จนกระทั่งตอนนี้ เหตุการณ์ฉากนั้นที่หยางเฉินต่อยหมัดเดียวจนทำเขาสั่นถอยไปหลายก้าว ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองเขาแบบชัดแจ๋วทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่เขาจะประเมินศัตรูต่ำไป แต่พอหยางเฉินระเบิดพลังในชั่วพริบตา ยังคงทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน
เย่ม่านอึ้งทึ่งในชั่วพริบตานั้น รีบส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
พูดว่าเป็นไปไม่ได้สองรอบติดกัน พอจะอธิบายความหวาดผวาในใจเธอได้
จากก้นบึ้งหัวใจ เธอไม่มีทางยอมรับได้ว่าชายหนุ่มที่พึ่งถูกเธอใส่ร้ายว่าไม่มีอะไรดีเลยเมื่อสักครู่ จะเป็นราชาเจียงผิงที่ตระกูลเย่อยากจะยกให้เป็นแขกพิเศษ
ในใจเหลียงเหลียนแอบทอดถอนใจ สุดท้ายไม่พูดมากอีก
“ไปตระกูลหานแห่งเมืองเอก ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลใหญ่ที่สุดของเจียงผิง จะไม่รู้ว่าราชาเจียงผิงคือใคร!”
บนใบหน้าที่เย็นชาของเย่ม่านเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ
ความจริงตอนเช้าตรู่วันนี้ เธอมาถึงเมืองเจียงโจวแล้ว ไปหลายตระกูลมาติดต่อกัน กลับไม่มีสักคนกล้าเปิดเผยต่อเธอว่าราชาเจียงผิงคือใคร
ทุกคนล้วนแสร้งแสดงความนบนอบคล้อยตามต่อเธอ ภายนอกแสดงว่าเคารพนับถือมาก แต่ตอนที่เธอถามถึงราชาเจียงผิงขึ้นมา กลับต่างพากันเปลี่ยนหัวข้อ พูดจาคลุมเครือ
นอกจากข่าวที่คนภายนอกเหล่านั้นรู้กัน ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ ต่างไม่ยอมเปิดเผย
และไม่ใช่ว่าตระกูลเหล่านี้ไม่รู้จักดีเลว แต่ว่าวันนั้นที่งานประชุมแลกเปลี่ยน หยางเฉินสั่นสะเทือนจิตใจพวกเขามากเหลือเกิน
ผู้สืบทอดตระกูลหวงโดนกดให้คุกเข่าลงต่อหน้าสาธารณชน แม้แต่ไหล่ยังถูกหยางเฉินบีบจนเละ
นับประสาอะไรกับผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งของตระกูลเย่?
เวลานี้ หยางเฉินมาถึงใต้ตึกของซานเหอกรุ๊ปแล้ว รอรับฉินซีเลิกงาน
ในเวลานี้เอง มือถือของเขาดังขึ้นกะทันหัน
“คุณหยางครับ มีเรื่องหนึ่ง ผมต้องรายงานท่านครับ!”
เสียงของกวนเจิ้งซานดูเคารพอย่างมาก “คนของตระกูลเย่ แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู มาที่ตระกูลกวนแล้วครับ สอบถามถึงข่าวของท่านกับผมครับ”
พอได้ยิน หยางเฉินท่าทางแปลกประหลาด ถามอย่างติดตลกอยู่บ้าง “คนตระกูลเย่ที่คุณพูดถึง คงไม่ใช่เป็นผู้หญิงที่ชื่อเย่ม่านหรอกมั้ง?”
“ใช่ครับ คือผู้หญิงคนนี้ เธออยากจะเจอหน้าท่านสักครั้งครับ!”
กวนเจิ้งซานพูดว่า “ฟังความหมายของเธอ น่าจะอยากตีสนิทท่านครับ”
“แต่ว่าท่านวางใจได้ครับ ข่าวที่เกี่ยวกับท่าน ผมไม่ได้เปิดเผยไปสักนิดเดียว”
“ผมโทรไปกำชับกับตระกูลอื่นไว้แล้ว น่าจะไม่มีใครกล้าเปิดเผยสถานะของท่านครับ”
กวนเจิ้งซานพูดขึ้นอีก
“ดี ผมรู้แล้ว!” หยางเฉินตอบกลับ
หลังวางสายโทรศัพท์ หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ วาดรอยยิ้มเย็นชาขึ้น
“เย่ม่านนะเย่ม่าน ถ้าคุณรู้ว่าผมคือราชาเจียงผิงที่คุณอยากตามหา จะทำหน้าตาอย่างไรกันนะ?”
หยางเฉินพูดพึมพำกับตนเอง
เมื่อสักครู่อยู่ต่อหน้าเย่ม่าน ตอนแรกยังโกรธเคืองเต็มที่
พอรับรู้มากะทันหันว่าเธออยากจะตามหาตนเอง หยางเฉินเพียงรู้สึกว่าความโกรธหายไปมากทีเดียว
เพียงแต่นึกถึงความสัมพันธ์ของเย่ม่านและฉินซี สีหน้าหยางเฉินก็มืดมนลงมาอีกครั้ง
“สรุปฉันจะบอกเสี่ยวซีดีหรือเปล่านะ?” หยางเฉินทำหน้าลำบากใจ
ทันใดนั้นเขาเป็นห่วงฉินซีอย่างมาก ก่อนหน้านี้โจวยู่ชุ่ยก็ทำให้หล่อนเสียใจมากพอแล้ว
พอต่อมา มารดาแท้จริงปรากฏตัวแล้ว คาดไม่ถึงยังเป็นคนนิสัยแบบนี้
อยู่ด้วยกันมาในช่วงเวลานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉินซี ความจริงก็ลึกซึ้งมากแล้ว
ถ้าคนที่เย่ม่านไปหาก่อนคือฉินซี เขาจะไม่สงสัยสักนิดเดียว ฉินซีคงปฏิเสธที่จะแยกจากเขาเหมือนกัน
ด้วยนิสัยของฉินซี แม้กระทั่งมีความเป็นไปได้จะปฏิเสธการยอมรับเย่ม่านด้วย
ส่วนตัวหล่อนเองนั้น กลับต้องยอมรับความเจ็บปวดทุกอย่าง
“หวังว่าตระกูลเย่จะไม่ทำเกินกว่าเหตุแล้วกัน!”
หยางเฉินหรี่ตาพูด สุดท้ายยังตัดสินว่าจะเก็บซ่อนความจริงไว้ชั่วคราว
แค่ในตอนนี้ หากฉินซีรู้ความจริงเข้า น่าจะเจ็บปวดอย่างมาก
ตระกูลหานแห่งเจียงผิง
ในคฤหาสน์เล็กที่แยกเดี่ยวหลังหนึ่ง
“เจ้าบ้านหาน วันนี้ที่ฉันมาหาคุณ มีเรื่องหนึ่งต้องการความช่วยเหลือจากคุณค่ะ!”
เย่ม่านพูดจาอย่างตรงไปตรงมา
หานเซี่ยวเทียนหัวเราะแล้ว “เรื่องที่แม้แต่ตระกูลเย่ยังทำไม่ได้ ผมหานเซี่ยวเทียนจะมีความสามารถอะไร สามารถช่วยเหลือได้ครับ?”
เย่ม่านสีหน้าดูแย่อยู่บ้าง แต่โดยเฉพาะที่นี่คือเจียงผิง เธอจึงไม่กล้ากำเริบเสิบสานเกินไป
“เจ้าบ้านหานพูดตลกแล้วค่ะ หลังจากที่ตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงพังพินาศ ตระกูลหานก็ก้าวขึ้นเป็นตระกูลใหญ่แกร่งสุด ทั่วทั้งมณฑลเจียงผิง ที่เจียงผิง จะมีเรื่องอะไรที่เจ้าบ้านหานทำไม่ได้กันคะ?”
เย่ม่านหัวเราะอยู่พูดไป ในแววตาลึกมีความเย็นชาระดับหนึ่ง
หานเซี่ยวเทียนหัวเราะแต่ไม่พูด ยกแก้วชาที่คราบน้ำชาเปื้อนเต็มเอาไว้ จิบน้ำชาเบาๆ อึกหนึ่ง
เขาได้รับคำเตือนของกวนเจิ้งซานมาตั้งแต่แรกแล้ว เย่ม่านอาจจะมาหาเขา ดังนั้นเขาย่อมรู้เจตนาของเย่ม่านแจ่มแจ้งดี
เห็นเขาไม่พูดจา เย่ม่านก็เงียบไม่พูด ดวงตาทั้งคู่จ้องหานเซี่ยวเทียนที่กำลังก้มหน้าดื่มชาอยู่ตลอด
เหลียงเหลียนยืนอยู่ด้านหลังของเย่ม่านมองทางหานเซี่ยวเทียนด้วยสีหน้าเย็นชา
บรรยากาศกดดันอยู่บ้าง แต่ว่าหานเซี่ยวเทียนกลับเหมือนไม่รู้สึกถึงอะไรเลย นั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชา ท่าทางผ่อนคลายสบายใจ
เวลาผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า จนมาถึงสองนาทีเต็มๆ ยังไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น
ในที่สุดเย่ม่านก็หมดความอดทน น้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาก “ที่ฉันมาเพียงเพื่อเรื่องเดียว ราชาเจียงผิง สรุปว่าเป็นใครกัน?”
หานเซี่ยวเทียนหัวเราะนิ่งๆ “ราชาเจียงผิงก็คือราชาเจียงผิง ไม่ทราบว่าคำถามนี้ของคุณนายเย่หมายความว่าอะไรกัน?”
“หานเซี่ยวเทียน อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันมากเกินไป ฉันไม่ชอบพูดอ้อมค้อม บอกฉันมา คุณหยางราชาเจียงผิง สรุปเป็นใครกันแน่?”
เย่ม่านพูดจาอย่างเย็นชา “ถ้ามาถ่วงธุระสำคัญของตระกูลเย่ ตระกูลหานของคุณแบกรับไม่ไหวหรอกนะ!”
“คุณนายเย่ ขอร้องคนอื่นต้องมีท่าทีของผู้ขอร้องสิ คุณแข็งกร้าวแบบนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครยอมช่วยคุณหรอกมั้ง?”
รอยยิ้มบนหน้าของหานเซี่ยวเทียนหายไป วางแก้วชาลงช้าๆ พูดจาเย็นชา
“ขอร้องคนอื่น?”
เย่ม่านหัวเราะทีหนึ่ง พูดอย่างโมโห “ตระกูลม่านแห่งเจียงผิงเล็กๆ ยังไม่มีสิทธิ์ให้ฉันเย่ม่านไปขอร้อง!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเชิญกลับไปเถอะ!”
หานเซี่ยวเทียนกล่าวไล่แขกออกไปโดยตรง ไม่เห็นเย่ม่านอยู่ในสายตาสักนิดเดียว
“โอหัง!”
เหลียงเหลียนที่อยู่ด้านหลังเย่ม่านตะโกนใส่ ทันใดนั้นก้าวเท้าเข้ามา มองทางหานเซี่ยวเทียนด้วยท่าทางอาฆาตพูดว่า “กล้าไร้เหตุผลกับคุณนายเย่ นายรู้ผลลัพธ์หรือไม่?”
“ที่นี่คือเจียงผิง! ที่นี่คือตระกูลหาน!”
หานเซี่ยวเทียนยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทางถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
แต่คำพูดประโยคนี้ของเขา กลับประหนึ่งกรอกสติปัญญาเข้าในมันสมอง ทำให้เย่ม่านและเหลียงเหลียนได้สติในชั่วพริบตา
ข้างกายเย่ม่านเพียงพาเหลียงเหลียนมาคนเดียว แต่นี่คือตระกูลหานตระกูลชั้นนำของเจียงผิง
ถึงแม้ไม่มีใครสามารถขวางกั้นเหลียงเหลียนได้ แต่ถ้าตระกูลหานอยากฆ่าเย่ม่าน กลับเป็นเรื่องง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ตระกูลเย่ส่งเย่ม่านมาที่เจียงผิง เพื่อมาผูกมิตรกับราชาเจียงผิง แม้กระทั่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วย
ตระกูลหานสามารถอยู่รอดท่ามกลางการปะทะครั้งนี้ พออธิบายได้ว่าความสัมพันธ์ของราชาเจียงผิงและตระกูลหานนั้นแน่นแฟ้น
ถ้าเย่ม่านกล้าแตะต้องหานเซี่ยวเทียนจริง ไม่ต้องพูดถึงสามารถเอาตระกูลหานมาได้หรือไม่ แม้แต่ราชาเจียงผิงที่อยู่ด้านหลังตระกูลหาน ก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไป
“ดี ดีมาก!”
เย่ม่านโกรธไม่เบา กัดฟันแน่นพูดว่า “กล้าเพิกเฉยตระกูลเย่ของฉัน คุณยังเป็นคนแรก!”
พูดประโยคนี้จบ ในหัวสมองของเย่ม่านปรากฏภาพชายหนุ่มที่เย็นชาเผด็จการคนหนึ่งขึ้นกะทันหัน สำหรับตระกูลเย่ เขาไม่ได้มีความเคารพแต่อย่างใด
อารมณ์ของเย่ม่านย่ำแย่มาก ก่อนหน้าอยู่ที่เมืองเจียงโจว ไปมาหลายตระกูลแล้ว ล้วนคว้าน้ำเหลวกลับมา
อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ก็ถูกปฏิเสธหงายหลังมาเช่นกัน
ตอนนี้ที่ตระกูลหาน ก็เป็นเช่นนี้
นี่ทำให้เธอสงสัยอยู่บ้างโดยฉับพลัน แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูในภาพจำของเจียงผิง หรือว่าอ่อนแอขนาดนี้จริงเหรอ?