ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1912 : รับภารกิจ

ตอนที่ 1912 : รับภารกิจ

    ภารกิจเกี่ยวกับท่านเก่อเย่รึ ?  ซีหยุนแสดงสายตาสงสัยออกมา เขาไม่เข้าใจจางลู่และคนอื่นๆ

  เมื่อคิดจะรับภารกิจ งั้นก็ควรรับภารกิจที่ให้ค่าตอบแทนสูงไม่ใช่รึ ?

  แต่จางลู่และคนอื่นๆกลับบอกเงื่อนไข คือไม่ได้สนค่าตอบแทนมากนักแต่อยากได้ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเก่อเย่

    เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องสนใจ แค่ช่วยเราหาภารกิจที่เหมาะก็พอ  จางลู่พูดขึ้นมา

  เขาไม่ต้องอธิบายอะไรให้ ซีหยุน ฟัง

  ซีหยุนไม่กล้าจะถามต่อ เขาได้ตรวจสอบภารกิจ แต่โชคร้ายที่กองทัพทั้งสามไม่ได้ส่งภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเก่อเย่เลย

  สักพักซีหยุนก็พูดขึ้นมา   มีภารกิจเพิ่งส่งมาไม่นาน ตำแหน่งของมันก็ไม่ไกลจากกองทัพสังเกตการณ์ แค่ว่า…  เขาลังเลขึ้นมา    มีอะไร ?  จางลู่ถามขึ้นมา

    ภารกิจนี้คือภารกิจที่ส่งมาจากกองทัพสังเกตการณ์ ไม่ใช่กองทัพทั้งสาม ค่าตอบแทนมันอาจจะน้อยไปนิด.. .ซีหยุน ลังเลและพูดขึ้น   ภารกิจนี้ต้องใช้คนระดับนายพลแค่ 3 คนแต่พวกท่านเป็นกลุ่มแม่ทัพ… 

  ซีหยุนยังพูดไม่ทันจบ จางลู่ก็พูดขึ้นมา   มันคือภารกิจอะไร ? 

  ซีหยุนพูดขึ้น   การสร้างสมบัติโกลาหล สมบัติโกลาหลขั้นสูง นอกจากนี้แล้วยังต้องใช้เวลานานในการสร้าง มันต้องใช้นายพล สามคนร่วมมือกันในการสร้างมันขึ้นมา มันจะใช้เวลาหลายหมื่นปี ค่าตอบแทนแค่ 3 แสนเท่านั้น 

  หลายหมื่นปีเทียบกับลูกปัดแค่สามแสน สำหรับคนอย่างแม่ทัพแล้วไม่ต้องเดาเลยว่าน้อยนิด จากนั้นซีหยุนก็พูดขึ้นต่อ   แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพวกท่านแล้ว แน่นอนว่าคงไม่นาน ประมาณไม่กี่สิบปีเท่านั้นก็อาจจะสำเร็จ…    เมื่อนายพลทั้งสามลงมือแล้วมันคงใช้เวลาหลายหมื่นปีแต่หากเป็นแม่ทัพล่ะ มันจะใช้เวลาน้อยกว่ามากเท่าใด ?

  ส่วนที่น่ากลัวคือทีมคังเฉียงมีแม่ทัพกว่า 21 คน !

  เวลาหลายสิบปีนี่คือสิ่งที่ซีหยุนเดาเอาไว้ ในมุมมองของเขาแล้วมันอาจจะไม่ได้ใช้เวลานานแบบนั้น ยังไงซะนี่ก็เป็นกลุ่มแม่ทัพ !

  หากมีกลุ่มแม่ทัพคอยช่วยสร้างสมบัติก็ไม่ใช่เรื่องยาก

    ลูกปัดสามแสนลูก….ก็พอรับได้  จางลู่คิด   เรารับภารกิจนี้ 

  เขามองไปรอบๆแล้วถามความเห็นคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน เขาก็ตัดสินใจรับภารกิจนี้

  ซีหยุนสับสน จางลู่และคนอื่นๆต่างก็เป็นแม่ทัพ ทำไมถึงต้องรับภารกิจที่ยุ่งยากแบบนี้ด้วย ?

  มันใช้เวลานานและค่าตอบแทนก็ยังต่ำมันไม่ได้น่าสนใจเท่ากับภารกิจอื่นๆ

  หากเขามีความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพ งั้นเขาก็จะรับภารกิจสนับสนุนไม่ก็ภารกิจอื่นๆ มันจะหาลูกปัดมาง่ายกว่าไม่ใช่รึ ?

  แม้ว่าจะไม่เข้าใจการกระทำของจางลู่ และคนอื่นๆ แต่ซีหยุนก็ไม่กล้าจะขัดใจ เขาได้รับภารกิจให้ทันที

  เขาได้ส่งข้อมูลให้กับจางลู่และพูดขึ้น   ข้ารับภารกิจให้แล้ว พวกท่านแค่ต้องไปที่นายจ้างใน 1 ปีและเริ่มภารกิจ… 

    ไม่มีปัญหา  จางลู่และคนอื่นๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว   เรารบกวนเจ้าจริงๆ 

  ซีหยุนรีบพูดขึ้นมา   เป็นเกียรติที่ได้รับใช้พวกท่านทุกคน 

    เกียรติอะไรกัน ซีหยุนเจ้าไม่ได้พบกับคนของสำนักคังเฉียงเป็นครั้งแรก ทำไมเจ้าถึงแสดงท่าทีเช่นนี้ ?  จางลู่ตบไหล่ของซีหยุน   สบายใจได้ สำนักคังเฉียงของเราไม่ได้ถือตัว เจ้าไม่ต้องกังวลไป เจ้าพูดคุยกับเราปกติเถอะ 

  ซีหยุนมองไปที่จางลู่ด้วยท่าทีลังเล

  เขารู้สึกว่าคนของทีมคังเฉียงรวมถึงร่างแยกของเจ้าสำนักล้วนแต่พิเศษ

  พวกเขาเป็นทีมพิเศษแต่กลับทำกับทุกคนราวกับทุกคนเท่าเทียมกัน ถึงพวกเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่เคยดูถูกใคร มันไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งที่ต่ำแล้วจะโดนดูถูก มันทำให้ซีหยุนรู้สึกสบายใจขึ้นมา เขาได้รู้สึกว่าโดนดูถูก

  นี่คือสิ่งที่ทำให้สำนักคังเฉียงพิเศษกว่าทีมอื่น

  ยิ่งได้พบกับทีมคังเฉียงเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือทีมที่เขาอยากเข้าร่วมเท่านั้น

    ท่านจางลู่  ซีหยุนพูดขึ้นมา

    มีอะไรให้รึ ?  จางลู่มองไปที่ซีหยุน

    นี่…  ซีหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้น   ข้าขอโทษด้วยแต่ข้าอยากเข้าร่วมทีมคังเฉียงได้รึไม่ ?    จางลู่เงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น  เจ้าอยากเข้าร่วมทีมคังเฉียงรึ ? 

  ซีหยุนยังไม่ทันได้ตอบกลับ จางลู่ก็พูดขึ้นมา   ข้าเพิ่งบอกไปเองไม่ใช่รึว่าทีมคังเฉียงไม่รับคนนอก… 

  สายตาของซีหยุนหม่นลงทันที

    แต่..  น้ำเสียงจางลู่เปลี่ยนไป   ไม่นานมันอาจจะมีสมาชิกของทีมเข้ามาในเขตซื่อเซียว หากเจ้าช่วยทีมคังเฉียงได้ งั้นข้าก็จะให้โอกาสเจ้าเข้าร่วมทีมคังเฉียง 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น ซีหยุนก็ใจชื้นขึ้นมา

    ขอบคุณผู้อาวุโส !  ซีหยุนยินดีอย่างมาก

  นี่คือทีมที่มีกลุ่มแม่ทัพ !

  เขารู้ว่าเมื่อนับรวมเจ้าสำนักแล้วก็จะมีแม่ทัพถึง 22 คน !

  กองกำลังที่น่ากลัวเช่นนี้เดาว่าถึงกวาดล้างทะเลโกลาหลก็ไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นแค่จักรพรรดิแล้ว ถึงกองทัพทั้งหมดจะร่วมมือกันแต่ใครจะรับมือกับทีมคังเฉียงได้ ?

  คนอื่นๆบอกว่าทีมคังเฉียงคือทีมเทพปีศาจที่พัฒนาขึ้นมา ทีมที่แกร่งกว่าแต่ ซีหยุนน่ะรู้ดีว่าทีมคังเฉียงกับทีมเทพปีศาจไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน ทีมนี้ถือว่าเป็นทีมที่แกร่งที่สุดในทะเลโกลาหลแล้ว !

  การเข้าร่วมทีมคังเฉียงได้นั้นราวกับความฝัน !

    ข้าจะจับตาดูเจ้าไว้  จางลู่หัวเราะออกมา   หวังว่าสักวันเจ้าจะเป็นสมาชิกของทีมคังเฉียงได้ 

  ซีหยุนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง   ข้าจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง ! 

  สักพักจางลู่และคนอื่นๆก็แยกตัวออกมาจากซีหยุน พวกเขาออกจากหมู่บ้านฉิงหยานก่อนจะเดินทางผ่านวังวนและตรงไปที่เมือง…เมืองซื่อเซียว

  บอกกันว่านี่คือเมืองแรกที่กำเนิดขึ้นมาในเมืองซื่อเซียวมันคือเมืองที่เก่าแก่ที่สุด มันอยู่ใจกลางเขตซื่อเซียวมันมียอดฝีมืออยู่จำนวนมาก มันมีทั้งนิกาย, ตระกูล, สมาคมและกองกำลังอื่นๆ รวมถึงศูนย์สั่งการต่างๆ มันคือศูนย์กลางของโกลาหล !

  สำนักงานของทีมเทพปีศาจ, ทีมลั่วชาและทีมอื่นๆที่โด่งดังรวมถึงตระกูลใหญ่ต่างๆก็ตั้งอยู่ที่นี่

  สำนักงานของกองสังทัพเกตการณ์เองก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย

  ใจกลางเมืองซื่อเซียวนั้นมีวังอันงดงามตั้งอยู่ ตำนานบอกว่าวังแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของ ซื่อเซียวมันคือวังซื่อเซียว

  วังซื่อเซียวว่างมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้มันเหมือนกับเครื่องหมายที่ทุกคนใช้เพื่อทำความเคารพ

  ข้างๆวังซื่อเซียวนั้นมีตึกสีเขียวหยกตั้งเรียงรายอยู่ ขนาดของมันเล็กกว่าวังซื่อเซียว ตึกเหล่านี้จะมีทหารคอยดูแล พวกนี้แต่งชุดกองทัพ  ตึกนี้คือสำนักงานกองทัพสังเกตการณ์ โถงสังเกตการณ์ !

  มันไม่เกินไปที่จะบอกว่าอำนาจของกองทัพสังเกตการณ์มากที่สุดในกองทัพทั้งสาม พวกเขามีอำนาจที่จะจัดการใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบใดแต่พวกเขาก็ควบคุมได้ แม้แต่การจำกัดการเคลื่อนไหวของกองทัพซื่อเซียวก็ยังทำได้ อำนาจของพวกเขาได้รับจาก ซื่อเซียวโดยตรง นี่คือส่วนที่กองทัพซื่อเซียวกลัวที่สุด

  จางลู่และคนอื่นๆไม่ได้เข้าไปในเมืองซื่อเซียวผ่านประตูเมือง พวกเขาเดินทางเข้ามาผ่านวังวน เมื่อออกมาจากวังวนก็พบทหารของกองทัพเทียนลั่วยืนขนาบข้างอยู่ พวกนั้นต่างก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา หากเทียบกับกองทหารเล็กๆแล้ว พวกนี้ดูแข็งแกร่งกว่า

  ที่ด้านหน้าทหารเหล่านั้นมีทหารคนหนึ่ง เมื่อดูตราที่อกแล้วก็น่าจะเป็นคนจากกองทัพสังเกตการณ์

  ตอนที่พวกเขาออกมา ที่ตรงหน้าเขาก็พบกับชายหนุ่สองคนที่แต่งชุดดูคุ้นตา สองคนนี้เดินผ่านทหารกองทัพเทียนลั่วออกไปเดินไปหาคนของกองทัพสังเกตการณ์ ทหารทั้งสองทำความเคารพก่อนที่พวกเราจะเดินหายไป

  จากจุดนี้ก็เห็นได้ว่าคนที่เดินทางมานั้นมีอำนาจแค่ไหน

  จางลู่และคนอื่นๆไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อออกมาจากวังวนแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ถนนทันที

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท