ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1918 : ไม่ได้มาร้าย

ตอนที่ 1918 : ไม่ได้มาร้าย

  กวนเหรินไม่รู้ว่าการพาทีมคังเฉียงมายังโถงแห่งนี้หมายถึงอะไร เขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้น่ากลัวแค่ไหน

  เขาไม่เข้าใจว่าคนที่จินหยางพูดถึงนั้นคือหัวหน้าของเขาเอง เขาคิดว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี แม้แต่คำพูดของเขาก็บ่งบอกได้ว่าเขาพอใจแค่ไหน

  ไม่นานกวนเหรินก็พาทุกคนมายังตึกสีดำหลังหนึ่ง ด้านในดูสลัว มันให้ความรู้สึกหม่นหมองอยู่ทั่วทุกที่

  ด้านในนั้นมีแค่หินก้อนเดียววางไว้ที่ใจกลางห้อง

  กวนเหรินมองไปที่จินหยางแล้วพูดขึ้น   เริ่มทดสอบได้ 

    ข้ารึ ?  จินหยางเหมือนโดนดูถูก   แม้แต่ข้าก็จำเป็นจะต้องทดสอบรึ ? กวนเหรินอย่าเกินไปหน่อยเลย !    ด้วยการที่กวนเหรินฉีกหน้าเขา เขาก็ไม่คิดจะไว้หน้ากวนเหรินอีกต่อไป เขาจึงพูดแต่ชื่อของกวนเหริน

  กวนเหรินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยชา   มันก็แค่การตรวจสอบ ในฐานะคนของจักรพรรดิซื่อเซียวแล้ว หากอยู่ในอาณาเขตของจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องให้ความร่วมมือ 

  จินหยางมองไปที่กวนเหรินแล้วพูดขึ้น   ข้าไม่รู้ว่าใครสั่งเจ้าให้มาหาเรื่องข้า แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องรู้สึกผิดแน่ 

  จินหยางไม่คิดจะเถียงกับกวนเหริน ต่อและเดินไปที่หินทันที

  เมื่อวางฝ่ามือไว้บนหิน ต่อมาหินก็ได้เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมา !

  ต้องรู้ก่อนว่าการทดสอบของนายพลนั้นเป็นแค่สีทองอ่อน มันถึงกับมีสีแดงเข้มด้วย ความแข็งแกร่งของจินหยางในหมู่นายพลถือว่าดีที่สุด คนที่เอาชนะเขาได้คงมีแค่กวนเหริน, ลั่วเซียง, อู๋ห่าว, ซูจิง และรองแม่ทัพอีกไม่กี่คน

  แน่นอนว่านายพลล้วนแต่แข็งแกร่ง

  นายพลที่แกร่งที่สุดไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นคนระดับรองแม่ทัพตามมาด้วย ซูจิง, อู๋ห่าว, กวนเหริน , ลั่วเซียง คนพวกนี้อ่อนแอกว่ารองแม่ทัพเล็กน้อย

  พวกต่ำกว่านี้ก็ถือว่าเป็นนายพลระดับสูงซึ่งนี่อาจจะเป็นระดับของจินหยาง

  แน่นอนว่ามันไม่อาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้จากความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว

  หลังจากที่ทดสอบแล้วจินหยางก็มองไปที่กวนเหรินด้วยสีหน้าหม่น  กวนเหริน ตอนนี้เจ้าพอใจรึยัง ? 

  แม้ว่าด้วยตำแหน่งนายพลแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้แล้ว จินหยางจึงเรียกกวนเหรินแค่ชื่อด้วยท่าทีเฉยเมย

  กวนเหรินไม่ได้ใส่ใจสำหรับการทดสอบของจินหยางนั้นเขาไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย

  ยังไงซะเขาก็รู้ดีว่าจินหยางไม่ใช่คนเผ่าสวรรค์ ทีมคังเฉียงเองก็ไม่ใช่เช่นกัน ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อขัดขวางไม่ให้ทีมคังเฉียงทำภารกิจสำเร็จ นี่เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ตราบใดที่เขาทำตามเป้าหมายกันไม่ให้ทีมคังเฉียงทำภารกิจสำเร็จได้รึสร้างปัญหาให้กับทีมคังเฉียงก็ถือว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว

  สำหรับเผ่สวรรค์น่ะรึ ?

  กวนเหรินไม่เคยคิดถึงปัญหานี้

  ภายใต้การจับตามองของกองทัพสังเกตการณ์แล้ว หากมีเผ่าสวรรค์แอบเข้ามาจริงๆ งั้นพวกเขาก็จะพบทันทีแล้วทำไมถึงต้องมารอจนถึงตอนนี้ ?

    ผลการทดสอบยืนยันแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าสวรรค์แต่มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้โดนยึดร่างโดยคนของเผ่าเทียนรึไม่ได้ยืนยันว่าเจ้าไม่ได้ร่วมมือกับคนของเผ่าเทยียน   กวนเหริน มีอำนาจมากมายในกองทัพสังเกตการณ์ เขาหาข้ออ้างมาแก้ตัวกับจินหยางได้  และทีมคังเฉียงก็ยังไม่ทดสอบไม่ใช่รึ ? ใครจะไปรู้ว่าพวกนี้ปิดบังอะไรไว้ ?    เมื่อพูดจบเขาก็หันไปขอโทษจางลู่และคนอื่นๆ   ข้าขอโทษด้วยที่คิดว่าพวกเจ้าเป็นคนจากเผ่าสวรรค์ คนเผ่าสวรรค์น่ะเจ้าเล่ห์ ไม่มีใครเชื่อใจใครได้ บางทีพวกนั้นอาจจะแฝงตัวอยู่ในทีมคังเฉียงก็ได้…ยังไงซะทีมคังเฉียงก็ไปที่ดินแดนสวรรค์มานาน การทดสอบนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าสำหรับจโกลาหลเช่นกัน 

  คำพูดนี้ไม่อาจจะมีใครปฏิเสธได้

  จางลู่และคนอื่นๆได้แต่มองกวนเหรินอยู่เงียบๆ พวกเขาราวกับมองดูตัวตลกอยู่

  เมื่อรับรู้สายตาของทุกคน กวนเหรินก็คิ้วขมวด มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่จางลู่และคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงเขาจะไม่พอใจแต่ก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้

   เอาล่ะ เชิญ  กวนเหรินมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆและทำท่าทีสุภาพ

  แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองจางลู่และคนอื่นๆอยู่ในสายตาและกลัวหัวหน้าทีมคังเฉียงแต่ยังไงซะเขาก็มีกองทัพคอยหนุนหลัง แม้แต่เก่อเย่ก็ยังได้รับความสนใจจากซื่อเซียว เขาที่เป็นคนของเก่อเย่ถึงจะไปหาเรื่องใครเข้าแต่จะมีใครทำอะไรเขาได้

  สำหรับเป้าหมายของเขาแล้วอย่างน้อยกวนเหรินก็ไม่ได้เผยท่าทีออกมาชัดเจนนัก

  นี่ถือว่เป็นการให้เกียรติทีมคังเฉียงและทำภารกิจของเขาสำเร็จไปด้วย

  จางลู่และคนอื่นๆเคยทดสอบในหมู่บ้านฉิงหยานมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร นี่แค่การทดสอบความแข็งแกร่งไม่ใช่รึไง ? มันไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ มันไม่สำคัญถึงต้องทำอีกครั้งก็ตาม

    ข้าก่อน  จางลู่ยิ้มและเดินไปที่หิน

  แต่จางลู่ยังไม่ทันได้เดินออกไป ที่ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นมา   กวนเหริน ! 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น กวนเหรินก็เผยสีหน้าดีใจออกมา   ลั่วเซียง ในที่สุดเจ้าก็มา ! 

  นี่คือหนึ่งในสามนายพลชั้นนำของกองทัพสังเกตการณ์ ลั่วเซียง !

  ลั่วเซียงเดินเข้ามาในห้องพร้อมสีห้าหม่น ก่อนจะมองไปที่กวนเหริน และตั้งใจจะด่าออกมา   กวนเหริน เจ้ารู้รึไม่ว่าทำอะไรอยู่ ! 

  กวนเหริน มองไปที่ลั่วเซียงแล้วพูดขึ้น   แน่นอนว่าข้ารู้ว่าทำอะไรอยู่ ! เจ้าคิดจะสั่งสอนอะไรข้า ? 

  เขากับลั่วเซียงถึงจะไม่ได้แกร่งเท่ากัน แต่ฐานะนั้นทัดเทียมกัน พวกเขารับผิดชอบงานที่ต่างกันออกไป การที่ลั่วเซียง มาด่าเขาแบบนี้ แน่นอนว่ากวนเหรินต้องไม่พอใจอย่างมากเป็นธรรมดา

  เขามองไปที่จินหยานด้วยสายตาเยาะเย้ยราวกับจะบอกว่าถึงจะมีลั่วเซียงคอยหนุนหลังแต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้

    กวนเหริน !  ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ทำให้ทุกคนต้องขนลุก

  เมื่อได้ยินเสียงนี้ กวนเหรินก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น  ในเวลาเดียวกันจินหยางและลั่วเซียง ก็เหมือนได้ที่พึ่งพวกเขาพากันยืดอกทันที

    เขาเองรึ ?  จางลู่และคนอื่นๆยิ้มออกมา เสียงที่คุ้นเคยนี้พวกเขาไม่มีทางลืมได้ นี่คือคนที่โดนพวกเขาอัดมา แม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์…เก่อเย่

  เก่อเย่ไม่รู้ว่าคนที่กวนเหรินพามานี่คือจางลู่และคนอื่นๆ เขาทำท่าทีสูงส่งและเดินเข้ามาด่า กวนเหริน เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและพบกับจางลู่กับคนอื่นๆเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ   พวกเจ้า…ทำไมพวกเจ้า… 

  นี่คือความกลัวที่เกิดขึ้นจากร่างแยกทั้งสาม !

  มันคือฝันร้ายที่ปลุกเขาในยามค่ำคืน !

  ฝันร้ายนั้นได้กลับมาเยือนเขาอีกครั้ง !

  เก่อเย่สีหน้าแข็งทื่อไป เหงื่อเขาชุ่มไปทั้งตัว เขาพูดอะไรไม่ออก ปากเขาพะงาบไปมา เขาได้แต่เผยรอยยิ้มแข็งทื่ออกมา   พวกท่าน…ไม่ได้มาร้ายสินะ 

  เสียงของเขาสั่นไปด้วยความกลัว

  เขาไม่มีทางลืมวันที่เขาโดนร่างแยกทั้งสามรังแกได้ !

    แม่ทัพเก่อเย่ เราได้พบกันอีกแล้ว  จางลู่และคนอื่นๆพากันหัวเราะออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง

  เก่อเย่ในฐานะนายพลกลับตัวแข็งทื่อพร้อมเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก สายตาของจางลู่และคนอื่นๆนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนความตายจับจ้อง !

  เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาไม่อาจจะหนีจากคนเหล่านี้พ้น กวนเหริน ถึงกับพาพวกนี้มาถึงที่นี่ได้ !

  กวนเหรินไม่รู้เลยว่าคนที่เขาพามานี้น่ากลัวแค่ไหน

    กวนเหรินคิดสร้างปัญหาให้ข้ารึไง !  เก่อเย่เริ่มแค้นกวนเหรินขึ้นมา   เจ้าคิดจะฆ่าข้าเพื่อแย่งตำแหน่งแม่ทัพรึไง?    เขามองไปที่กวนเหรินด้วยตาที่แดงก่ำ เขาไม่เคยอยากฆ่าใครขนาดนี้มาก่อน

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท