The king of War – บทที่ 304 นับวันผ่านไปยิ่งแย่

บทที่ 304 นับวันผ่านไปยิ่งแย่

“ก่อนหน้านี้คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง แต่ต่อมาเพียงชั่วข้ามคืน ตระกูลหยางกลับพังพินาศ ส่วนเฉียนเปียวก็หายตัวไป รอตอนเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ตามอยู่รอบตัวหยางเฉินแล้ว หรือว่าแต่ละท่านไม่คิดว่าการสูญสิ้นของตระกูลหยางอาจจะเกี่ยวข้องกับหยางเฉินเหรอ?”

เว่ยเชินนำทุกอย่างที่ตนเองรู้ บอกออกมาทั้งหมดแล้ว

เว่ยหู่ที่เดิมทียังอยากจะเย้ยหยันเว่ยเชิน เวลานี้ก็นิ่งเงียบไป

ชื่อของเฉียนเปียว พวกเขาต่างเคยได้ยินมา

ไม่เพียงแค่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง ยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองโจวเฉิงอีกด้วย

ตระกูลหยาง เป็นเพราะมีเฉียนเปียวอยู่ ถึงสามารถก้าวข้ามจากตระกูลเล็กๆ แห่งหนึ่ง กลายมาเป็นตระกูลระดับหนึ่งของเมืองโจวเฉิง

“ผู้นำครับ เรื่องพวกนี้ที่ผมพูดมา เป็นจริงทุกประโยค! ถ้าไม่ขอความช่วยเหลือจากสมาคมบูโด เกรงว่าตระกูลเว่ยคงเจอความยุ่งยากมากมายจริงๆ ครับ!”

เว่ยเชินเอ่ยปากอีกครั้งหนึ่ง มองทางเว่ยเฉิงโจวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ตั้งนาน ในที่สุดเว่ยเฉิงโจวถึงตัดสินใจได้ เอ่ยปากบอกว่า “ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นไปขอการสนับสนุนจากสมาคมบูโด!”

“ครับ ผู้นำ!”

ในใจของเว่ยเชินดีอกดีใจยกใหญ่ ขอเพียงมีผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดช่วยสนับสนุน หยางเฉินคงไม่พอให้หวาดกลัวอะไร

แน่นอนว่าในความคิดของเขา บางทีหยางเฉินเดิมก็ไม่มีทางรอดออกมาจากตระกูลเมิ่งได้

ในขณะเดียวกัน โฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งกำลังแล่นตรงมาทางตระกูลเว่ยด้วยความรวดเร็ว

ยี่สิบนาทีต่อมา ในที่สุดหยางเฉินก็มาถึงตระกูลเว่ยจนได้

เขากับหลายคนของตระกูลเว่ยเคยรู้จักกันมาก่อน แต่มาที่ตระกูลเว่ย ยังเป็นครั้งแรก

“ผู้นำครับ ไม่ดีแล้ว หยางเฉินมาแล้วครับ!”

เว่ยเฉิงโจวกำลังอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต้อนรับผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดด้วยตนเอง ทันใดนั้นมีคนพุ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่โดยตรง พูดแบบสีหน้าหวาดกลัวเต็มที่

“ลนลานอะไร?”

เว่ยเฉิงโจวหยักคิ้วขึ้น ตวาดใส่ “ผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดอยู่ที่นี่แล้ว จะกลัวอะไร?”

คนคนนั้นถึงเห็นว่าข้างกายของเว่ยเฉิงโจวยังมีชายวัยกลางคนอยู่คนหนึ่ง

“คุณหนิว เรื่องต่อไปนี้มอบให้ท่านแล้วนะครับ!”

เว่ยเฉิงโจวพูดแบบท่าทางเคารพนับถือ

ที่สมาคมบูโด ความสามารถคือลำดับฐานะ หมัดของใครฝีมือดี ตำแหน่งของคนนั้นยิ่งสูง

คุณหนิวเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของสมาคมบูโด และไม่ใช่บุคคลทรงอำนาจที่ตระกูลเว่ยสามารถล่วงเกินได้

“ตระกูลเว่ย ยิ่งผ่านไปยิ่งถอยหลังจริงๆ คนกระจอกๆ ที่อายุไม่ถึงสามสิบปี ยังจัดการไม่ได้”

คุณหนิวลุกขึ้นมาแล้ว หรี่ตาบอกว่า “รอฉันจัดการเขาเสร็จ กลับไปสมาคมบูโด ต้องไปพูดกับหัวหน้าสาขาสักหน่อย”

คุณหนิวพูดจบ หมุนตัวเดินออกจากห้องโถง

เว่ยเฉิงโจวสีหน้าดูแย่ถึงขีดสุด เดิมทีเรียกคุณหนิวมา เพื่อจะจัดการเฉียนเปียว และปัจจุบันนี้ เฉียนเปียวกลับไม่ได้มา ทว่ามีเพียงหยางเฉิน

ในสายตาของเขา ต่อให้หยางเฉินเก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่คุ้มค่าให้พูดถึง

เฉียนเปียวต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกถึงการมีตัวตนที่น่าปวดหัว เพียงแต่เขาจะรู้ได้อย่างไรกัน เฉียนเปียวติดตามลั่วปิงไปยังเยนตูตั้งนานแล้ว

ตอนที่คุณหนิวเดินออกจากห้องมา หยางเฉินก็มาถึงด้านหน้าคฤหาสน์เรียบร้อย ส่วนด้านหลังของเขาล้มลงเป็นแถบ

เวลานี้ โดยรอบหยางเฉินล้วนเป็นยอดฝีมือของตระกูลเว่ย กลับไม่มีสักคนกล้าเข้ามา ในสายตาของแต่ละคนเป็นความตื่นตระหนก

“ไอ้หนุ่ม นายคือหยางเฉินคนนั้นที่เว่ยเฉิงโจวพูดถึง?”

คุณหนิวหรี่ตามองทางหยางเฉิน ดูจากยอดฝีมือตระกูลเว่ยกลุ่มใหญ่ที่ล้มลงด้านหลังหยางเฉิน ก็รู้แล้วว่าหยางเฉินไม่ใช่คนธรรมดาเด็ดขาด

หยางเฉินยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ที่ตระกูลเว่ย คนที่สามารถเรียกเว่ยเฉิงโจวด้วยชื่อตรงๆ เป็นใครกันอีก?

“นายเป็นใครกัน?” หยางเฉินถามขึ้น

“ฉันกำลังถามนายอยู่ ฟังไม่เข้าใจเหรอ?”

คุณหนิวโกรธเคืองถลึงตาโต เขาไม่อนุญาตให้หยางเฉินสอบถามตนเอง

“ฉันกำลังถามนายอยู่ ฟังไม่เข้าใจเหรอ?” หยางเฉินหัวเราะเยาะ นำคำพูดของคุณหนิวมาถามกลับไปซ้ำอีกที

ตึง!

หยางเฉินพูดจบลง ชั่วขณะนั้นคุณหนิวโกรธจัด ชั่วพริบตาเดียวพื้นหินปูนที่อยู่ใต้เท้าก็แตกร้าว

“ไอ้หนุ่ม นี่นายกำลังวอนหาที่ตาย!”

คุณหนิวสีหน้าอึมครึมถึงขั้นสุด แรงอาฆาตแค้นที่รุนแรงแผ่ไปทั้งตัว

“เจ้าหมอนี่วอนหาที่ตายจริงๆ!”

“กล้ามาพูดแบบนี้กลับคุณหนิว!”

“เขามีสิทธิ์อะไร มาให้คุณหนิวลงมือกัน?”

คนของตระกูลเว่ย แต่ละคนมองทางหยางเฉิน ต่างเหมือนกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง

“คุณหนิวครับ เขาคือหยางเฉิน เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงตระกูลเล็กๆ ที่ค่อนข้างสู้ได้คนหนึ่ง คนน่ากลัวที่แท้จริง เป็นยอดฝีมือเบื้องหลังเขาที่ชื่อเฉียนเปียวครับ”

เว่ยเฉิงโจวเอ่ยปากบอกไป ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นหยางเฉินเป็นครั้งแรก แต่เมื่อสักครู่ตอนประชุมตระกูล รูปภาพของหยางเฉินถูกแสดงออกให้ดู ดังนั้นเพียงแค่มองแวบเดียวเขาก็จำหยางเฉินได้แล้ว

“ไอ้หนุ่ม เห็นแก่ที่นายอายุน้อยไม่รู้ภาษา ฉันจะไม่ถือสานาย วันนี้เป็นต้นไป นายมาติดตามอยู่ข้างตัวฉัน ทำธุระให้ฉัน ฉันไม่เอาเปรียบนายแน่นอน”

คุณหนิวเอ่ยปากทันใด

“อะไรนะ?”

ชั่วขณะนั้นเว่ยเฉิงโจวมึนงงแล้ว พูดจาแบบท่าทางยากจะเข้าใจ “คุณหนิว ผมเรียกท่านมา ให้ท่านจัดการเขา ทำไมท่านถึงให้เขามาตามอยู่ข้างกายท่านครับ?”

ไม่เพียงแค่เว่ยเฉิงโจว ยังมีคนของตระกูลเว่ยกลุ่มหนึ่งก็งงตาค้างกันหมดแล้ว

คุณหนิวคนนี้ ไม่ใช่มาช่วยตระกูลเว่ยเหรอ?

“ฉันหนิวกึงเซิง อยากจะทำอะไร คนอย่างนายเว่ยเฉิงโจวกล้ามาถาม?”

เดิมทีผู้ชายคนนี้ชื่อหนิวกึงเซิง กำลังตวาดใส่เว่ยเฉิงโจวไป

ชั่วขณะนั้นเว่ยเฉิงโจวตื่นตกใจ รีบพยักหน้า “คุณหนิว ขอโทษครับ เป็นผมเสียมารยาทเอง!”

“เหอะ!”

หนิวกึงเซิงหมุนตัว มองทางหยางเฉิน พูดว่า “ฉันกับตระกูลเว่ยถือว่าสร้างมิตรภาพกันมาระดับหนึ่ง ความบาดหมางระหว่างพวกนาย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหายกันแล้ว!”

ไม่รอให้หยางเฉินพูด หนิวกึงเซิงมองทางเว่ยเฉิงโจวแล้วถามขึ้น “ฉันตัดสินใจแบบนี้ ตระกูลเว่ยของนายไม่มีปัญหาอะไรมั้ง?”

“ไม่ ไม่มีครับ!”

เว่ยเฉิงโจวกล้าไม่เห็นด้วยที่ไหนกัน รีบส่ายหน้าทันที

ในฝูงชน ภาพเงาคนที่งดงามคนหนึ่ง ในดวงตาที่แต่งเติมครบถ้วนนั้น ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง

“สารเลว นึกไม่ถึงว่าคุณหนิวจะสนใจนายเข้า!”

เว่ยหมิงเยว่กัดฟันแน่นพูดเสียงต่ำ

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอรับรู้มาว่าตระกูลเว่ยจะเชิญผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดมาจัดการหยางเฉิน ยังตื่นเต้นแทบแย่เลย

เดิมทีคิดว่าในที่สุดตนเองก็สามารถลบล้างความอัปยศอดสูได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าหนิวกึงเซิงกลับอยากให้หยางเฉินมาทำธุระให้ตนเอง

พอมาแบบนี้ วันหลังตำแหน่งของหยางเฉินคงจะอิงกับหนิวกึงเซิง ถ้าได้ดีก็ย่อมพลอยดีด้วย ต่อให้เป็นตระกูลเว่ย คงต้องเห็นเขาเป็นแขกพิเศษไปด้วย

ไม่เพียงแค่เว่ยหมิงเยว่ ยังมีคนอื่นของตระกูลเว่ย ซึ่งในใจยังมีความคิดแบบเดียวกัน

ใบหน้าเว่ยเชินเต็มไปด้วยความกังวล เขารู้ชัดเจนอย่างมากถึงเป้าหมายที่หยางเฉินมาตระกูลเว่ยในวันนี้

ปัจจุบันนี้ โจวยู่ชุ่ยอยู่ในมือของเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ แต่ไม่ช้าก็เร็วจะตรวจสอบมาถึงตัวของตนเอง

ตอนนี้หนิวกึงเซิงอยากจะเก็บหยางเฉินไว้ทำธุระ ย่อมต้องช่วยเหลือหยางเฉินในการตามหาโจวยู่ชุ่ยแน่นอน

ถึงตอนนั้นทุกอย่างที่เขาทำไว้ลับหลัง ย่อมต้องเปิดโปงทั้งหมด

เขามองดูซ้ายขวา เห็นความสนใจของทุกคนอยู่ที่ตัวของหยางเฉินกัน จึงค่อยๆ ก้าวเล็กๆ ถอยหลัง คิดจะถือโอกาสออกไป

“ได้ งั้นตกลงตามนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายเป็นคนของฉัน ตอนนี้ฉันจะพานายไปที่สมาคมบูโด!”

หนิวกึงเซิงเอ่ยปากบอก เดิมทีไม่สนใจว่าหยางเฉินยินยอมหรือไม่ อยากบังคับจับหยางเฉินไป

หยางเฉินสู้กับยอดฝีมือตระกูลเว่ยมากขนาดนั้นจนล้มลงด้วยตัวคนเดียว สามารถอธิบายได้ว่าฝีมือของเขาแกร่งมาก

ประเด็นสำคัญคือเขายังอายุน้อยขนาดนี้ด้วย

“นายเป็นใครกัน คู่ควรให้ฉันทำธุระแทนนาย?”

หยางเฉินรู้สึกว่าน่าตลก มองหนิวกึงเซิงเหมือนกำลังมองคนโง่อยู่

ทั้งที่เกิดเหตุเงียบงัน!

ทุกคนต่างถลึงตาโต มองทางหยางเฉิน

เว่ยหมิงเยว่ที่เดิมทีไม่พอใจ ทันใดนั้นดวงตาเป็นประกายขึ้นแล้ว ในใจเต็มไปด้วยการรอคอย

ส่วนเว่ยเชินก็หยุดฝีเท้าที่ถอยหลังไปแล้วเช่นกัน มองทางหยางเฉินด้วยหน้าตาเยาะเย้ย

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท