เฝิงจี้จงร้องไห้แล้ว เขาตกใจจนร้องไห้
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่แม้แต่ผู้นำตระกูลเฝิงยังคุกเข่าขอให้ลงโทษ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้นำของสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอก คงไม่เป็นเช่นนี้หรอกมั้ง?
เขาจะรู้ได้อย่างไร ต่อให้ผู้นำของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงมีชีวิตอยู่ ยามอยู่ต่อหน้าหยางเฉิน แม้แต่ผายลมยังไม่กล้าปล่อยออกมาสักนิด
“เธอบอกว่าน้องสาวฉันเป็นเมียน้อย แทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสามีเธอ?”
สายตาหยางเฉินมองไปทางหยางหลิ่วอีกที
หยางหลิ่วสีหน้าหวาดกลัวเต็มที่ ทันใดนั้นในหัวสมองปรากฏภาพตอนแรกที่ตระกูลหยางยังอยู่ หยางเฉินมาที่ตระกูลหยาง ระหว่างที่ยกมือ สังหารยอดฝีมือตระกูลหยางไปหลายคน
เดิมทีหล่อนอยากจะพึ่งพาอำนาจของตระกูลเฝิง มาแก้แค้นหยางเฉิน แต่วินาทีนั้นที่ผู้นำตระกูลเฝิงคุกเข่าลงแทบเท้าหยางเฉิน หล่อนถึงสำนึกได้ อยากจะไปหาหยางเฉินเพื่อแก้แค้น เกรงว่าชาตินี้ไม่มีความหวังเลย
“ไม่ หล่อนไม่ใช่เมียน้อย และไม่ได้แย่งสามีของฉันด้วย”
สมองของหยางหลิ่วเหมือนรัวกลอง สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง รีบพูดทันที “เป็นสามีฉัน เขาคือคนสารเลว ทั้งที่แต่งงานกับฉันแล้ว ยังอยากไปพัวพันกับน้องสาวคุณ”
“การตายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น เป็นเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง”
“ฉันต่างหากที่เป็นนังแพศยา นึกไม่ถึงจะกล้าเหยียดหยามน้องสาวของท่าน เป็นฉันที่มีตาหามีแววไม่ โง่เขลาเป็นอย่างยิ่ง”
ไม่รอให้หยางเฉินสอบถามต่อไป หยางหลิ่วยอมรับผิดด้วยตนเอง พูดทั้งหมดออกมาต่อหน้าสาธารณชนแล้ว
บางทีคงผ่านไปนานเกิน หล่อนถึงได้ลืมเลือนความหวาดกลัวที่หยางเฉินนำมาให้หล่อนไปบ้าง
เวลานี้ เฝิงฉวนคุกเข่าขอรับโทษ ถึงเตือนสติหล่อนให้นึกถึงความสยองขวัญของหยางเฉินได้
ถ้าหยางเฉินอยากฆ่าหล่อน ยังง่ายดายเหลือเกิน
“ตอนแรกฉันไว้ชีวิตตระกูลหยางไปครั้งหนึ่ง แต่เป็นเพราะเธอ ชีวิตอันนี้เลยพังย่อยยับถึงที่สุด
หยางเฉินมองทางหยางหลิ่วด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยปากพูดขึ้น
เปรี้ยง!
หยางหลิ่วเพียงรู้สึกว่าคำพูดของหยางเฉินเหมือนสายฟ้าฟาด ระเบิดดังข้างหูของตนเอง
หลังหล่อนอึ้งทึ่งไปในชั่วขณะนั้น ประหม่าเป็นอย่างยิ่ง คุกเข่าลงแทบเท้าของหยางเฉิน โขกศีรษะลงบนพื้นอย่างหนัก
“ตึง! ตึง! ตึง!”
หล่อนโขกศีรษะพลางอ้อนวอน “คุณหยาง ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอร้องท่านปล่อยตระกูลไปด้วยค่ะ ฉันสำนึกผิดจริงๆ แล้ว…….”
หยางเฉินไม่ได้สนใจ สำหรับเขานั้น ความเป็นความตายของตระกูลหยาง เขาไม่ได้เก็บมาคิด
ตอนแรกที่ไว้ชีวิตตระกูลหยางไปสักครั้ง เป็นตระกูลหยางช่วงชิงเอาเอง
เพียงแต่ชีวิตครั้งนั้นอยู่ภายใต้ข้อเสนอว่าตระกูลหยางจะไม่แก้แค้น
ปัจจุบันนี้ คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้อยากจะยืมมือของคนอื่นมาล้างแค้นตนเอง
แค่จุดนี้ ตระกูลหยางก็ไม่มีทางรอดอีกแล้ว
“ที่แท้สาวสวยคนนั้นไม่ใช่เมียน้อย แต่เป็นผู้หญิงโง่เง่าคนนี้พูดจาเหลวไหลเอง!”
“ฉันว่าแล้ว! ผู้หญิงที่สวยขนาดนั้น จะเป็นเมียน้อยของคนอื่นได้อย่างไรกัน?”
“พี่เขยของหล่อนเก่งกาจขนาดนั้น หล่อนจะไปแย่งผู้ชายของนังแพศยาคนหนึ่งได้อย่างไรกัน?”
…….
คนมุงดูเหล่านั้นเมื่อสักครู่ยังซุบซิบนินทาฉินยีอยู่เลย เวลานี้กลับเปลี่ยนโทนเสียงฉับพลัน แต่ละคนชี้ไปที่หยางหลิ่ว ก่นด่าเสียงต่ำ
เฝิงฉวนที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง หลังจากฟังเฝิงจี้จงและหยางหลิ่วแล้ว ก็พอเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาได้คร่าวๆ
เวลานี้ ในดวงตาของเฝิงฉวนเต็มไปด้วยไฟโกรธแล้ว อยากพุ่งเข้าไปฆ่าเจ้าสารเลวสองคนนี้ในตอนนี้จนใจแทบขาด
ตอนแรก ตระกูลหยางพังพินาศ ตระกูลหยางพาญาติพี่น้องบางส่วนในตระกูลมุ่งตรงไปเมืองจินเหอทันใด บากหน้ามาพึ่งพาตระกูลเฝิง
เพราะภรรยาของผู้นำของตระกูลหยาง หยางเซี่ยงหมิง เป็นคนของตระกูลเฝิง
ดังนั้นเฝิงฉวนถึงรับคนของตระกูลหยางเหล่านี้ไว้
เพียงแค่นึกไม่ถึงว่าคนที่พังตระกูลหยาง ก็คือชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้
“เฝิงฉวน ฉันไม่สนว่านายกับตระกูลหยางมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่หลังคืนนี้ไป ตระกูลหยางจำเป็นต้องหายไปตลอดกาล!”
หยางเฉินไม่ได้ลงมือกับเฝิงจี้จงและหยางหลิ่ว แต่มองทางเฝิงฉวน พูดจาแบบหน้าตานิ่งเรียบ “ถ้าวันหลัง ให้ฉันรู้ว่าที่มณฑลเจียงผิง ยังมีคนของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงในอดีตอยู่ งั้นตระกูลเฝิงก็สามารถหายไปได้เหมือนกัน!”
เฝิงฉวนพอได้ยิน ในใจเต้นรัวตุบตับ ทั้งตกใจทั้งโกรธ ที่ตกใจคือคำพูดนี้ของหยางเฉิน เห็นได้ชัดว่าปล่อยตระกูลเฝิงไป
ที่โกรธคือหยางหลิ่วกล้าปลุกปั่นเฝิงจี้จง มาหาหยางเฉินเพื่อแก้แค้น
ในฐานะผู้นำตระกูลเฝิง ลูกไม้ตื้นๆ แบบนั้นของหยางหลิ่ว เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร?
“คุณหยางวางใจได้เลยครับ หลังจากคืนนี้ไป ผมจะให้ทั้งตระกูลหยางหายไปจากมณฑลเจียงผิงตลอดกาลครับ!”
เฝิงฉวนรีบพูดรับประกันทันที ในดวงตาสาดยิงแสงหนาวเหน็บสองดวงออกมา มองทางเฝิงจี้จงและหยางหลิ่วที่ตัวสั่นงันงกอยู่ด้านข้าง พูดสั่งว่า “กล้าล่วงเกินผู้นำของเจียงผิง โทษประหาร!”
“เอาตัวไป!”
เฝิงฉวนทำหน้าเย็นชา
ชายกำยำสูงใหญ่ที่เขาพามารีบเข้ามากัน นำเฝิงจี้จงและหยางหลิ่วที่อ่อนแรงไปทั้งตัวออกไปจากร้านอาหารแล้ว
ทุกคนต่างทำหน้าตาตื่นตกใจกันหมด โดยเฉพาะคำพูดประโยคนั้นของเฝิงฉวน ยิ่งทำให้ทุกคนตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ใครๆ ต่างก็เข้าใจกันว่าเฝิงจี้จงและหยางหลิ่วมีชีวิตรอดไม่เกินคืนนี้!
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หยางเฉินมองฉินยีที่อยู่ข้างกาย พูดด้วยท่าทางอ่อนโยน
ฉินยีเหมือนเป็นหุ่นกระบอก ตามหยางเฉินออกไป
“เชิญครับคุณหยาง!”
“เชิญครับคุณหยาง!”
……
ด้านหลัง เฝิงฉวนนำคนของตระกูลเฝิง ร้องตะโกนเสียงดัง
เสียงที่ราวกับคลื่นซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ปกคลุมไปทั่วทั้งถนนอาหาร
จนกระทั่งขึ้นรถแล้ว ฉินยีเหมือนพึ่งตื่นจากฝัน มองทางผู้ชายที่เบาะคนขับด้วยท่าทางซับซ้อน พูดเสียงหนักหน่วง “พี่เขย วันนี้ที่งานประชุมแลกเปลี่ยนของโรงแรมจงโจว สรุปเกิดอะไรขึ้นแล้ว?”
เธอรู้ว่าการแสดงออกของตระกูลเฝิงต้องเป็นเพราะที่ประชุมแลกเปลี่ยนเกิดเรื่องราวใหญ่โตบางอย่างเป็นแน่
หยางเฉินหัวเราะนิดหน่อย ทำหน้าอบอุ่นมองทางผู้หญิงด้านข้าง จากนั้นเอ่ยปากบอก “ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร ฉันก็เป็นพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ?”
พอได้ยิน ฉินยีทำหน้ามึนงง
หลังจากงุนงงไปตั้งนาน อาการตกตะลึงบนใบหน้างดงามนั้นก็ผ่อนคลายกะทันหัน มุมปากเผยลักยิ้มที่น่ารักสองอันขึ้นมา ยิ้มพูดว่า “ใช่แล้ว ไม่ว่ายังไง ฉันเพียงต้องเข้าใจว่าพี่คือพี่ชายฉัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว!”
หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ จากนั้นสตาร์ทรถ ขับออกไปด้วยตนเอง พาฉินยีไปจากเมืองเอก
ในขณะเดียวกัน เมืองจินเหอ ตระกูลเฝิง
คฤหาสน์นอกเมืองเหนือที่หรูหราแห่งหนึ่ง ภายในคฤหาสน์เดี่ยวหลังหนึ่งในนั้น บนโซฟาไม้แท้มีระดับ ผู้อาวุโสคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ นั่นคือผู้นำของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงในอดีต หยางเซี่ยงหมิง
ด้านหน้าของหยางเซี่ยงหมิง ยังมีภาพชายวัยกลางคนยืนอยู่ด้วย
“คุณพ่อครับ เวลานี้ ประชุมแลกเปลี่ยนน่าจะสิ้นสุดลงแล้วมั้งครับ?”
ผู้ชายวัยกลางคนพูดจาด้วยท่าทางรอคอย
หยางเซี่ยงหมิงมองดูเวลาแล้ว เอ่ยปากบอก “น่าจะสิ้นสุดแล้ว!”
“ครั้งนี้ตระกูลเฝิงมอบสิทธิ์จัดงานประชุมแลกเปลี่ยนไปให้ตระกูลเมิ่ง ต้องได้รับการสนับสนุนสำคัญของตระกูลเมิ่งเป็นแน่”
“น่าจะใช้เวลาไม่นานมาก ตระกูลเฝิงคงสามารถเข้าสู่เมืองเอกได้ ไม่แน่ว่าผ่านไปไม่กี่ปี ตระกูลระดับหนึ่งของเมืองเอกอาจจะเพิ่มตระกูลเฝิงเข้าไปด้วย!”
ชายวัยกลางคนพูดด้วยท่าทางฮึกเหิม
เขาชื่อหยางก้วนหยู เป็นลูกชายคนโตของหยางเซี่ยงหมิง และเป็นบิดาของหยางเวยและหยางหลิ่ว
ได้ยินคำพูดของเขา หยางเซี่ยงหมิงก็ดีใจมากเช่นกัน หัวเราะพลางพูดว่า “ไม่ผิด! ตระกูลเฝิงต้องได้เข้าสู่เมืองเอก ถึงตอนนั้น ตระกูลหยางของพวกเราอยู่ที่เมืองจินเหอ ก็จะกลายเป็นตระกูลเฝิงรายต่อไป”
“จริงด้วย! นึกไม่ถึงพวกเราตระกูลหยางพังพินาศที่เมืองโจวเฉิง มาอยู่เมืองจินเหอ กลับได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง” หยางก้วนหยูหัวเราะพูดขึ้นมา
ในแววตาหยางเซี่ยงหมิงประกายแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรงนิดๆ ผ่านไป หรี่ตาพูดว่า “รอถึงวันนี้ที่ตระกูลหยางของฉันฟื้นกลับมา นั่นคือวันตายของเจ้าหมอนั่น!”