“ที่รัก คุณเก่งมากเหลือเกินจริงๆ ฉันเชื่อคุณค่ะ จะมีสักวันหนึ่งที่ได้รับเชิญไปโรงแรมจงโจวแน่นอน ได้เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนของจริง!”
ในดวงตาสวุเจีย เต็มไปด้วยประกายวิบวับ
ฉินยีมองหยางเฉินด้วยความจำใจพอสมควรทีหนึ่ง ทันใดนั้นเธอรู้สึกทนไม่ไหวเท่าไร อยากบอกความจริงกับสวุเจียและถังคุนไป
ถ้าให้พวกหล่อนรู้ว่าหยางเฉินเป็นประธานของต้าเหอกรุ๊ป และเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วย และได้รับบัตรเชิญของตระกูลเมิ่งอีก พวกเขาจะพังทลายหรือไม่?
“งานประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ จะต้องโดดเด่นมากแน่นอน!”
“เหมือนแบบเดียวกับตระกูลเมิ่ง หาน และหนิง “สามตระกูลใหญ่”แห่งเมืองเอก ล้วนเป็นตระกูลใหญ่ที่ยืนอยู่บนยอดสุดของมณฑลเจียงโจวอย่างแท้จริง”
“ยังมีตระกูลเฉินแห่งเมืองโจวเฉิงของพวกเรา หลังจากตระกูลหยวนพังพินาศ ตระกูลเฉินก็จะกลายมาเป็นตระกูลเดอะคิงของเมืองโจวเฉิง ภายใต้สามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก เป็นตระกูลเฉินที่แกร่งที่สุด
“แต่ว่าสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจวก็แกร่งมากเหมือนกัน ว่ากันว่าได้รับบัตรเชิญของตระกูลเมิ่งแล้ว แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเฉิน ยังห่างไกลกันอยู่มากเลยล่ะ”
ถังคุนทำท่าทางพูดจาใหญ่โต เหมือนกับว่าเข้าใจเสียดิบดีต่อสถานการณ์ของแต่ละตระกูลใหญ่ของมณฑลเจียงผิง
ตอนที่พูดเรื่องพวกนี้ ยังมองฉินยีอยู่เรื่อยๆ
เพียงแค่ที่ทำให้เขาผิดหวังคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินยีทำหน้านิ่งสงบ ราวกับว่าเรื่องที่เขาพูดพวกนี้ เธอล้วนไม่เข้าใจ
แต่ที่ทำให้เขาโกรธเคืองคือหยางเฉินส่ายหน้าอย่างคาดไม่ถึง
“ไอ้หนุ่ม ฉันพูดผิดตรงไหนแล้วเหรอ? ทำไมนายถึงส่ายหน้า?” ถังคุนถามอย่างโมโห
เมื่อสักครู่หยางเฉินเพียงแค่ทนฟังไม่ไหวเท่านั้น ถึงส่ายหน้าโดยจิตใต้สำนึก นึกไม่ถึงจะถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าแล้ว
“ฉันทำเหรอ?”
หยางเฉินทำท่าทางไร้ความผิด
“นายทำ!” ถังคุนตวาดใส่
เมื่อสักครู่เขาพูดมากมายขนาดนั้น คือเพื่อดึงดูดความสนใจของฉินยี แต่ฉินยีกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นั่นทำให้เขาไม่สบายใจมากพอแล้ว ผลปรากฏว่ายังมองเห็นหยางเฉินส่ายหน้าอีก
“ยียี สรุปแฟนเธอหมายความว่าอะไรกันแน่?”
“ตัวเองไม่มีความสามารถ แฟนของฉันแค่เล่าด้านที่เดิมทีเขาไม่มีทางสัมผัสได้ให้เขาฟังสักหน่อย เขายังกล้ามาเยาะเย้ยแฟนของฉัน!”
“เขาจำเป็นต้องให้คำอธิบายกับแฟนฉันสักอย่างสิ!”
ชั่วขณะนั้นสวุเจียพูดด้วยหน้าตาโกรธแค้น
ฉินยีขมวดคิ้วแล้ว เดิมทีเจอกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยมต้นคนนี้เข้า เธอยังรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่ผลสุดท้ายกลับทำให้เธอผิดหวังอย่างมาก สวุเจียไม่ใช่สวุเจียคนนั้นในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“สวุเจีย แฟนของฉันไม่ได้มีความหมายจะเยาะเย้ยแฟนเธอ ถ้าเธอยืนยันจะให้เขาขอโทษ ขอโทษทีนะ ฉันไม่เห็นด้วย!”
ฉินยีพูดแบบหน้าตาจริงจัง เวลานี้ ทั่วทั้งตัวของเธอล้วนเป็นความน่าเกรงขามของผู้นำ
เป็นผู้จัดการใหญ่ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมานานขนาดนี้ ถ้าไม่มีพลังอำนาจของผู้จัดการใหญ่สักนิดเลย จะควบคุมดูแลกิจการหนึ่งที่ใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?
ในเมื่ออีกฝ่ายอยากเข้าใจผิด ฉินยีก็ไม่คิดจะอธิบาย แต่ทว่ายอมรับโดยปริยายว่าหยางเฉินเป็นแฟนของเธอ
หยางเฉินตกใจอยู่บ้างนิดหน่อย นึกไม่ถึงเพื่อตนเองแล้ว ฉินยีอยากต่อต้านกับเพื่อนสนิทของตนเอง
สวุเจียรู้สึกตกใจมากเหมือนกัน หล่อนรู้สึกได้ทันใด ที่ตนเองเผชิญหน้าไม่ใช่เพื่อนสนิทคนนั้นในอดีตอีกแล้ว แต่ว่าเป็นคุณผู้หญิงตระกูลใหญ่คนหนึ่ง
“ยียี เธอยังมาโกรธฉันด้วยเหรอ?”
สวุเจียรีบเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มแย้มทันที ควงแขนของฉินยีเอาไว้อย่างแนบชิด หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็แค่ล้อเล่นกับเธอเองเท่านั้น”
ฉินยีพูดแบบท่าทางจริงจัง “ฉันเห็นค่าความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทระหว่างพวกเรามากนะ แต่จะไม่เห็นด้วย ที่มีคนมาเหยียดหยามแฟนของฉัน”
“เอาล่ะ! ฉันผิดไปแล้ว ยังไม่พอเหรอ?”
สวุเจียรีบพูดทันที
หล่อนยังแสดงต่อหน้าฉินยีไม่จบ จะฉีกหน้าให้พังเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
หล่อนอยากให้ฉินยีรู้ว่าคู่หมั้นของตนเองดีต่อตนเองมากแค่ไหน อยากให้ฉินยีอิจฉาริษยาต่อหล่อน
“ยียี ด้านหน้าคือเมืองของเล่นโบราณศตวรรษ ว่ากันว่าด้านในมีของดีมากมายเลยล่ะ พวกเราไปดูกันหน่อยไหม?”
สวุเจียกลอกลูกตาไปทีหนึ่ง ชี้ไปยังเมืองของเล่นโบราณศตวรรษที่อยู่ไม่ไกลนัก ยิ้มแล้วพูดขึ้น
ไม่รอให้ฉินยีตอบรับ หล่อนก็ดึงฉินยีเดินไปด้านหน้า เดินไปพลางพูดขึ้นว่า “เมืองของเล่นโบราณศตวรรษ เป็นเมืองของเล่นโบราณที่ใหญ่สุดในมณฑลเจียงผิง ยังมีเมืองเทียนฝู่ร้านของเล่นโบราณที่ใหญ่สุดของมณฑลเจียงผิงก็อยู่ด้านในด้วย”
“ว่ากันว่าเมืองเทียนฝู่มีเครื่องประดับของสะสมมากมาย อย่างน้อยราคาหลักล้านขึ้นไป!”
“เธอเห็นแหวนเพชรวงใหญ่วงนี้บนนิ้วฉันหรือเปล่า? คือคู่หมั้นของฉัน ซื้อมาจากเมืองเทียนฝู่ จ่ายเงินไปหนึ่งล้านกว่าเลยล่ะ!”
“ยังมีหยกเจ้าแม่กวนอิมบนคอของฉันอีก เป็นคู่หมั้นฉันซื้อจากเมืองเทียนฝู่เหมือนกัน เสียเงินไปตั้งหลายล้าน!”
“พูดจริงๆ นะ คู่หมั้นของฉันดีกับฉันเป็นพิเศษเลย บนตัวฉันเนี่ย ลงทุนไปมากมายเลยล่ะ”
สวุเจียโอ้อวดเครื่องประดับของตนเองไม่หยุด และยังมีคู่หมั้นด้วย
ฉินยีสีหน้าดูไม่ดีเท่าไร โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทสมัยก่อน เธอจึงไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉานเกินไป เลยตอบกลับไปอย่างไม่สนใจไยดี
หยางเฉินกับถังคุนอยู่ด้านหลังของสองสาว ตามมาแบบไม่ใกล้ไม่ไกล
“ไอ้หนุ่ม นายจีบฉินยีติดได้ยังไงกัน?”
ถังคุนมองหยางเฉินด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรพร้อมถามขึ้น
หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ วาดรอยยิ้มขึ้นมา “เหมือนนายจะเข้าใจเรื่องหนึ่งผิดแล้ว”
“เรื่องอะไร?” ถังคุนขมวดคิ้วถาม
“ความจริง เป็นหล่อนที่จีบฉัน!”
หยางเฉินพูดเสียงเบาๆ
คำพูดประโยคนี้ ไม่สามารถให้ฉินยีได้ยินเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเธอต้องระเบิดลงแน่
“อะไรนะ?”
ถังคุนเบิกดวงตากลมตาในชั่วขณะนั้น “ไอ้หนุ่ม นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? สภาพยาจกแบบนายนี้ มีผู้หญิงที่ไหนจะไปจีบนายกัน?”
หยางเฉินไม่ได้สนใจ หัวเราะแล้วพูดว่า “นั่นก็ไม่แน่นะ เหมือนแฟนของฉันไง หล่อนชอบฉันที่เป็นแบบนี้”
ถังคุนแอบรู้สึกตกใจ มองท่าทางของหยางเฉินไม่เหมือนกำลังพูดโกหก
หรือว่าฉินยีชอบคนประเภทนี้จริง?
ไม่นาน ทั้งสี่คนก็มาถึงที่เมืองของเล่นโบราณศตวรรษแล้ว
พึ่งเข้ามาที่เมืองของเล่นโบราณ ก็พบว่าด้านในมีคนล้อมรอบเต็มไปหมด
ปีนี้เป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนของวงการชั้นนำในมณฑลเจียงผิง ไม่เพียงเป็นคนของเมืองเอก ยังมีคนของแต่ละเมืองมากมายต่างมากันหมด
สถานที่แบบเมืองโบราณศตวรรษแห่งนี้ ย่อมจะไม่ขาดคนเป็นธรรมดา
“คึกคักมากเลย!”
ฉินยีถูกความครึกครื้นของเมืองของเล่นโบราณศตวรรษทำเอารู้สึกตกใจไปด้วย
“นี่แค่ชั้นหนึ่งนะ ล้วนเป็นแผงลอยระเกะระกะส่วนหนึ่ง ต่อให้เอาของล้ำค่าไปได้ ความเป็นไปได้ก็น้อยมาก”
สวุเจียพูดอย่างท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “ของดีที่แท้จริง อยู่ที่เมืองเทียนฝู่ชั้นห้า!”
“ที่รัก ครั้งก่อนกำไลหยกของเมืองเทียนฝู่ ที่คุณจ่ายเงินไปหนึ่งล้านกว่าเพื่อซื้อให้ฉัน ไม่ระวังทำหักแล้วล่ะ”
สวุเจียกอดแขนของถังคุนเอาไว้ พูดจาออดอ้อน
บนหน้าถังคุนดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ยังพูดจาแบบใจป้ำมาก “ไม่เป็นไร ที่รัก ผมซื้อให้คุณใหม่อันหนึ่งตอนนี้เลย”
“จุ๊บ!”
สวุเจียหอมลงบนหน้าถังคุนทีหนึ่ง พูดอย่างดีใจ “ฉันรู้ ที่รักรู้ใจฉันที่สุดแล้ว!”
ขณะกำลังพูด หล่อนยังทำหน้าได้ใจพร้อมพูดว่า “ยียี ในฐานะเพื่อนสนิท ฉันยังต้องเตือนสติเธอไว้หน่อย หาแฟน จะต้องหาให้เหมือนคู่หมั้นฉันแบบนี้นะ”
“อย่าสักแต่หามาสักคนหนึ่งเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชาตินี้ เธอคงทำได้เพียงใส่เครื่องประดับราคาไม่กี่พัน”
มองเห็นสีหน้าของฉินยีเปลี่ยนแปลงพอสมควร สวุเจียจึงรีบกอดแขนของฉินยีเอาไว้แนบแน่น “ไป พี่จะพาเธอไปเมืองเทียนฝู่ เปิดโลกสักหน่อย!”