ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1908 : เสียเทียน

ตอนที่ 1908 : เสียเทียน

  ข่าวเรื่องทีมคังเฉียงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ไม่นานก็เผยแพร่ไปทั่วทั้งเขตซื่อเซียว จิงหงเป็นคนแรกที่สนใจว่าทีมคังเฉียงนั้นอยู่ที่ไหน

  แต่จางลู่และคนอื่นๆเมื่อส่งตัวกวนเสร็จก็รีบออกจากหมู่บ้านเสี่ยวอันตรงไปที่หมู่บ้านฉิงหยานทันที

  คนที่อยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวอันเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่จางลู่และทั้งสองจากไป ส่วนคนที่อยากจะเข้าร่วมทีมคังเฉียงและอยากร่วมมือกับทีมคังเฉียงต่างก็มาช้ากันไปก้าวหนึ่ง

  แต่จากปากลั่วเกา พวกนั้นก็รู้ว่าทีมคังเฉียงได้มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านฉิงหยาน หลายคนรีบไล่ตามไป เพราะเหตุผลนี้พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้ลูกปัดเพื่อใช้งานประตูไปที่นั่น

  ไม่นานหลังจากนั้นจางลู่และคนอื่นๆก็มาถึงหมู่บ้านฉิงหยาน หลังจากนั้นพวกเขาก็พบกับจ้าวโกลาหลหลายคนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง  สิ่งที่จางลู่และคนอื่นๆคิดไม่ถึงคือที่สำนักงานของหมู่บ้านนั้นมีคนรอพวกเขาอยู่

  ตอนที่เขาไปในสำนักงาน พวกเขายังไม่ทันได้ทักทายซีหยุน ก็พบกับชายหนุ่มชุดขาวดำผมยาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซีหยุน อีกฝ่ายดูชั่วร้ายและทำให้พวกเขากังวลใจ

    สวัสดี  ชายหนุ่มคนนั้นสุภาพอย่างมาก เขายิ้มให้กับทุกคน รอยยิ้มนี้ดูมีเสน่ห์และอบอุ่น   ข้าไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นหัวหน้าทีม ? 

  เขามองไปที่ จางลู่,เจ้าสำนัก และความว่างเปล่า แม้ว่าทั้งสามคนจะมีคลื่นพลังแตกต่างกัน แต่ระดับการบ่มเพาะของแต่ละคนต่างก็สูงและโดดเด่น แม้แต่พวกคนด้านหลังอย่างเจ้าสำนักสาขาเองก็ดูไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกนั้นราวกับดาวในคืนที่มืดมิด

  จางลู่และคนอื่นๆชะงักและมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสงสัย ก่อนจะถามออกมาว่า   เจ้าเป็นใครกัน ? 

    ข้า เสียเทียน  ชายหนุ่มแนะนำตัว   ข้าคือหัวหน้าของทีมเทพปีศาจ      เจ้าคือ เสียเทียน รึ ?  จางลู่แปลกใจ   หัวหน้าทีมระดับความตายเพียงทีมเดียวของเขตซื่อเซียว คนที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับแม่ทัพน่ะรึ ? 

  เสียเทียนยิ้มรับ   นั่นก็แค่สิ่งที่คนอื่นพูดถึงกัน 

  ซีหยุนมองไปที่จางลู่, เจ้าสำนัก และความว่างเปล่าด้วยท่าทีลังเล   นี่…ใครเป็นเจ้าสำนักกัน ?  เขาเพิ่งได้รับข่าวว่าทีมคังเฉียงปรากฏตัวแล้ว เขาเตรียมที่จะเข้าพบทีมคังเฉียงแต่เมื่อเห็นจางลู่และคนอื่นๆ เขาก็ต้องสับสน มันมีเจ้าสำนักถึงสามคนได้ยังไง ?

    เราคือร่างแยกของเจ้าสำนัก  จางลู่คุ้นกับซีหยุนอย่างมาก เขายิ้มออกมา   ร่างหลักเก็บตัวอยู่ ครั้งนี้จึงส่งร่างแยกอย่างเรามา เจ้าเรียกข้าว่าจางลู่ก็ได้ นี่คือเจ้าสำนักและนี่คือความว่างเปล่า ส่วนคนที่เหลือคือเจ้าสำนักสาขาของสำนักคังเฉียง 

  ซีหยุนกระจ่างขึ้นมาทันที สายตาของเขาสะท้อนความผิดหวังออกมา  เขาอยากจะผูกมิตรกับเจ้าสำนักเอาไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าสำนักจะเก็บตัวอยู่

    เป็นเกียรติที่พบทุกคน  แม้ว่าจะผิดหวังแต่เขาก็ยังรักษามารยาทอยู่   ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านมาที่นี่เพื่อจะรับภารกิจรึ ? 

  จางลู่พยักหน้า   เราขาดลูกปัดไปอีกเล็กน้อย ดังนั้นจึงมารับภารกิจเพื่อหาลูกปัดเพิ่ม เราคือร่างแยก เราน่าจะรับภารกิจของทีมร่างหลักได้ใช่รึไม่ ? 

  ซีหยุนตอบกลับโดยไม่ลังเล   แน่นอน ไม่มีปัญหา พวกท่านรับภารกิจตอนไหนก็ได้  เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นต่อ   แต่ก่อนอื่นข้าต้องถามเรื่องความแข็งแกร่งของพวกท่านก่อนและลงทะเบียนข้อมูล จากนั้นข้าจะได้ใส่ข้อมูลของพวกท่านลงไปในทีมคังเฉียง นี่เป็นขั้นตอนที่จำเป็น หวังว่าพวกท่านจะไม่ถือสา 

    ได้ มาเริ่มกันเลย  จางลู่คึกขึ้นมาทันที

  ซีหยุนเห็นแบบนั้นจึงเตือนขึ้นมา   ทีมคังเฉียงเป็นทีมระดับราชา สมาชิกต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยระดับหัวหน้าทีม หากทดสอบแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ งั้นก็ได้เป็นแค่สมาชิกสำรอง การรับภารกิจจะมีข้อจำกัดอยู่ ข้าหวังว่าท่านจะรับรู้เรื่องนี้เอาไว้  

  เขากังวลว่าจางลู่และคนอื่นๆจะทดสอบได้ไม่ผ่านเกณฑ์แล้วจะเสียหน้า

  จางลู่พยักหน้า   ได้ เราเข้าใจแล้ว 

    งั้นเชิญทางนี้  ซีหยุนไม่มัวไร้สาระและเดินนำทุกคนไปยังห้องทดสอบ

    เดี๋ยว   เสียเทียนพูดขึ้นมา

  ทุกคนพากันหยุดและหันมามอง เสียเทียน

  เสียเทียนมองไปที่จางลู่พร้อมคิ้วที่ขมวดก่อนจะถามขึ้นมา   เมื่อไหร่ร่างหลักของเจ้าจะออกมา ? 

  สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวนิดๆเพราะเขารู้สึกว่าเขาโดนมองข้าม คนที่แก่งรระดับแม่ทัพและอยู่อันดับต้นๆของเขตซื่อเซียวแต่กลับโดนมองข้ามไป เขาจะใจเย็นอยู่ได้ยังไง ?   ที่น่ารำคาญไปกว่านั้นคือซีหยุน ชายคนนี้ต่อหน้าเขาแค่รักษามารยาท แต่ต่อหน้าทีมคังเฉียงแล้วกลับประจบ ซีหยุน เหมือนให้ความสำคัญกับทีมคังเฉียงมากกว่าเขา และมันหมายความว่าในสายตาของซีหยุนแล้ว หัวหน้าทีมคังเฉียงแกร่งกว่าเขาอีกรึ ?

    เจ้าเรียกเรามีธุระอะไร ?  จางลู่มองไปที่เสียเทียนแล้วถามขึ้นมาด้วยท่าทีสนใจ

  ตามข่าวลือพวกเขารู้ว่าเสียเทียนเป็นหัวหน้าทีมเทพปีศาจ ทีมระดับความตายเพียงทีมเดียวในเขตซื่อเซียว นอกจากแม่ทัพทั้งสามแล้ว เขาคือคนที่แกร่งที่สุด ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ยกย่องเขา

  แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขากัน ?

    ข้าอยากร่วมงานกับทีมเจ้า  เสียเทียนพูดขึ้น   ทีมคังเฉียงเป็นทีมระดับราชาแต่ความแข็งแกร่งของหัวหน้าพวกเจ้าโดดเด่นและน่าจะเหนือกว่าข้า ความแข็งแกร่งของสมาชิกในทีมก็พอรับได้ ทีมเทพปีศาจของเราในฐานะทีมระดับความตายเพียงทีมเดียวในเขตซื่อเซียวนั้นแกร่งโดยไม่ต้องสงสัย หากทั้งสองทีมร่วมมือกันแล้ว บางทีเราอาจจะทำภารกิจที่ยากสำเร็จได้รึอาจจะทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้จนสำเร็จลุล่วงได้ 

  เมื่อพูดไปแล้วเสียเทียนก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา สายตาของเขาแสดงความกระหายออกมา   ทีมเทพปีศาจกับทีมคังเฉียงร่วมมือกันต้องสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้แน่ ! 

  นี่คือความคิดจริงๆของเสียเทียน !

  เขาอยากร่วมมือกับทีมคังเฉียงเพื่อทำภารกิจที่ท้าทาย !

  เพราะทีมคังเฉียงนั้นมีสิทธิ์ที่จะร่วมมือกับเขาจริงๆ

  แต่ก่อนที่จางลู่จะได้ตอบกลับ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่ด้านนอก

    เกิดอะไรขึ้น ?  ซีหยุนคิ้วขมวด

  ไม่นานก็มารายงานบอกว่ามีจ้าวโกลาหลจำนวนมากที่พยายามเข้ามาหาทีมคังเฉียง

  ซีหยุนมองไปที่จางลู่เพื่อขอคำแนะนำจากอีกฝ่าย   นายท่านจะว่ายังไง ? 

    งั้นก็ให้พวกเขาเข้ามา  จางลู่หัวเราะออกมา

  ไม่นานจ้าวโกลาหลหลายร้อยคนก็แห่กันเข้ามา ทุกคนต่างก็ดูโดดเด่น แค่มองดูเพียงแวบเดียวก็ดูออกว่าไม่ใช่คนทั่วไป

    นี่คือท่านจางลู่ เขาเป็นร่างแยกของเจ้าสำนัก พวกเจ้ามีอะไรก็บอกกับท่านจางลู่ได้โดยตรง  ซีหยุนควบคุมอารมณ์และได้บอกตัวตนของจางลู่ออกมาทันที

  จางลู่ถามขึ้นมา   พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน ? 

  จ้าวโกลาหลหลายร้อยคนหวังที่จะได้พบกับทีมคังเฉียง แต่เมื่อได้พบจริงๆ พวกเขากลับลังเลขึ้นมาจนไม่มีใครพูดอะไรออกมา

  หลังจากนั้นสักพักก็มีคนหนึ่งสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น   ข้าหวังที่จะได้เข้าร่วมทีมคังเฉียง ข้าขอให้เจ้าสำนักอนุญาตด้วย   สิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆไม่ใช่ทีมคังเฉียงแต่เป็นผลประโยชน์

  ทันทีที่ก่อตั้งทีมคังเฉียงขึ้นมา พวกเขาก็ทำภารกิจที่ยากสองอันได้เสร็จ และถึงกับเข้าไปในเขตสวรรค์โดยที่ไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว

    ข้าขอโทษด้วย  จางลู่พูดขึ้น   ทีมคังเฉียงตอนนี้รับแต่คนของสำนักคังเฉียงเท่านั้น เราไม่รับสมาชิกภายนอก ไว้โอกาสหน้า 

  จ้าวโกลาหลหลายคนไม่พอใจ   เจ้าเป็นแค่ร่างแยกของเจ้าสำนัก เจ้ามีสิทธิ์อะไรตัดสินแทนเจ้าสำนัก ? เราอยากให้เจ้าสำนักมาตอบด้วยตัวเอง ! 

    เจ้ารู้รึไม่ว่าการปฏิเสธของเจ้าทำให้ทีมคังเฉียงพลาดสมาชิกระดับสูงไป   ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำมองมาที่ จางลู่และพูดขึ้น   เงื่อนไขของเราคือเข้าร่วมทีมคังเฉียง มันไม่ใช่ปัญหาอะไร เราเต็มใจจะเข้าร่วมทีมคังเฉียง ข้าไม่กล้าบอกว่ามันเป็นเกียรติต่อทีมคังเฉียงแต่สำหรับทีมคังเฉียงแล้วมันก็ไม่ได้มีผลเสียใดๆ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้ปฏิเสธ ? 

  เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ซีหยุนก็ไม่ได้แปลกใจ   เสี่ยวเทียนฮี เขานี่เอง 

    ชายที่โด่งดังคนนั้นน่ะรึ ?  จางลู่สนใจขึ้นมา

    ชายคนนี้คือคนโด่งดังในเมืองไป่ซิง แม้ว่าจะไม่โด่งดังเท่ากับลั่วชา แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามาก ข้าได้ส่งคนไปถามเขาแล้วแต่เขาปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่าเขาจะขอเข้าร่วมทีมคังเฉียงเช่นนี้….  

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท