ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1901 : ปะมือ

ตอนที่ 1901 : ปะมือ
  เสี่ยวเสียไม่คิดจะยั้งมือแม้แต่น้อย เมื่อซูจิงยอมสู้ มันจะเกรงใจไปทำไม ?
ต่อมาซูจิงก็รู้สึกได้ว่าร่างของเสี่ยวเสียพร่ามัว ก่อนจะหายตัวไปในพริบตา
ก่อนที่ซูจิงจะรู้ตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่าหวั่นใจ !
ในเสี้ยววินาทีร่างของซูจิงก็โดนทำลาย จิตของเขาเสียหายอย่างมากในตอนนี้
“ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่วไม่ใช่รึ ?” เสี่ยวเสียสับสน “ มีฝีมือแค่นี้รึ ?”
นี่มันกระจอกเกินไปแล้ว !
ผู้บัญชาการใหญ่ของเผ่าสวรรค์ที่เคยเจอยังแกร่งกว่านี้มาก !
ซูจิงอึ้ง ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขายังไม่ทันตอบโต้ก็แทบจะหมดความสามารถที่จะสู้ต่อได้…
หมานี่แข็งแกร่งจริงๆ !   เขาแทบไม่อาจทำใจเชื่อได้ เขาที่เป็นถึงผู้บัญชาการใหญ่แต่กลับไม่อาจจะรับมือได้แม้กระทั้งหมา ?
นี่มันหมาปีศาจเหรอ ?
หมานี่มันอะไรกัน ?
“ เจ้ารีบสร้างร่างขึ้นมาใหม่ได้แล้ว” เสี่ยวเสียตกใจอย่างมากและกลัวว่าซูจิงจะโดนตัวเองฆ่า
มันไม่คิดว่าซูจิงจะกระจอกขนาดนี้ นี่มันยังไม่ทันได้ใช้พลังทั้งหมด ซูจิงก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบซะแล้ว
หากนายท่านรู้เข้า แน่นอนว่ามันคงโดนอัดอีกรอบ
โชคดีที่ซูจิงพอมีความสามารถอยู่บ้าง แม้ว่าจะเทียบกับเสี่ยวเสียไม่ได้ แต่ในบรรดาผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่ว และในหมู่ผู้บัญชาการใหญ่ของเขตซื่อเซียวแล้ว เขาก็ถือว่าอยู่ใน 3 อันดับแรก ถึงการโจมตีจะน่ากลัวจนเขาได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้
เขาได้ควบคุมพลังจิตและพลังโกลาหลของตัวเองในการสร้างร่างใหม่ขึ้นมา
“ เจ้าแข็งแกร่งถึงระดับแม่ทัพเลยรึ ? ” ซูจิงแสดงสีหน้าหวาดกลัว สายตาของเขาแสดงความลนลานออกมา
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาไม่อาจจะตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย
มีแค่แม่ทัพเท่านั้นที่รับมือได้ !
“ แม่ทัพรึ ? ข้าไม่รู้ไ เสี่ยวเสียเกาหัว “ ครั้งที่แล้วที่ทดสอบความแข็งแกร่ง ข้าได้สีแดงเข้ม…เดาว่าหากทดสอบในตอนนี้คงต่างไปจากเดิม”
มุมปากของซูจิงพลันกระตุก เขาจำได้ว่าทีมคังเฉียงนั้นก่อตั้งมาแค่หมื่นปี คงต้องบอกว่าเสี่ยวเสียทดสอบไปเมื่อหมื่นปีก่อน
ในเวลาแค่หมื่นปีแต่ความแข็งแกร่งจากระดับผู้บัญชาการทั่วไปกลับขึ้นมาเป็นแม่ทัพได้ นี้มันเป็นไปได้ด้วยรึ ?   “ เจ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ทำไมต้องโกหกข้าด้วย ?” ซูจิงไม่เชื่อคำพูดของเสี่ยวเสีย เขาคิดว่าเสี่ยวเสียหลอกเขา “ ยังไงซะข้าก็ไม่ใช่คู่มือของเจ้าอยู่ดี ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าพาข้าไปหานายเจ้าได้รึยัง ?”
เมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียแล้ว ซูจิงก็มั่นใจว่าจางหยูรึทีมคังเฉียงอาจจะจัดการกับเก่อเย่ได้จริงๆ
แค่หมาตัวเดียวก็ยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แล้วเจ้านายของมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน
เมื่อคิดแบบนั้นซูจิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา สายตาของเขาแสดงความคาดหวังออกมา
“ หากเจ้าต้องการพบกับนายท่าน เจ้าก็บอกธุระมาก่อน” เสี่ยวเสียไม่ลืมเก่อเย่และร่างแยกของซื่อเซียวที่เคยมาที่นี่ แม้ว่าท่าทีของซูจิงจะดูไม่ได้อคติ แต่ใครจะไปรู้ว่าซูจิงเสแสร้งรึไม่ “หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ งั้นก็ห้ามรบกวนนายท่าน”
ซูจิงขมวดคิ้ว แต่ยังไงซะเขาก็ยังกลัวเสี่ยวเสียอยู่นิดๆ จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ พวกเจ้าอยากรู้เรื่องซุนกวนไม่ใช่รึ ? บอกนายเจ้าเรื่องนี้ บอกเขาว่าอู๋ห่าวได้มาหาข้า ข้าจึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง เจ้าจะพาข้าไปหานายเจ้ารึไม่ ?”
คำพูดของเขามีความไม่พอใจแฝงอยู่นิดๆ
แน่นอนว่าเขาได้แต่บ่นในใจ
“ เจ้าคือคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วรึ ?” เสี่ยวเสียได้สติ “ เจ้าเคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันและเคยทะเลาะกับซุนกวน คนคนนั้นคือเจ้ารึ ?”
ซูจิงเงียบไปสักพัก
“ ใช่ เป็นข้าเอง ” ซูจิงพูดขึ้น
เสี่ยวเสียกระแอมไอออกมาแล้วฉีกยิ้มทันที “ ไอ้หยา ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ ! ข้าก็นึกว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา! หากข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ข้าคงไปแจ้งกับนายท่านทันที…” มันรู้สึกผิดอย่างมาก นี่คือคนที่จางหยูตามหา เขามาหาถึงที่แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในสำนักคังเฉียงก็เกือบโดนมันฆ่า ถ้านายท่านรู้เข้า มันจบสิ้นแน่
ไม่ นายท่านห้ามรู้เรื่องนี้ !
“ ซูจิงสินะ ?” เสี่ยวเสียแสดงท่าทีกระตือรือล้นออกมา มันถึงกับเผยท่าทีประจบ “ เจ้าเป็นอะไรรึไม่? ตะกี้แค่ปะมือกัน ข้าลงมือหนักเกินไป ! แต่เจ้าเป็นคนระดับสูง แน่นอนว่าไม่ได้อ่อนแอ เจ้าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่รึไม่ ?”
ซูจิงพูดอะไรไม่ออก
การที่เขาโดนทำลายร่างไปยังจะให้บอกว่าไม่มีปัญหาอะไรอีกรึ ?
เขาไม่เคยโดนลงมือหนักแบบนี้ตั้งแต่ที่เข้าร่วมกับกองทัพเทียนลั่ว
หากไม่ใช่เพราะโชคดีที่เกราะของเขาลดทอนพลังในการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง เขาอาจจะตายไปแล้ว
ซูจิงอยากจะบอกว่าเขามีปัญหา ปัญหาใหญ่ด้วย !
แต่เมื่อเห็นเสี่ยวเสีย เขาก็ไม่กล้าพูดมันออกมา เขากลัวว่าหากเขาพูดไปแล้วเสี่ยวเสียจะลงมือกับเขาอีก จากนั้นเขาคงไม่ได้พบกับหัวหน้าทีมคังเฉียง แต่คงตายไปเจอพี่สาวและพี่เขยแทน
“ ข้าไปพบนายเจ้าได้รึยัง ?” ซูจิงถามกลับด้วยความร้อนใจ
เสี่ยวเสียไม่กล้าที่จะรอช้าและพูดขึ้น “ แน่นอน ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
ไม่นานทั้งสองก็ได้เดินทางไปที่ตีนเขาทันที แต่ครั้งนี้เสี่ยวเสียทำตัวสุขุมอย่างมาก มันหน้าซีดเพราะกลัวความผิดนี้
เสี่ยวเสียได้บอกกับซูจิงว่า “ เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะไปแจ้งกับนายท่าน”
มันได้แจ้งจางหยูทันที สำหรับเรื่องที่ลงมือกับซูจิงจนอีกฝ่ายเกือบตายนั้นมันไม่ได้พูดถึง
“ พาเขาไปที่ลาน” จางหยูรีบตอบกลับ
“ ข้าจะพาเจ้าไปที่ลานสำนัก” เสี่ยวเสียเงยหน้าขึ้นมองซูจิง ก่อนจะพาซูจิงไปที่ลานสำนัก
เสี่ยวเสียและซูจิงรออยู่เงียบๆ ไม่นานจางหยูก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“ นายท่าน !” เสี่ยวเสียรีบตะโกนออกมาด้วยความเคารพ
“ ข้า ซูจิง คำนับเจ้าสำนัก!” ซูจิงโค้งทำความเคารพ
ก่อนที่จางหยูจะได้พูดออกมา ซุนเหยียนและซุนเมิ่งก็โผล่มาที่นั่น
“ ซุนกวน !” ซูจิงตกใจ เขาเข้าใจผิดคิดว่าซุนเหยียนนั้นคือซุนกวน “ เป็นไปได้ยังไงที่เจ้ายังไม่ตาย?”
ซุนเหยียนอธิบายออกมา “ ข้าคือซุนเหยียน ไม่ใช่ซุนกวน”
“ หมายความว่ายังไงกัน ?”
“ ข้าคือร่างแยกของซุนกวน…เจ้าเรียกข้าว่าซุนเหยียนก็ได้ ” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ ยังไงซะข้าก็คือซุนกวน แต่ก็ไม่ใช่ซุนกวน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซูจิงก็ใจเย็นลง  เขาถึงกับคิดว่าซุนกวนฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วในตอนแรก
“ ไม่คิดเลยว่าซุนกวนจะเหลือร่างแยกไว้” ซูจิงมองไปที่ซุนเหยียน “ หากพี่ข้าและพี่เขยยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาคงยินดีมากแน่ๆ”
จางหยูคิดตาม
ซุนเหยียนได้ถามขึ้นมา “ เจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับร่างหลักของข้า ?”
“ แม่ของซุนกวนเป็นพี่สาวข้า พ่อของเขาเป็นพี่เขยข้า เจ้าคิดว่าเราเกี่ยวข้องกันยังไง ?” ซูจิงถอนหายใจออกมา “ เจ้าคือร่างแยกของซุนกวน ตามเหตุผลแล้วเจ้าควรจะเรียกข้าว่าน้า ”
ซุนเหยียนคิดตาม “ น้ารึ ?”
ซุนเมิ่งที่อยู่ข้างๆได้แต่อ้าปากค้างและคิดตาม
“ ในเมื่อท่านเป็นน้าข้า งั้นทำไมข้าถึงได้ยินว่า เมื่อหลายปีก่อนท่านและร่างหลักของข้าเคยทะเลาะกันที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน และพยายามห้ามร่างหลักเอาไว้ ?” ซุนเหยียนคิ้วขมวด เขาไม่ได้รังเกียจที่จะมีน้า แต่การกระทำของซูจิงนั้นดูไม่เหมือนน้าที่น่าเคารพเอาเสียเลย
ซูจิงเงียบไป ก่อนจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเสี่ยวอัน
“ ท่านจะบอกว่าพ่อร่างหลักตายไปเพราะคนทรยศ จากนั้นพวกเขาก็ทำให้แม่ของร่างหลักต้องฆ่าตัวตายรึ ?” ซุนเหยียนสีหน้าบิดเบี้ยวไป “ ที่ร่างหลักไม่คิดจะจ่ายลูกปัดก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้กองทัพสังเกตการณ์แกะรอยได้งั้นรึ ?”
“ แม้ว่าร่างหลักของเจ้าจะปิดกั้นความทรงจำ และเจ้าก็มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงทำให้เจ้าดูเหมือนเป็นคนละคนกัน แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นพ่อแม่ของร่างหลัก งั้นก็ถือว่าเป็นพ่อแม่ของเจ้าด้วย” ซูจิงไม่พอใจนิดๆ “ ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้”
ซุนเหยียนไม่ได้เถียงอะไรออกมา เขากังวลอีกคำถามมากกว่า “ ข้าอยากรู้ว่าพ่อแม่ร่างหลักเป็นใคร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
��
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท