ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1927 : ร่างแยก

ตอนที่ 1927 : ร่างแยก

    เจ้าจะลองดูก็ได้  จางหยูหัวเราะออกมา เขาไม่ได้สนใจ ฉิวหวังมากนัก   เจ้าจะเรียกจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งหมดมาช่วยก็ได้ ข้ารอได้ 

  ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาสามารถดึงโกลาหลหินเข้าไปในโลกตันเถียนได้อย่างง่ายดาย

  ตราบใดที่ไม่เป็นภัยต่อโกลาหลหิน งั้นเขาก็ไม่กังวลว่าใครจะทำอะไรเขาได้

  ฉิวหวังหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ   พูดจาใหญ่โตซะจริงๆ ! ให้จักรพรรดิเผ่าสวรรค์มาร่วมมือกับเพื่อสู้กับเจ้าน่ะรึ ? เจ้าไม่คิดว่าหลงตัวเองเกินไปหน่อยรึไง ! 

  เขาไม่อยากคิดจะแบ่งความลับของกล่องกระบี่ให้กับจักรพรรดิคนอื่นรู้ เขาอยากรู้เรื่องนี้เพียงคนเดียว

  หากจักรพรรดิคนอื่นรู้ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล งั้นมันอาจจะไม่ใช่เขาที่จะได้กล่องกระบี่ไป

  ด้วยนิสัยของจักรพรรดิคนอื่นๆแล้ว พวกเขาน่าจะฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงให้ได้กล่องกระบี่มา

    พูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์  จางหยูพูดขึ้น   หากให้ข้ายกกล่องกระบี่ให้ คงไม่อาจจะทำได้ แต่หากเป็นการสู้กัน ข้าพร้อมเสมอ แต่ข้าขอแนะนำเจ้าก่อน ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะหาเรื่องได้ เมื่อเจ้าคิดจะหาเรื่องข้าจริงๆ เจ้าก็ต้องเตรียมตัวชดใช้เอาไว้ ราคานี้อาจจะเป็นชีวิตของเจ้าเอง 

  ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นมาก และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่พอดีที่เขาอยากจะหาจักรพรรดิมาสู้ด้วยเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งที่แท้จริง

  พูดไปแล้วเขาก็ยังไม่เคยสู้กับจักรพรรดิจริงๆเลย ครั้งที่แล้วเป็นร่างแยกของซื่อเซียว ครั้งนี้ก็เป็นแค่ร่างแยกของฉิวหวัง จักรพรรดิเหล่านี้ระวังตัวจริงๆ พวกเขาไม่คิดจะส่งร่างหลักออกมาง่ายๆ ดูเหมือนว่าในทะเลโกลาหลแห่งนี้ มันมีบางอย่างที่ทำให้พวกนี้กลัวอยู่

    ฮ่าฮ่า..  ฉิวหวังหัวเราะออกมาด้วยท่าทีดูถูก   แค่เจ้าน่ะรึ ? เจ้ากล้าดีมาจากไหนถึงได้มาขู่ข้า ? 

  จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้นมา   นี่ไม่ใช่คำขู่แต่เป็นคำแนะนำ เจ้าเลือกจะฟังรึไม่ก็ได้ตามแต่ใจเจ้า แต่ผลลัพธ์นี้เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นคนเลือกเอง 

  ฉิวหวังมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น   ได้ ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าเจ้าจะทำให้ข้าต้องจ่ายอะไร 

  จากนั้นฉิวหวังก็พูดขึ้นต่อ   รอก่อนเถอะ อีกไม่นาน จักรพรรดิคังเฉียงรวมถึงทีมคังเฉียงจะต้องโดนทำลาย ! 

  เมื่อพูดจบ ฉิวหวังก็คิดจะเดินทางกลับ เมื่อไม่อาจจะใช้ไม้อ่อนได้ งั้นก็ต้องใช้ไม้แข็ง แม้ว่าจะอันตรายและอาจจะปลุกตัวตนที่น่ากลัวขึ้นมาแต่ตราบใดที่ได้เป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้ งั้นไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนก็คุ้มค่า

    คิดจะกลับแล้วรึ ?  จางหยูมองไปที่ฉิวหวังด้วยท่าทีเฉยเมย พลังจิตของเขาแผ่ออกไปผนึกพื้นที่รอบๆเอาไว้จนฉิวหวังไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้   ใครอนุญาตให้เจ้าไปกัน ? 

  เมื่อรู้สึกถึงกำแพงที่จำกัดการเคลื่อนไหวของตัวเอง ฉิวหวังก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดขู่ขึ้นมา   คังเฉียงเจ้าอย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปนัก ! 

    เมื่อเจ้าคิดจะลงมือกับข้า เจ้าหวังให้ข้าปราณีร่างแยกของเจ้ารึ ?  จางหยูฮึดฮัดออกมา พลังจิตของเขาเริ่มบีบตัวเข้ามาราวกับภูเขาที่กดทับตัวฉิวหวังเอาไว้ แรงกดดันอันน่ากลัวนี้ราวกับมีน้ำหนักหลายล้านตัน

  ต่อมาร่างของฉิวหวังก็โดนบดขยี้โดยไม่อาจจะต้านทานได้เลย

  หากเทียบกับตอนที่จัดการกับซื่อเซียวแล้ว ความแข็งแกร่งของจางหยูในตอนนี้ก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างมาก ฉิวหวังไม่อาจจะมีโอกาสที่จะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย เขาถึงกับโดนทำลายไปในทันที

  ภายใต้พลังจิตที่บีบอัดลงมานี้ก็เกิดการระเบิดขึ้น แต่มันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อโลกป่าเลยแม้แต่น้อย

  ….

    คังเฉียง !  ในภูเขาลึกลับแห่งหนึ่งเสียงของฉิวหวังได้ดังก้องไปทั่ว พื้นที่ในเขตของเขาสั่นไหว นายพลทั้งหมดต่างก็พากันตัวสั่น คนในเผ่าสวรรค์ต่างก็พากันหมอบลงกับพื้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

  ขนาดหัวหน้าแม่ทัพยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปและเกิดหวาดกลัวขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าใครกันที่ทำให้จักรพรรดิโกรธแบบนี้ได้

  หลังจากนั้นสักพักแรงกดดันนี้ก็หายไป ทุกอย่างก็ได้กลับมาเป็นดังเดิมอย่างช้าๆ

  บนภูเขาลูกหนึ่ง ร่างของฉิวหวังสั่นไหวด้วยความโกรธ รังสีอาฆาตแผ่ออกมารอบตัวเขา

    ข้าจะฆ่าเจ้า ! ข้าสาบานว่าจะฆ่าเจ้า ! ฉิวหวังกัดฟันแน่นชัดแล้วว่าเขาเกลียดจางหยูแค่ไหน

  เขาไม่เคยเสียหน้าหน้าแบบนี้มาก่อน

  ตอนที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ เขาก็ด้อยกว่าจักรพรรดิทั้งสี่ หลังจากที่ใช้เวลาไปนานรวมถึงการเติบโตของเผ่าสวรรค์สุดท้ายความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนเขาก็สามารถสู้กับจักรพรรดิมนุษย์ได้ แต่เขาไม่เคยแค้นแบบนี้และไม่เคยเสียหน้าแบบนี้มาก่อน

  ตอนนี้สุดท้ายเขาก็รับรู้ถึงความพ่ายแพ้แล้ว มันได้สร้างความทรงจำที่เจ็บปวดให้กับเขาอย่างมาก

  เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิคังเฉียง เป็นจักรพรรดิฝั่งเผ่าสวรรค์รึมนุษย์กันแน่ แต่มันไม่สำคัญ ไม่ว่าจักรพรรดิคังเฉียง จะเป็นคนของฝั่งไหนแต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยจักรพรรดิคังเฉียงไปเป็นอันขาด

    ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน เมื่อพลังจิตของข้าฟื้นฟูขึ้นมา นั่นคือวันตายของเจ้า !  ฉิวหวังสีหน้าหม่นลง เขาได้เอาลูกปัดจิตที่จะคืนให้กับซื่อเซียวออกมาและดูดซับมันเข้าไป เขาไม่สนถึงความเป็นเจ้าของของลูกปัดจิต ถึงเขาจะติดหนี้ซื่อเซียว แต่เขาค่อยคิดหาทางชดใช้ภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูพลังจิตของตัวเองแล้วกลับไปฆ่าจางหยูให้ได้เสียก่อน

  …

  ที่ด้านนอกโกลาหลหิน

  ซื่อเซียวมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าเขาจะรอฉิวหวังอยู่

    เขาคงไม่ได้หนีไปและคิดจะยึดลูกปัดจิตของข้าไว้หรอกนะ ? 

  ในตอนที่เขากำลังจะหมดความอดทนและเตรียมที่จะเข้าไปในโกลาหลหินเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น อยู่ๆโกลาหลหินก็แผ่คลื่นพลังหนึ่งออกมา คลื่นพลังนี้น่าทึ่งจนทำให้ซื่อเซียวต้องชะงัก

    เกิดอะไรขึ้นกัน ? สองคนนั้นสู้กันจริงๆรึ ? 

  จักรพรรดิคังเฉียงกล้าจริงๆ เขากล้าลงมือบ่อยแบบนี้ เขาไม่กลัวว่าจะโดนตัวตนที่น่ากลัวนั่นหมายหัวรึไง ?

  แม้ว่าในใจพอเดาว่าทั้งสองคงสู้กันแต่เมื่อไม่ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ซื่อเซียวก็ไม่กล้าจะยืนยัน

  เพื่อที่จะยืนยันความคิดตัวเอง ซื่อเซียวก็ลังเลสักพักก่อนจะเข้าไปในโกลาหลหินแล้วมุ่งหน้าไปที่โลกป่า

  โลกป่านี้บอกได้ว่าคือแผลในใจของเขา แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วแต่ ซื่อเซียวก็ยังจำมันได้ขึ้นใจ

  หลังจากที่เข้ามาในโลกป่าซื่อเซียว ก็รับรู้ตำแหน่งของจางหยู ได้ทันทีแต่เขาไม่พบฉิวหวัง

    คังเฉียง  ซื่อเซียวทำท่าไม่รู้เรื่องเมื่อตะกี้ และถามขึ้นมา   ตะกี้นี้ข้ารับรู้ถึงคลื่นพลังของเจ้า เกิดอะไรขึ้นกัน ? มีใครมาหาเรื่องเจ้าจนเจ้าต้องลงมือด้วยตัวเองเลยรึ ? 

  ถึงการแสดงของซื่อเซียวจะย่ำแย่แต่ จางหยูก็ไม่คิดจะฉีกหน้าอีกฝ่าย

    มันคือร่างแยกของฉิวหวัง  จางหยูตอบกลับอย่างใจเย็น   เขาเพิ่งจะมาที่นี่ 

  ซื่อเซียวทำท่าแปลกใจ   จักรพรรดิฉิวหวังรึ ? เขามาที่นี่ได้ยังไง ? เขาไปไหนแล้ว ? เขาเป็นจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ เขากล้าดียังไงที่เข้ามาในดินแดนข้า ! หากข้าจับเขาได้ ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ ! คังเฉียง บอกข้ามาว่าเขาอยู่ไหน ข้าจะจัดการกับเขาเอง ! 

  จางหยูตอบกลับ   ในโลกป่าแห่งนี้ 

  ซื่อเซียวตกใจและคิดว่าฉิวหวังได้ซ่อนตัวอยู่ในโลกป่าจริงๆ

  แต่จากนั้นจางหยูก็พูดขึ้นต่อ   มันเหลือแต่เถ้าของเขา เขาได้กลายเป็นดินให้กับโลกป่าไปแล้ว ข้าต้องขอบคุณเขาที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกป่า 

    เขา…เขาตายแล้วรึ ?    แม้ว่าจะพอเดาผลลัพธ์นี้ออก แต่ซื่อเซียวก็ยังแปลกใจอยู่ดี จางหยูจัดการร่างแยกของฉิวหวังได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจางหยูจะแกร่งกว่าครั้งที่แล้วที่เขาเจอเสียอีก

    เขาตายแล้ว เจ้าผิดหวังรึ ?  จางหยูมองไปที่ซื่อเซียว

    แน่นอนว่าไม่  ซื่อเซียวรีบแก้ตัว   แม้ว่าเจ้าจะไม่ฆ่าเขาแต่ข้าก็จะจัดการเอง เขาถึงกับกล้าส่งร่างแยกเข้ามาในพื้นที่ของข้า แค่ตายคงไม่พอ ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าจะจัดการกับเขาได้เร็วแบบนี้…  หากเป็นในอาณาเขตของซื่อเซียว ซื่อเซียวก็มั่นใจว่าจะฆ่าร่างแยกของฉิวหวังได้ แต่ไม่อาจจะลบตัวตนในกระแสเวลาทิ้งได้ หากจะทำเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการยากพอตัว

  คำพูดของซื่อเซียวนั้น จางหยูไม่อาจจะเชื่อได้

  ซื่อเซียวไม่รู้ถึงการมาของอีกฝ่ายได้ยังไง ในเมื่อฉิวหวังได้แผ่พลังออกมามากแบบนี้ ?   แต่จางหยูก้ไม่คิดจะฉีกหน้าซื่อเซียว เขาเปลี่ยนเรื่องทันที   ซื่อเซียว มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรบกวนเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะช่วยข้ารึไม่ 

  ซื่อเซียวใจสั่นนิดๆ เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดออกมา ดังนั้นเขาก็รีบพูดขึ้น  ตราบใดที่ไม่ให้ข้าไปสู้ งั้นเรื่องอื่นก็พอพิจารณาได้ 

    ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องของตัวเองไม่คิดรบกวนเจ้าหรอก  จางหยูพูดขึ้น   ข้าแค่อยากยืมลูกปัดดั้งเดิมของเจ้าสักหน่อย 

    แค่นั้นน่ะรึ ?  ซื่อเซียวแปลกใจ จักรพรรดิคังเฉียงถึงกับเปิดปากขอความช่วยเหลือกับแค่ลูกปัดดั้งเดิมเองรึ

  เขาถึงกับสงสัยว่าจางหยูพูดผิดไปหรือไม่ จางหยูอาจจะอยากยืมลูกปัดจิตไม่ใช่ลูกปัดดั้งเดิม

    เจ้าก็รู้ว่าข้ามีศิษย์และอาจารย์มากมายในสำนักคังเฉียง มันมีความต้องการลูกปัดดั้งเดิมอย่างมาก  จางหยูพูดขึ้น   หากเจ้าให้ข้ายืมลูกปัดดั้งเดิม ข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท