาชิกในทีมคงไม่ได้แข็งแกร่งจนน่ากลัว ซูจิงที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่นั้น หากแต่หมาตัวเดียวยังจัดการไม่ได้ งั้นมันก็คงเป็นเรื่องตลกไม่ใช่รึไง ?

    ได้ ลงมือ  ซูจิงพูดขึ้น

  ที่เขาต้องการคือรีบเอาชนะหมานี่และเข้าพบกับเจ้าสำนักโดยเร็ว

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท