“ลาก่อน!”
หานเซี่ยวเทียนพูดจาด้วยท่าทางนิ่งเฉย
เย่ม่านโกรธจนกัดฟันไว้แน่น แต่ไม่มีทางทำอะไร ถลึงตาใส่หานเซี่ยวเทียนอย่างโหดร้ายทีหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวออกไป
ถ้าให้คนของตระกูลเย่รู้ถึงสิ่งที่เธอพบเจอมาในวันนี้เข้า ต้องถูกหัวเราะเยาะเย้ยแน่นอน
แต่เธอเข้าใจดี ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นของตระกูลแย่ ก็คงลงเอยแบบเดียวกันอยู่ดี
ทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นเพราะราชาเจียงผิงที่ลึกลับคาดเดาไม่ได้คนนั้น ทำให้ผู้นำตระกูลเย่โปรดปรานอย่างมาก มีคำสั่งมาเฉียบขาดว่าต่อให้ไม่สามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้ ก็ต้องผูกมิตรไว้
ดังนั้นเธอถึงกังวลไม่กล้าทำอะไรเต็มที่ ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ในใจ
เย่ม่านพึ่งออกไปได้ไม่นาน หานเซี่ยวเทียนก็โทรศัพท์ไปหาหยางเฉินแล้ว รายงานสถานการณ์อย่างละเอียด
แต่หยางเฉินตอบกลับมาเพียงประโยคเดียว “ทำได้ดีมากครับ!”
ในเมื่อคุณดูถูกผม ยังอยากจะมาหาผมอีก งั้นก็ได้แต่ทำให้คุณทนทุกข์ยากไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ในขณะเดียวกัน สมาคมบูโด สาขาเจียงผิง
ชายวัยกลางคนที่ท่วงทีไม่ธรรมดาคนหนึ่งมาถึงโดยกะทันหัน
“สาขาเจียงผิง ฉือเจียง ต้อนรับท่านเก้าด้วยความเคารพครับ!”
“สาขาเจียงผิง หลี่หนาน ต้อนรับท่านเก้าด้วยความเคารพครับ!”
……
ภายใต้การนำของฉือเจียงและหลี่หนาน ผู้แข็งแกร่งของสาขาเจียงผิงหลายสิบคนต่างโค้งตัวต้อนรับ
จากจุดนี้สามารถมองออกถึงความสูงส่งของสถานะผู้มาเยือน
“พี่น้องของฉันหนิวกึงเซิง เป็นใครกันที่ฆ่า?”
ท่านเก้าหน้าตาเย็นชามองทางฉือเจียง ตะโกนสอบถาม
ฉือเจียงรีบเข้ามาทันที ลักษณะท่าทางประหม่าเป็นอย่างยิ่ง พูดแบบตาแดงก่ำ “ฆาตกรชื่อว่าหยางเฉิน เป็นที่รู้จักกันว่าราชาเจียงผิงครับ!”
ท่านเก้าชื่อว่าหนิวเกนหุย เป็นพี่น้องแท้ๆ ของหนิวกึงเซิง และเป็นผู้แข็งแกร่งลำดับที่เก้าของสมาคมบูโดสาขาใหญ่ คนเรียกว่าท่านเก้า
เดิมสมาคมบูโดมียอดฝีมือมากมาย เป็นอิทธิพลชั้นนำที่เคารพคนที่ความสามารถแห่งหนึ่ง
ความสามารถอยู่ลำดับที่เก้าในสมาคมบูโดได้ พอจะอธิบายได้ว่าความสามารถของหนิวเกนหุยแกร่งมาก
ผู้แข็งแกร่งในระดับแบบนี้ ถ้าอยู่ในตระกูลใหญ่ชั้นนำที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ย่อมถูกยกให้เป็นแขกคนสำคัญทั้งนั้น
“ท่านเก้าครับ ถึงแม้ผมจะยังไม่มีหลักฐานโดยตรงพิสูจน์ได้ว่าหยางเฉินฆ่าหัวหน้าหนิว แต่ยังคงสามารถมั่นใจได้ว่าคนร้ายที่ฆ่าหัวหน้าหนิว ต้องเป็นเขาแน่นอนครับ!”
คำพูดประโยคนี้ฉือเจียงพูดได้อย่างมีชั้นเชิงมาก
เขารู้ดีมาก ถ้าตนเองยืนหยัดว่าเป็นหยางเฉินฆ่าหนิวกึงเซิงแล้ว หนิวเกนหุยจะต้องเอาหลักฐานจากเขาแน่
เรื่องนี้ เดิมคือเขาใส่ร้ายป้ายสีหยางเฉิน แล้วจะมีหลักฐานได้อย่างไรกัน?
หนิวเกนหุยขมวดคิ้วแล้ว “นายไม่มีหลักฐาน?”
“ท่านเก้าครับ ท่านฟังผมวิเคราะห์ก่อนนะครับ”
ฉือเจียงรีบพูดอธิบายทันที “ที่เจียงผิง ความสามารถของหัวหน้าหนิว เป็นรองแค่ผม สามารถพูดได้ว่าที่เจียงผิง คนที่ทำให้หัวหน้าหนิวแพ้ได้ เดิมทีไม่มีเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฆ่าหัวหน้าหนิวทิ้งครับ”
“ที่จริง ผมตามหาโดยตลอดว่าสรุปแล้วเป็นใครฆ่าหัวหน้าหนิว แต่เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ในที่สุดผมก็เจอกับชายหนุ่มที่ความสามารถแกร่งที่สุดคนหนึ่งเข้าครับ”
“เขาชื่อหยางเฉิน อายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี แต่ความสามารถกลับแกร่งมาก แม้แต่หวงจงผู้สืบทอดของตระกูลหวงแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ยังโดนเขากดจนคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าสาธารณชนเลยครับ”
“สำหรับบอดี้การ์ดข้างกายของหวงจง ถูกหยางเฉินตวาดใส่ทีหนึ่ง ตกใจจนไม่กล้าขยับสักนิด มองดูเจ้านายของตัวเองโดนเหยียดหยามต่อหน้าคนอื่นไปหน้าตาเฉย”
“ไม่เพียงแค่นี้ครับ แม้แต่ผมออกหน้า เขายังไม่สนใจสักนิด เดิมทีไม่เห็นสมาคมบูโดอยู่ในสายตาเลย”
“เขายังข่มขู่ว่าสมาคมบูโดก็แค่พวกหมาไร้น้ำยากลุ่มหนึ่ง เขาฆ่าผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดก็เหมือนฆ่าหมา!”
“นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทรยศสมาคมบูโด วิ่งไปขอหลบภัยกับเขา ผมส่งผู้แข็งแกร่งสามคนไปตามฆ่า ทั้งหมดโดนเขาฆ่าทิ้งครับ!”
ฉือเจียงพูดจาแบบเกรี้ยวโกรธอย่างมาก บนหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
เขาพูดเรื่องพวกนี้ จริงบ้างโกหกบ้าง แต่ความน่าเชื่อถือดูสูงมากจริงๆ
หนิวเกนหุยฟังคำพูดพวกนี้ที่เขาเล่ามา บนหน้าหนาวเย็นเต็มที่ พูดจาด้วยท่าทางดุร้าย “กล้ามาดูถูกสมาคมบูโดของฉัน ยังโอหังจริงๆ!”
“ท่านเก้าครับ ผมไม่มีกำลังต้านทานได้จริงๆ ครับ หมดหนทาง ถึงได้ขอร้องผู้แข็งแกร่งกว่าจากทางสาขาใหญ่ นึกไม่ถึงว่าเป็นท่านเก้าที่ออกหน้าด้วยตัวเองครับ!”
ฉือเจียงทำหน้าตาเคารพ พูดจาคุยโว “ท่านเก้าออกหน้า ต่อให้เจ้าหนุ่มคนนั้นแกร่งแค่ไหน ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวครับ!”
หนิวเกนหุยมองฉือเจียงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “อย่ามาเล่นลูกไม้อะไรต่อหน้าฉัน ถ้าการตายของพี่น้องฉันเป็นเจ้าหนุ่มนั่นที่นายพูดถึงทำจริง ฉันจะต้องล้างแค้นด้วยมือตัวเองแน่”
“แต่ถ้าให้ฉันรู้เข้าว่าเป็นนายกำลังหลอกใช้ฉัน ต่อให้มีสักสิบชีวิต นายก็ไม่พอชดใช้!”
คำพูดนี้ของหนิวเกนหุยเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรง
ในใจฉือเจียงสยองขวัญ แต่ตอนที่ขอร้องเพิ่มกำลังจากสาขาใหญ่ ก็นึกถึงเหตุการณ์ฉากนี้ไว้แล้ว
“ท่านเก้าครับ ที่ผมพูดทั้งหมด เป็นจริงทุกประโยคครับ ไม่กล้าปิดบังเลยสักนิด!” ฉือเจียงพูดด้วยหน้าตาสัตย์จริง
การอ้อนวอนอยู่ในใบหน้าเต็มที่
การมีตัวตนของหยางเฉิน ขัดขวางแผนงานการควบคุมเจียงผิงของเขาอย่างมาก
ขอเพียงหนิวเกนหุยสามารถฆ่าหยางเฉินได้ คงได้เจียงผิงมาอย่างง่ายดาย
ถึงตอนนั้น ตำแหน่งของเขาที่สมาคมบูโด ก็จะพลอยได้ประโยชน์ตามไปด้วย
“พี่น้องของฉัน ร่องรอยสุดท้าย คือที่ไหน?”
หนิวเกนหุยถามขึ้นฉับพลัน
ที่สมาคมบูโด ออกเดินทางแต่ละครั้ง ล้วนจะมีบันทึกไว้
ฉือเจียงรีบตอบทันที “เมืองเจียงโจว ตระกูลเว่ย!”
“ตระกูลเว่ย!”
หนิวเกนหุยหรี่ดวงตาเล็กน้อย สาดยิงแสงเย็นเฉียบสองดวงออกมา จากนั้นเอ่ยปากบอก “เตรียมรถ ส่งฉันไปที่ตระกูลเว่ย!”
“ครับ!”
ในใจฉือเจียงดีใจยกใหญ่ รีบตอบรับทันที
มองโรลส์-รอยซ์ระดับสูงคันหนึ่งค่อยๆ ขับออกไปจากสาขา ฉือเจียงถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง
รอตอนที่เขาได้สติกลับมา รู้สึกว่าที่ด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งหมด
“หัวหน้าสาขาครับ ท่านวางใจได้ หนิวเกนหุยจะต้องไม่ปล่อยเจ้าหนุ่มคนนั้นไปแน่!”
หลี่หนานเดินเข้ามา พูดจายิ้มกริ่ม “ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีหลักฐาน แต่ที่เจียงผิง คนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะฆ่าหัวหน้าหนิว ความน่าสงสัยของหยางเฉินมากที่สุดจริงๆ ครับ”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น!” ฉือเจียงทอดถอนใจพูดขึ้น
ในใจเขาย่อมกังวลเป็นธรรมดา โยนความผิดเรื่องนี้สำเร็จแล้ว เขาก็สามารถควบคุมเจียงผิงได้สบาย ตำแหน่งที่สมาคมบูโดก็เลื่อนขึ้นด้วย
แต่ถ้าเกิดล้มเหลว อย่าว่าแต่สมาคมบูโดเลย แม้แต่หนิวเกนหุยก็คงจะไม่ปล่อยเขาไป
เมืองเจียงโจว ตระกูลเว่ย เวลานี้แสงไฟสว่างไสว
ในคฤหาสน์หรูหราแยกเดี่ยวหลังหนึ่ง เว่ยเฉิงโจวผู้นำตระกูลเว่ยกำลังอยู่ในห้องหนังสือ บนโต๊ะหนังสือปูกระดาษชั้นดีแผ่นหนึ่งไว้
ภายในห้องนอกจากเว่ยเฉิงโจว ยังมีหญิงสาวที่หน้าตางดงาม
เวลานี้ ในมือเว่ยเฉิงโจวจับพู่กันขนอีเห็นชั้นดีแท่งหนึ่ง ฝีมือการเขียนพู่กันบนกระดาษดูทรงพลัง และขีดเขียนออกมาได้เข้มแข็งและชำนาญ
“ความดีดุจน้ำ”ตัวอักษรทั้งเหล่านี้ ไม่นานปรากฏขึ้นบนกระดาษ
“คุณปู่คะ ฝีมือเขียนพู่กันของท่าน นับวันยิ่งยอดเยี่ยม ต่อให้เป็นอาจารย์เขียนพู่กันส่วนหนึ่ง ก็สู้ท่านไม่ได้ค่ะ!”
หญิงสาวรูปงามด้านข้าง ตรงหน้าวางจานฝนหมึกชั้นเยี่ยมอันหนึ่งไว้ มือน้อยๆ กำลังฝนหมึกไม่หยุด ขณะเดียวกันมองทางเว่ยเฉิงโจวด้วยหน้าตาเคารพนับถือ
เว่ยเฉิงโจวหัวเราะแล้ว “หมิงเยว่ แกไม่ต้องทำเป็นใจดีมาชมปู่หรอก ปู่เองฝีมือเป็นยังไง ยังรู้ตัวเองดีมาก”
หญิงสาวคนนี้ คือเว่ยหมิงเยว่ ลูกสาวของเว่ยหู่ลูกชายคนโตของเว่ยเฉิงโจว
หลังจากที่เว่ยเชินและเว่ยเสียงตาย เว่ยเฉิงโจวเหลือเพียงเว่ยหู่ลูกชายคนเดียวแค่นี้ สำหรับเว่ยหมิงเยว่ ก็ชื่นชอบอย่างมาก
เว่ยหมิงเยว่หัวเราะบอกว่า “คุณปู่คะ ในสายตาของหนู ฝีมือเขียนพู่กันของท่านเดิมทียอดเยี่ยมกว่าพวกหลอกลวงที่คุยโวฝีมือตัวเองต่อทุกคนพวกนั้นอีกค่ะ!”
เว่ยเฉิงโจวหัวเราะเสียงดัง มองเว่ยหมิงเยว่ด้วยหน้าตารักเอ็นดู
ในหัวสมองของเขาปรากฏภาพคนหนุ่มที่สง่าผ่าเผยคนหนึ่งขึ้นมาฉับพลันแล้ว