ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1930 : บิดเบี้ยว

ตอนที่ 1930 : บิดเบี้ยว

     จักรพรรดิกุยหลิงมีพลังที่จะลบล้างจักรพรรดิได้ ด้วยการพึ่งโกลาหลที่เราได้สร้างขึ้นมาและรวบรวมจิตของผู้คนมากมายถึงจะต้านทานจักรพรรดิได้ ….   ซื่อเซียวแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเราก็ได้แต่ต้องหลบอยู่ในโกลาหลของเรา เราไม่กล้าออกมาด้วยร่างหลัก เพราะเมื่อร่างหลักปรากฏขึ้นมา มันก็ง่ายที่จะทำให้จักรพรรดิกุยหลิงตื่นขึ้น เมื่อมันตื่นขึ้น แม้แต่จักรพรรดิก็ยากจะหนีจากความตายไปได้  

  จางหยูตะลึง    แกร่งจริงๆ !  

  เขารู้จักแค่กุยหลิงแต่ไม่รู้เลยว่าในหมู่กุยหลิงนั้นจะมีตัวตนที่น่ากลัวแบบนั้นอยู่

  ถ้ากุยหลิงมีไว้เพื่อจัดการกับจ้าวโกลาหลทั่วไป งั้นจักรพรรดิกุยหลิงก็มีไว้จัดการกับจักรพรรดิ

     เจ้ารู้รึไม่ว่าร่างหลักของเราไม่ได้เข้ามาในทะเลโกลาหลนานแค่ไหนแล้ว ?   ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้นมา    เป็นสามล้านล้านปีแล้ว ! สามล้านล้านปี เราไม่ได้เข้ามาในทะเลโกลาหลเลย ! เรากล้าส่งแค่ร่างแยกออกมา เรากลัวว่าจะทำให้จักรพรรดิกุยหลิงตื่นขึ้นเพราะเมื่อมันตื่นขึ้นมาแล้ว แม้ว่าเราจะซ่อนอยู่ในโกลาหลของเรา แม้ว่าจะรวบรวมจิตของทุกคนในโกลาหล แต่ก็ไม่กล้าจะมั่นใจได้ว่าจะปลอดภัย  

  จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา    จักรพรรดิกุยหลิง…มันอยู่ไหนกัน ?  

  ซื่อเซียวส่ายหน้าและพูดขึ้น    ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ตอนที่มันหลับไหลอยู่ มันเหมือนกับหายไป ไม่มีใครรับรู้ตัวตนของมัน มีแค่ตอนที่มันตื่นขึ้นมาเท่านั้น มันถึงจะเผยร่างจริงของมันออกมา…ดังนั้นมันอาจจะอยู่ทุกที่ บางทีมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ในโกลาหลสักแห่ง  

  จางหยูนึกถึงครั้งที่แล้วที่สู้กับซื่อเซียวตอนนั้นเขารับรู้ได้ถึงอันตรายที่ไม่อาจจะอธิบายได้ราวกับตัวตนที่น่ากลัวมองมาที่เขาเขาคิดว่ามันคือพลังจากร่างหลักของซื่อเซียว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอันตรายนั้นจะมาจากจักรพรรดิกุยหลิง

     แล้วกุยหลิงคืออะไร ? ทำไมมันถึงอยากกำจัดจ้าวโกลาหล ?   จางหยูถามขึ้นมา

  ซื่อเซียวส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น    ข้าเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่ที่ข้าจำความได้ กุยหลิงก็มีตัวตนอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะผ่านไปทีไหน ยอดฝีมือทั้งหมดก็ไม่เหลือรอดเลย ตอนที่ยังไม่มีจักรพรรดิกำเนิดขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันอยู่ในความลนลานเพราะกลัวว่าจะโดนกุยหลิงหมายหัว..ต่อมาตอนที่ข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิพร้อมกับ หว่านเกอ, อู่หมิงและเย่าหยาง จากนั้นข้าก็ได้ลาฝันร้ายนั้นได้  

  แต่พวกเขาลาฝันร้ายเดิม แต่กลับต้องมาเจอกับฝันร้ายใหม่

  พวกเขาไม่ต้องกลัวกุยหลิงอีกแต่กลับโดนหมายหัวโดยตัวตนที่น่ากลัวกว่าเดิม นั่นก็คือจักรพรรดิกุยหลิง

  ตอนนั้นพวกเขาโกรธอย่างมาก พวกเขาขึ้นมาเป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจสูงสุดในทะเลโกลาหล พวกเขาได้นำผู้คนไปเผชิญหน้ากับกุยหลิง กุยหลิงจำนวนมากโดนลบไป พวกเขาเองก็เช่นกันแต่เพราะการตายของกุยหลิงจำนวนมากที่ทำให้จักรพรรดิกุยหลิงได้ตื่นขึ้น

     เราเก้าคนได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ พวกเขาได้ทำการทำลายกุยหลิงแต่กลับทำให้จักรพรรดิกุยหลิงตื่นขึ้นมา   พูดไปแล้ว ซื่อเซียวก็เหงื่อตก    วันนั้นจักรพรรดิกุยหลิงได้ตื่นขึ้นมาและนำทัพกุยหลิงเข้ามาเข่นฆ่าผู้คน เราจักรพรรดิทั้งเก้าร่วมมือกันเพื่อล้อมจักรพรรดิกุยหลิงเอาไว้ แต่มันไร้เทียมทานอย่างมาก มีสามคนที่ตายไป อีกหกคนบาดเจ็บหนักและหนีไป จิตได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตอนที่เราหนีมายังโกลาหลที่เราสร้างขึ้นมา จักรพรรดิกุยหลิงก็ไล่ตามมาต่อ มันได้เข้าไปในโกลาหลสองแห่ง โกลาหลของจักรพรรดิทั้งสองโดนทำลายไปทีละแห่งๆ จักรพรรดิสองคนโดนกลืนกินไป เราสี่คนสุดท้ายได้แต่พึ่งพลังของตัวเองรวมถึงจิตของผู้คนในโกลาหลถึงรอดมาได้  

  ฝันร้ายนี้ยังอยู่ในใจเขาไปตลอดกาล

  แม้ว่าเขาจะพัฒนาขึ้นมาจากเดิมมากแต่เขาก็ยังกลัวจักรพรรดิกุยหลิงอยู่ดี

  เมื่อได้ยินคำพูดของซื่อเซียวจางหยูก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ จักรพรรดิกุยหลิงนี่กลับฆ่าจักรพรรดิได้ถึง 5 คน !

  พระเจ้า !

  ตัวตนนี่น่ากลัวจริงๆ !

  เขาถึงกับสงสัยว่าจักรพรรดิกุยหลิงนี้อาจจะเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล ไม่งั้นแล้วจะมีพลังที่น่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง ?

     หลังจากที่กลืนกินจักรพรรดิทั้งห้าไปแล้ว จักรพรรดิกุยหลิงก็เหมือนไม่สนใจจะจัดการกับเรา มันได้กลับไปหลับอีกครั้ง   ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเล่าออกมา

     แต่ไม่นานหลังจากนั้นเผ่าสวรรค์ก็กำเนิดขึ้น…ข้าไม่รู้ว่าพวกนั้นทำอะไร พวกนั้นได้พลังของจักรพรรดิทั้งห้าที่ตายไปและกลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่ ตอนแรกเรายังสยบจักรพรรดิทั้งห้าได้แต่เมื่อเวลาผ่านไป จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้าก็แกร่งขึ้นจนเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป…  

  หากไม่มีกุยหลิงอยู่ พวกเขาก็จะเอาชนะเผ่าสวรรค์ได้ พวกเขาจะไม่เปิดโอกาสให้เผ่าสวรรค์ได้เติบโตแต่พวกเขากลัวกุยหลิง พวกเขาไม่กล้าจะเปิดฉากโจมตีเผ่าสวรรค์เต็มกำลัง พวกเขาไม่กล้ากดดันเผ่าสวรรค์ มันจึงเป็นโอกาสที่เผ่าสวรรค์ได้เติบโตขึ้นมา

  ตอนนี้ซื่อเซียวและคนอื่นๆเหมือนกับนกในกรง แค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็กลัวว่าจะทำให้จักรพรรดิกุยหลิงตื่นขึ้นมา เพราะพวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของมันดี

  จากสามล้านล้านปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้เข้ามาในทะเลโกลาหลเลย มันเห็นได้แล้วว่าจักรพรรดิกุยหลิงนั้นน่ากลัวแค่ไหน

  ในทางกลับกันแล้วแม้ว่าจักรพรรดิเผ่าสวรรค์จะกลัวจักรพรรดิกุยหลิง แต่พวกนั้นก็ไม่ได้โดนจักรพรรดิกุยหลิงจัดการด้วยตัวเองพวกนั้นไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิกุยหลิง แต่แค่ยำเกรงมากกว่า

     มันอันตราย   จางหยูรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เขาได้เข้ามาในทะเลโกลาหลด้วยร่างหลัก เขาอาจจะโดนจักรพรรดิกุยหลิงหมายหัวแล้ว    แม้แต่จักรพรรดิก็ยังอันตรายถึงชีวิต…  

  ซื่อเซียวพยักหน้า   จักรพรรดิทั้งเก้าอาจจะฟังดูแข็งแกร่งแต่เราก็ยังกดดันอยู่ดี มันจะมีสักกี่คนที่เข้าใจเรื่องนี้ ?  

  จักรพรรดิกลัวจนต้องหลบอยู่ในโกลาหลของตนนมากว่าสามล้านล้านปี อีกฝ่ายจะน่ากลัวแค่ไหน ?

  พูดไปแล้วซื่อเซียวก็มองไปที่จางหยูด้วยสายตาอิจฉา    ทะเลบรรพกาลของเจ้าไม่มีกุยหลิงอยู่ นี่ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิกุยหลิงเลย..น่าอิจฉาจริงๆ   มีแค่การเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงด้วยตัวเองถึงเข้าใจดีว่าชีวิตสงบสุขมันดีแค่ไหน    แม้ว่าทะเลบรรพกาลจะมีกฎอยู่ แต่อย่างน้อยจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลก็ไม่มีทางปล่อยจักรพรรดิกุยหลิงให้ฆ่าผู้คน จักรพรรดิไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต  

  จางหยูอยากหัวเราออกมา อันที่จริงเขาเป็นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล แต่เขาเองก็ไม่มีนิสัยจะลบตัวตนของใครทิ้ง

  เมื่อเห็นสีหน้าอิจฉาของซื่อเซียว จางหยูก็ได้ถามขึ้นมา    เจ้าอิจฉาคนในทะเลบรรพกาลรึ ? หากเจ้าอิจฉา ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ  

     จริงรึ ?   ซื่อเซียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น, คาดหวัง, กังวลและเขินอาย

     แน่นอนว่าจริง   จางหยูยิ้มออกมา    ยังไงซะเราก็ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งต่อกัน อีกอย่างแล้วเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ข้าไม่ต้อนรับเจ้า งั้นข้าควรจะต้อนรับเผ่าสวรรค์รึไง ?  

     แต่…จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะยอมรึ ?   ตอนนี้ในมุมมองของเขา จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นน่ากลัวกว่าจักรพรรดิกุยหลิงเสียอีก จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลคือยอดฝีมือที่แท้จริง

  จางหยูยิ้มออกมา    ตราบใดที่เจ้าไม่ทำร้ายทะเลบรรพกาล งั้นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการเข้าร่วมของเจ้า …เจ้าเชื่อแค่ว่าเขาใจกว้างก็พอ สำหรับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล จักรพรรดิอย่างเจ้ากับข้าจะต่างอะไรกับมดสำหรับเขากัน ? เขาจะสนใจการเข้าร่วมของเจ้าทำไมกัน ?  

  เมื่อเห็นเรื่องจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ จางหยูก็หลอกอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจ

  หน้าเขาหนาขึ้นเรื่อยๆ

  ซื่อเซียวแอบหวังอยู่นิดๆ เขาหวังว่าจะขอร้องจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลให้ช่วยทำลายจักรพรรดิกุยหลิงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ภาพเพ้อฝันของเขาก็พังทลายลงไป จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาไม่ได้สนใจการตายของจักรพรรดิเลย แล้วเขาจะมาสนใจจักรพรรดิกุยหลิงทำไม ?   แต่การได้หนีออกจากภัยของจักรพรรดิกุยหลิงนั้น ซื่อเซียวก็ยังดีใจอย่างมาก

     ข้าจะมาที่นี่ได้ยังไง ?   ซื่อเซียวถามขึ้นมา เขาไม่อยากอยู่ในทะเลโกลาหลอีกตอ่ไป แม้แต่เขตซื่อเซียวที่เขาได้สร้างขึ้นมาก็ตาม

  จางหยูพึมพำออกมา    เจ้าไปที่เมืองซื่อเซียวไปหาร่างแยกของข้าทั้งสาม ข้าจะให้ร่างแยกของข้าส่งเจ้ามาที่นี่แต่เจ้าควรคุยกับจักรพรรดิคนอื่นๆก่อน หากพวกเขาติดต่อเจ้าไม่ได้ พวกเขาอาจจะคิดไปว่าเกิดปัญหากับเจ้า  

  เมื่อคิดว่าจะหลอกร่างหลักของซื่อเซียวเข้ามาในทะเลบรรพกาลได้ จางหยูก็คาดหวังอย่างมากแต่แค่ว่าเขาไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า

  หากเขาทำได้ เขาก็เลือกจะหลอกจักรพรรดิมนุษย์ทุกคนแม้แต่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ให้เข้ามาในทะเลบรรพกาล เขาต้องใจเย็นๆเอาไว้อย่าแสดงท่าทีกังวลเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นพิรุธ

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท