ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1922 : คำขอของเจ้าสำนัก

ตอนที่ 1922 : คำขอของเจ้าสำนัก

    ไม่งั้นอะไร ?  เก่อเย่ฮึดฮัดออกมาด้วยท่าทีเย็นชา

  แม้ว่าจะกลัวจางลู่และคนอื่นๆแต่เขาก็ไม่คิดว่าพวกนี้จะกล้าฆ่าเขา

  เขาเป็นหมาที่มีเจ้าของ เจ้าของของเขาคือซื่อเซียว ที่แต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์เอง นอกซะจากว่าร่างแยกของเจ้าสำนัก และเจ้าสำนักสาขากล้าจะเป็นศัตรูกับซื่อเซียว งั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา

  ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็คิดว่าเขาจัดการทุกอย่างได้เรียบร้องหมดจดไม่เหลือหลักฐานใดๆ แม้ว่าจางลู่และคนอื่นๆจะไปตรวจสอบแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเบาะแสพบ

  สำหรับเรื่องนี้เขามั่นใจอย่างมาก

    เจ้าเหมือนไม่กลัวแม้แต่น้อย   จางลู่ยักคิ้ว

  เก่อเย่พูดขึ้นมา   ข้าเป็นถึงแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ ทำไมข้าต้องกลัวด้วย ? 

  คำพูดก็บ่งบอกแล้วว่าเขาเป็นคนของซื่อเซียว

  ใครที่มายังเขตซื่อเซียวต้องฟังคำสั่งของซื่อเซียวเท่านั้น

  จางลู่หัวเราะออกมา   ข้ากลัวว่าเมื่อถึงเวลา จักรพรรดิซื่อเซียวคงปกป้องเจ้าไม่ได้  

  เก่อเย่สีหน้าหม่นลง  นี่เจ้าดูหมิ่นจักรพรรดิรึไม่ ? 

    มันไม่ใช่การดูหมิ่น แต่มันคือความจริง เจ้าควรภาวนาว่าเราจะไม่พบกับหลักฐานอะไรจะดีกว่า   จางลู่พูดขึ้นอย่างใจเย็น

    ฮึ่ม  เก่อเย่ฮึดฮัดออกมา เขาไม่อยากจะเถียงอะไรกับจางลู่ต่อในตอนนี้

  เขายังกังวลใจอยู่ ยังไงซะการตายของผู้หญิงคนนั้นก็เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ

  ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่กลัวคนของทีมคังเฉียงว่าจะฆ่าเขา แต่ถึงไม่ได้ฆ่าแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่โดนพวกนี้อัดเหมือนกับครั้งที่แล้ว

  หากจางลู่และคนอื่นๆร่วมมือกันโจมตีเขา แม้ว่าเขาจะแกร่งขึ้นจนข้ามขอบเขตไปได้ แต่ก็ใช่ว่าจะรับมือกับการโจมตีพวกนี้ได้หมด

  ประสบการณ์กับการถูกอัดยังคงหลอกหลอนในใจเขาอยู่ไม่เลือนลาง

  ลั่วเซียงและจินหยาง มองหน้ากันและเห็นความตะลึงในสายตาอีกฝ่าย พวกเขาไม่คิดเลยว่าต่อหน้าแม่ทัพกลุ่มนี้ แม้แต้เก่อเย่ก็ยังต้องก้มหัวให้

  หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแล้ว งั้นทั้งเขตซื่อเซียวคงวุ่นวายเป็นแน่

    อย่าคิดอะไรมากกับแค่คำพูดจินหยาง ไปกันเถอะ  จางลู่หันกลับและบอกกับจินหยางก่อนจะเดินออกมาจากโถงกองทัพสังเกตการณ์

  จินหยางทำความเคารพเก่อเย่และพูดขึ้น   ท่านเก่อเย่ ข้าขอตัวก่อน    เมื่อพูดจบ จินหยางก็รีบวิ่งออกไปทันที

  เก่อเย่มองไปที่แผ่นหลังของทุกคนโดยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

  ลั่วเซียงเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เขาได้แต่รอให้เก่อเย่เอ่ยปากออกมาก่อน

    เรื่องวันนี้ต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้   สักพักเก่อเย่ก็ละสายตากลับมาและพูดขึ้น

    ได้ !   ลั่วเซียงเหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งหลัง เขารีบก้มหน้าและพึมพำออกมา

  เก่อเย่มองไปที่ลั่วเซียงก่อนจะหันกลับแล้วเดินไปที่ห้องด้วยสีหน้าหม่น   ต่อไปคงได้เวลาจัดการกับ กวนเหริน… 

  กวนเหรินได้ทำลายสมบัติของเขา แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ

  แม้ว่ากวนเหรินจะไม่รู้และทำลายมันโดยไม่ตั้งใจ แต่เก่อเย่ก็ไม่มีที่ระบายความแค้นที่มีในตอนนี้ นอกซะจากระบายมันกับกวนเหริน

    เกราะข้า !  หัวใจของเก่อเย่แทบจะหลั่งเลือดออกมา

  หากมีเกราะที่เกือบไปถึงระดับสมบูรณ์กับตัว งั้นเขาก็มั่นใจว่าจะเอาชนะจินหงได้!

  แต่ทั้งหมดนี้กลับโดนทำลายเพราะกวนเหริน !

  ….

  ที่บ้านของจินหยาง

  จางลู่และคนอื่นๆได้กลับมาที่นั่น

    ผู้อาวุโสทุกท่าน  จินหยางพึมพำออกมาเบาๆเพราะเขาไม่กล้าที่จะพูดดัง   พวกท่านจะทำภารกิจต่อรึ ? 

  ท่าทีของเขาต่อจางลู่และทุกคนนั้นดูเคารพยิ่งกว่าเก่าโดยเฉพาะหลังจากที่เห็นว่า เก่อเย่นั้นกลัวพวกนี้ เขาเคารพทุกคนมากกว่าเดิม เขาแสดงท่าทีถ่อมตัวสุดๆราวกับมนุษย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับเทพเจ้า

  จางลู่ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของจินหยางมากนัก และพูดขึ้น   ทำต่อ 

  พวกเขาไม่ได้สนใจผลลัพธ์ของสงครามแต่พวกเขาไม่รังเกียจหากทำให้อีกฝ่ายปั่นป่วนใจได้

  สำหรับฝั่งของเก่อเย่แล้ว พวกเขาได้แต่ต้องหาทางเข้าไปในคลังเพื่อตรวจสอบ และที่พูดออกไป เพราะพวกเขาจะใช้ตัวซุนเหมิงและซุนหยานมาล่อ เพื่อให้เก่อเย่ออกจากเขตซื่อเซียวไป

  พวกเขาไม่ได้สนใจตรวจสอบเรื่องในอดีตเพราะมันเดาได้ไม่ยาก

  เก่อเย่คือคนร้ายกับการตายของภรรยาซุนเหลียนเชิง มันตัดสินได้โดยไม่ต้องตรวจสอบด้วยซ้ำ

  ….

  ที่ทะเลบรรพกาล

  ในบรรพกาลแห่งใหม่ ร่างของกวนพร้อมกับพลังบรรพรกาลได้รวมตัวกันและอัดแน่นเป็นพลังบริสุทธิ์ บรรพกาลแห่งใหม่ได้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นทะเลบรรพกาลที่มีขนาดเท่ากับโกลาหลทั่วไป ที่น่ากลัวกว่านั้นคือร่างกายใหม่ มันมอบพรสวรรค์อันน่ากลัวให้กับเขา ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

  ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาไม่รู้จบ

    พลังดั้งเดิมของโกลาหล !  กวนตื่นเต้นขึ้นมา

  เขาไม่คิดไม่ฝันว่าแค่ร่างกายใหม่ก็ทำให้บ่มเพาะพลังดั้งเดิมได้ อีกทั้งประสิทธิภาพในการบ่มเพาะก็ยังเพิ่มขึ้นมากว่าพันเท่ารึเป็นล้านเท่า มันราวกับว่าไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้นเขาได้

  ตอนที่กวนตื่นเต้นอยู่นั้น จางหยูก็ได้โผล่มาข้างกายและพูดขึ้น   ร่างกายใหม่เป็นยังไงบ้าง เจ้าชินรึยัง ? 

  ร่างของกวนสั่นไหว เขารีบลุกขึ้นยืนและโค้งให้กับจางหยู   ขอบคุณเจ้าสำนัก ข้าจะสำนึกบุญคุณไปตลอด ! 

  ไม่มีใครรู้ซึ้งบุญคุณได้ดีไปกว่าเขาในตอนนี้แล้ว ความสูญเสียที่ได้กลับคืนมาและยังยิ่งใหญ่กว่าเดิม…มันไม่อาจจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้

  จางหยูโบกมือและพูดขึ้น   ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร 

  กวนพยักหน้าและพูดขึ้น   แก่นของข้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว การบ่มเพาะมีประสิทธิภาพมากกว่าเก่า ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกนี้ดีกว่าที่เคยมีเสียอีก…  เขาอุทานออกมา   ตอนที่ข้าบ่มเพาะได้เร็วที่สุดก็ยังเทียบกับตอนนี้ไม่ได้ …  เขาหมกมุ่นกับการบ่มเพาะจนไม่อยากไปไหน

  จางหยูคิดและพูดขึ้น   เช่นนั้นรึ … 

  ดูเหมือนว่าจ้าวโกลาหลกับจ้าวบรรพกาลจะต่างกันอยู่

  รึ…ร่างบรรพกาลที่เขาได้สร้างขึ้นมานั้นต่างจากร่างของตัวเขาเอง

  ร่างบรรพกาลที่เขาสร้างขึ้นมาถือว่าเป็นจ้าวบรรพกาล ร่างนี้ราวกับร่างที่ท้าทายสวรรค์ มันต่างจากร่างทั่วไป หาเทียบกับร่างของเขาแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยเลย

  มันราวกับร่างที่เพิ่งกำเนิดขึ้นใหม่กับร่างที่โตเต็มวัย !

   เจ้าตามหลังคนอื่นๆในสำนักคังเฉียงอย่างมาก เจ้าต้องตามให้ทัน  จางหยูบอกกับกวน   มันมีลูกปัดดั้งเดิมอยู่ เจ้าไปรับมันมาและพยายามบ่มเพาะโดยเร็วที่สุด…เมื่อความแข็งแกร่งของเจ้าขึ้นไปถึงระดับแม่ทัพแล้ว เจ้าถึงจะออกจากทะเลบรรพกาลไปได้ 

  กวนเบิกตากว้างด้วยความสับสน   แม่ทัพเลยรึ ? 

  เขาเป็นแค่หัวหน้าทีม มันต่างจากแม่ทัพไม่รู้เท่าไหร่

    อย่าดูถูกตัวเองตอนนี้ไป  จางหยูพูดขึ้น   ระดับแม่ทัพนั้นตราบใดที่เจ้าไม่เกียจค้าน มันก็จะใช้เวลาไม่นาน 

  ตอนนั้นจางหยูก็ได้โยนแหวนมิติให้กับกวนและพูดขึ้น   นี่คือลูกปัดดั้งเดิม เจ้าเอามันไปดูดซับก่อน 

  เมื่อกวนรับแหวนไป จางหยูก็ค่อยๆหายตัวไปแต่เสียงของเขายังคงดังก้องในบรรพกาล   จำไว้ว่าหากไม่ถึงระดับแม่ทัพห้ามออกจากทะเลบรรพกาล  

  ปากของกวนกระตุกไปตาม เขามองไปที่แหวนมิติในมือและมองจุดที่จางหยูหายตัวไป เขาอยากจะร้องไห้ออกมา   แม่ทัพ…เจ้าสำนักคิดจะขังข้าไว้ที่นี่ตลอดชีวิตรึไง ?  เขาไม่เคยฝันที่จะเป็นแม่ทัพ แม่ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าหน่วยรึหัวหน้ากองได้ เขาก็พอใจแล้ว

  แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น แม้ว่าจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ต้องพยายามดูดซับลูกปัดพวกนี้

  โชคดีที่ในแหวนมิติมีลูกปัดดั้งเดิมกองกันเป็นภูเขา มันเพียงพอกับการบ่มเพาะของเขา

  ตอนที่เขาดูดซับลูกปัดลูกแรกไป กวนก็ไม่อาจจะใจเย็นได้ เขาเบิกตากว้างและพูดขึ้น   ผลของมัน…  เขาเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น   ผลของลูกปัดส่งผลขนาดนี้เลยรึ ?  เขารู้สึกได้ถึงการพัฒนาอย่างชัดเจน ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมานี้ชัดเจนอย่างมาก

  ไม่อาจจะเป็นภาพลวงตาได้

  เขากลืนน้ำลายและพบว่าเขาดูถูกร่างใหม่นี้เกินไป

  ครึ่งนาทีต่อมา กวนก็รวบรวมสติและทำการดูดซับลูกปัดต่อ ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นมาและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท