ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1915 : เป็นถึงแม่ทัพ

ตอนที่ 1915 : เป็นถึงแม่ทัพ

  คนที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์รึ ?

  เรื่องแบบนี้ไม่ได้น่าสนใจสำหรับคนที่ชีวิตนิรันดร์

  ที่พวกเขาสนใจจริงๆคือ….ผลประโยชน์ !

  จิงหยานเองก็เช่นกัน

  อย่ามองท่าทีถ่อมตัวของเขาและการที่เขายอมอุทิศตัวเพื่อความฝัน แต่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆคือผลประโยชน์ที่ได้มาจากหลังจากที่โด่งดัง

  ตราบใดที่เขาสร้างเกราะระดับสูงที่แกร่งที่สุดขึ้นมาได้ งั้นมันก็ต้องทำให้เขาโด่งดังอย่างมาก จากนั้นมันก็จะมีผลประโยชน์ตามมามากมาย

    ข้าสงสัย  จางลู่ขัดขึ้นมา   ค่าตอบแทนที่เจ้าพูดถึงหมายถึงอะไรกัน ? 

  จินหยางส่ายหน้า   ขอโทษด้วย ข้าต้องพูดกับคนระดับสูงก่อน ข้ารับปากไว้กับเขาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่อาจจะเปิดเผยได้ในตอนนี้ 

  จางลู่ยักคิ้ว นี่ไม่ใช่เรื่องแย่แล้วทำไมถึงเปิดเผยไม่ได้ ?

    ท่านแค่ต้องรู้ว่าเขาคือคนระดับสูงจริงๆ ! ทั้งเขตซื่อเซียวนั้นเขาคืออันดับหนึ่ง !  จินหยางเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา   ตราบใดที่ทำภารกิจนี้สำเร็จ เมื่อมีเขาคอยหนุนหลัง งั้นไม่ว่าทีมคังเฉียงจะทำภารกิจไหนก็จะสะดวกยิ่งขึ้นและอาจจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม 

  ได้รับการหนุนหลังรึ ?

  ทีมคังเฉียงต้องการรึไงกัน ?

  จางลู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี นี่จินหยางคิดว่าพวกเขาเป็นแค่นายพลจริงๆรึ ?

  อย่าพูดถึงเขตซื่อเซียวเลย แม้แต่ทั้งทะเลโกลาหล ใครกันที่จะทำให้พวกเขาอาศัยพึ่งพาได้ ?   แม้ว่าคนที่จินหยางพูดถึงจะเป็นซื่อเซียว แต่จางลู่และคนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นี่ไม่ต้องนับคนที่ต่ำกว่าจักรพรรดิเลย

    ใช่สิ มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะถามเจ้า  จางลู่มองไปที่ด้านนอกจวนแล้วพูดขึ้นมา   นั่นใช่โถงกองทัพสังเกตการณ์รึไม่ ?

    ใช่ โถงกองทัพสังเกตการณ์อยู่ที่นั่น  จินหยางพยักหน้า   พวกท่านคิดจะไปที่นั่นรึ? 

    ไม่ ข้าแค่สงสัยเฉยๆ  จางลู่หัวเราะกลบเกลื่อน

    ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว  จินหยางทำราวกับมองออกทุกอย่าง   กองทัพสังเกตการณ์คือหัวหน้าของสามกองทัพและมีอำนาจที่สุด ไม่มีใครไม่สงสัยเกี่ยวกับกองทัพสังเกตการณ์ 

  จินหยางมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆก่อนจะพูดขึ้นมา   หากสร้างเกราะนี้ได้สำเร็จ ข้าก็จะหาทางพาท่านไปที่โถงกองทัพสังเกตการณ์เอง      เจ้ารึ ?  จางลู่แปลกใจนิดๆ

    ท่านจางลู่ อย่าดูถูกข้าไป  จินหยางพูดขึ้น   ถึงข้าจะไม่ใช่คนใหญ่โตอะไรแต่ข้าก็เคยไปมาเกือบทั่วทุกที่และมีสหายมากมาย บวกกับการทำผลงานนี้ขึ้น แม้แต่กองทัพสังเกตการณ์ก็ต้องไว้หน้าข้าบ้าง 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น จางลู่ก็อยากเข้าไปในโถงนั้นจริงๆ

    แล้วจะรออะไร ? มาเริ่มกันเลย  จางลู่เริ่มร้อนใจ

  เจ้าสำนัก, ความว่างเปล่า และคนอื่นๆต่างก็ร้อนใจเช่นกัน

  เมื่อเห็นแบบนั้น จินหยางก็ไม่รออีกต่อไป เขาได้ส่งหินโกลาหลให้กับจางลู่, เจ้าสำนัก และ ความว่างเปล่า และถือในมือไว้อีกชิ้นก่อนจะพูดขึ้น   ต่อไปข้าทำยังไง พวกท่านก็ทำตามข้า ตกลงรึไม่ ? 

  จางลู่ และคนอื่นๆพยักหน้า การทำตามจินหยางนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา  จินหยางแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาแผ่จิตออกมาและค่อยๆยกหินนั้นขึ้น เขาฉีดพลังของจ้าวโกลาหลและจิตผู้สร้างเข้าไปพร้อมกับพูดขึ้น   ตอนนี้หินโกลาหลอยู่ในสภาพที่เริ่มต้นไม่อาจจะใช้ทำการสร้างได้ ก่อนที่จะสร้างนั้นต้องผ่านการกระตุ้นพลังในหินเพื่อที่จะใช้พลังนั้นสร้างสมบัติขึ้นมาได้….ขั้นตอนนี้จะกินเวลาหลายหมื่นปีจนถึงหลายแสนปี ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหรฺยิ่งใช้เวลาน้อยเท่นั้น หากมีแม่ทัพลงมือด้วยตัวเอง มันอาจจะใช้เวลาประมาณสิบปีรึแค่ไม่กี่ปี… 

  เมื่อพูดได้ครึ่งทาง จินหยางก็เงียบไป เขามองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ

  เมื่อเห็นว่าจางลู่และคนอื่นๆพากันควบคุมหินโกลาหลและแผ่พลังเข้าไป จินหยางก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าหินนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิม มันได้ฉายภาพต่างๆออกมาราวกับผนึกของโกลาหลได้ถูกปลดออก

    นี่ นี่…  จินหยางอึ้งไป

  สีหน้าของเขาทั้งแปลกใจ, อึ้ง, ตะลึงและเหลือเชื่อ ทุกอย่างรวมกันมันทำให้สีหน้าเขาดูค่อนข้างตลก

    มีอะไร ?  จางลู่ ถามขึ้นมา   เราทำอะไรผิดไปรึ ? 

  จินหยาง กลืนน้ำลายและถามขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น   พวกท่าน….ไม่ได้อยู่ระดับนายพลกันสินะ ? 

  สำหรับความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงแล้ว จินหยางไม่คิดสงสัย นอกจากคนที่ใช้ชื่อว่าต้นโกลาหลแล้ว คนที่อ่อนแอที่สุดคือหัวหน้าหน่วย คนที่อยู่ระดับนายพลนั้นมีไม่มาก เมื่อทีมคังเฉียงรับภารกิจนี้ก็คงส่งนายพลเหล่านั้นมา อย่างน้อย จางลู่, เจ้าสำนัก และ ความว่างเปล่า ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่านายพลระดับสูงเลย

  แต่ตอนนี้หินโกลาหลกลับถูกปลดผนึกออกได้อย่างง่ายดาย

  เขาพบว่าเขาเข้าใจผิดไป !

  มันแปลก !   กลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่นายพล !

    แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพที่จะทำการกระตุ้นพลังของหินแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้หินเปลี่ยนแปลงได้เร็วแบบนี้…  จินหยางตัวสั่น เขารู้สึกว่าเขาพบกับความลับบางอย่างเข้าแล้ว

    นายพลรึ ?  จางลู่ยิ้มออกมา   เราไม่ได้พูดว่าเราเป็นนายพล  

  คำพูดนี้ทำให้ในหัวของจินหยางว่างเปล่าไปทันที มันทำให้เขาเครียดยิ่งกว่าเก่า

    งั้นพวกท่านเป็น…  จินหยางถามขึ้นมา

    แม่ทัพ  จางลู่หัวเราะออกมา   พูดตามตรงแล้วเราน่าจะมีความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพ บางที ..อาจจะพอๆกับเก่อเย่ 

  เจ้าสำนักพูดขึ้น   พูดไปแล้วเราก็เคยปะมือกับเก่อเย่มาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง 

  จินหยาง ได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดไป เขาเหมือนกับแข้งขาอ่อนแรง เขารู้สึกว่าคนพวกนี้กำลังปั่นหัวเขา !

  คนระดับแม่ทัพแต่กลับมาปั่นหัวเขารึ ?

  จินหยางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย เขาเพิ่งจะโอ้อวดตัวเองไปบอกว่าจะพาคนเหล่านี้ไปยังโถงกองทัพสังเกตการณ์ เขาได้อวดความสามารถของตัวเอง เขาถึงกับอวดว่ารู้จักคนใหญ่โตต่อหน้าแม่ทัพเหล่านี้ !

  จินหยางรู้สึกราวกับโดนตบหน้าอย่างแรง

  น่าอายจริงๆ !

    ผู้อาวุโส  จินหยางแทบอยากจะคุกเข่าให้กับจางลู่และคนอื่นๆ  ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกท่านมีแล้วสามารถทำภารกิจไหนก็ได้ เหตุใดจึงรับภารกิจนี้… 

  จินหยางใจแทบสลาย

  เขาเป็นแค่นายพล แม้ว่าจะพอมีทักษะอยู่บ้างแต่ต่อหน้าแม่ทัพแล้วเขาไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไปเลย

  ภารกิจที่เขาตั้งขึ้นมาทำให้แม่ทัพสนใจได้ยังไง ?

  นี่มันไม่ตลกไปหน่อยรึไง ?

    ไม่ต้องกังวลไป  จางลู่ยิ้มออกมา   เราเบื่อพอดีเลยรับภาริกจนี้ เจ้าสบายใจได้ เมื่อเรารับภารกิจนี้ เราก็จะทำมันให้สำเร็จ 

  จินหยางอ้าปากค้าง เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี

    ทำไม เจ้ารังเกียจเรารึไง?  จางลู่หัวเราะออกมา

    ไม่   จินหยาง ตัวสั่นพร้อมกับหน้าที่ซีดเผือด   ข้าจะกล้าได้ยังไงกัน  

  นายพลอย่างเขาจะเอาความกล้ามาจากไหน ?

  เขายังไม่อยากตายในตอนนี้

    การที่ได้พวกท่านช่วยถือว่าเป็นเกียรติสำหรับข้าจริงๆ ข้าจะกล้ารังเกียจพวกท่านได้ยังไง  จินหยางรีบพูดขึ้นมาแต่ใจเขาก็ยังสั่น

  ตอนแรกเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้จึงกล้าสั่ง เมื่อรู้แล้วเขาจะกล้าสั่งได้ยังไง ?

  การสั่งแม่ทัพให้ทำตามที่เขาบอกนั้นเขารู้สึกว่าเขาไม่มีความกล้าพอ

  แต่ปัญหาคือเมื่อเปิดการทำงานของหินแล้ว มันก็ไม่อาจจะหยุดได้ ไม่งั้นแล้วหินที่ล้ำค่านี้ก็จะเสียเปล่าไป !

  นี่แหละที่ทำให้จินหยาง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

  เขาควรต้องทำยังไง ?

  เขาจะต้องออกคำสั่งกับใคร ?

    ไม่ต้องคิดมาก  จางลู่ยิ้มออกมา เขาไม่ได้ถือตัวเหมือนกับแม่ทัพ เขาราวกับคนทั่วไป   เจ้าไม่ต้องมองว่าเราเป็นแม่ทัพหรอก เจ้าจะให้เราทำอะไรก็บอกมา เจ้าสบายใจได้ ระหว่างทำภารกิจ ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับภารกิจ หากเจ้าสั่ง เราจะฟังอย่างแน่นอน  

  จินหยางจะพูดอะไรได้อีก ?

  แม้ว่าเขาจะกลัวแต่เขาก็ได้แต่ต้องรวบรวมความกล้า  ยังไงซะหากหินโกลาหลพังไปและไม่อาจจะสร้างแก่นสมบัติโกลาหลขึ้นมาได้ งั้นเขาก็ไม่อาจจะรองรับความโกรธของ เก่อเย่ได้

    คนที่สั่งแม่ทัพได้ตามใจนั้น….  ถึงจินหยางจะกลัวแต่ก็ยังตื่นเต้นในใจ   ใครกันอีกที่จะทำได้นอกจากจักรพรรดิ ? 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท